4 เทคนิคคลายความอ่อนล้าจากการนั่งเครื่องบินนานตามแบบฉบับแอร์โฮสเตสญี่ปุ่น
ความรู้สึกที่ว่า “การได้ไปเที่ยวมันก็สนุกดีนะ แต่หลังจากเที่ยวมารู้สึกเหนื่อยจัง” เชื่อได้เลยว่าหลายคนคงรู้สึกแบบนี้กันใช่ไหมคะ? ดังนั้นเพื่อให้ร่างกายเราคลายความอ่อนล้าหายเหนื่อยได้ภายใน 1 วันหลังจากที่ไปเที่ยวมาแล้ว “การวางแผน” คือสิ่งสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการขจัดความอ่อนล้าจากการไปเที่ยวคือ “ต้องทำให้เสร็จภายในวันที่เดินทางกลับมาถึงที่พัก” ดังนั้นในวันนี้เราจะมาบอกเล่าเทคนิคเคล็ดลับที่เหล่าแอร์โฮสเตสคนญี่ปุ่นนิยมใช้กันในการคลายความอ่อนล้าหลังจากที่ไปทำงานบินมาซึ่งเชื่อได้เลยว่าผู้อ่านทุกคนสามารถนำเอาไปปรับใช้กันตัวเอง ซึ่งสามารถทำเองง่าย ๆ ที่บ้านได้ มีด้วยกัน 4 เทคนิค ตามนี้เลยค่ะ
เทคนิคที่ 1. รีบอาบน้ำทันทีหลังกลับมาถึงบ้าน
เมื่อเดินทางกลับมาถึงที่พักแล้ว ควรที่จะรีบทำการ “อาบน้ำทันที” เพราะการอาบน้ำนอกจากจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรก เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เรามองไม่เห็นซึ่งอาจจะเกาะติดตัวเรามาจากข้างนอกแล้ว ยังช่วยทำให้ร่างกายสะอาดและรู้สึกสดชื่นได้ดีอีกด้วย โดยสิ่งสำคัญที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งคือ “ควรที่จะทำการแช่ตัวในอ่างอาบน้ำร้อน” และถ้าทำได้แนะนำว่าควรที่จะใส่ “เกลืออาบน้ำลงไปในอ่าง” ด้วย เพราะเกลืออาบน้ำนอกจากจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกออกได้อย่างล้ำลึกแล้ว ยังช่วยเรื่องการขับเหงื่อ ทำให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ลดความเครียดทำให้รู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อยหลังกลับมาจากไปเที่ยวได้เป็นอย่างดี เหล่าแอร์โฮสเตสก็ต่างนิยมชอบที่จะพกเกลืออาบน้ำไปใช้เวลาไปบินกันอยู่เป็นประจำ
เทคนิคที่ 2. รับประทานอาหารเย็นแต่เนิ่นๆ
ก่อนเข้านอนถ้าเรารับประทานอาหารเย็นช้า อาหารส่วนใหญ่ก็จะไม่ย่อย ซึ่งจะทำให้ร่างกายเราต้องทำงานหนักขึ้น อาการหลับยากก็จะตามมา ไหนยังจะทำให้อยากตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกอีก สุดท้ายแทนที่ความเหนื่อยล้าจะลดลงไป กลับทำให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นไม่ได้พักผ่อน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือเหตุการณ์เช่นนั้น แนะนำให้รีบรับประทานอาหารเย็นแต่เนิ่น ๆ เช่น เลือกรับประทานอาหารที่สนามบินหรือระหว่างทางกลับบ้านแทน แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ แล้วต้องรับประทานอาหารเมื่อเดินทางกลับมาถึงที่บ้านพักแล้ว ก็ควรที่จะเลือกรับประทานอาหารเบา ๆ ที่ไม่หนักท้อง เช่น ซุปใส่ผักหลากหลายชนิด เพราะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นแล้ว ยังไม่เพิ่มภาระให้ร่างกายต้องทำงานหนักก่อนเข้านอนได้อีกด้วย
เทคนิคที่ 3. ปรับเปลี่ยนเวลานอนให้เหมาะสม
การนอนถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการที่จะช่วยให้ร่างกายได้พักจากความเหนื่อยล้า แต่การนอนก็ควรที่จะต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เช่น ถ้ากลับถึงบ้านพักในช่วงเวลากลางคืน ก็ไม่ควรที่จะทำกิจกรรมอะไรต่อ เมื่ออาบน้ำเสร็จควรตรงเข้านอนเลย ถึงแม้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวตามปกติเเล้วอาจจะไม่ใช่เวลานอนที่เราเคยชินก็ตาม
ในกรณีที่ถ้าการนอนนั้นทำให้เรากลายเป็นตื่นเช้ามากในวันถัดมา เมื่อตื่นแล้วก็ไม่ควรที่จะคิดกลับไปนอนอีกครั้ง ควรลุกตื่นขึ้นออกจากเตียง แล้วหากิจกรรมยามเช้าทำแทน เช่น ออกกำลังเบา ๆ เพื่อให้ร่างกายได้อาบแสงแดดยามเช้า ก็จะเป็นการช่วยปรับสมดุลของนาฬิกาชีวิตให้กลับมาเหมือนเดิมได้เร็วที่สุดค่ะ และถ้าช่วงเวลาที่เดินทางกลับมาถึงบ้านเป็นช่วงเวลากลางวัน ก็ควรที่จะทำการ “งีบหลับเล็กน้อย” เพื่อให้ร่างกายได้หยุดพักสักครู่ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องระวังคือ “ไม่ควรที่จะงีบหลับมากกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง” และ “ควรที่จะตื่นก่อนเวลา 15.00 น.” เพราะถ้านอนเกินกว่านั้นไปจะไม่ถือว่าเป็นการงีบหลับเล็กน้อย ซึ่งจะทำให้เราไม่รู้สึกง่วงพอถึงเวลาที่ควรเข้านอนในตอนกลางคืน ก็จะทำให้ระบบร่างกายรวนได้
เพื่อไม่ให้งีบหลับมากเกินไป เราไม่ควรที่จะปิดไฟหรือทำให้ห้องนอนมืดสนิท เพราะร่างกายจะเข้าใจผิดว่าเป็นช่วงเวลากลางคืน จะทำให้เรานอนหลับลึกเกินไป ไม่ตื่นขึ้นได้ง่าย กลายเป็นแทนที่จะเป็นการงีบหลับเล็กน้อย จะกลายเป็นนอนเยอะเกินไปแทน แต่ถ้าใครที่รู้สึกเป็นกังวลว่าจะตื่นไม่ได้ ก็แนะนำว่าให้ใส่ตารางกิจกรรมเอาไว้เพื่อที่ร่างกายเราจะได้รู้สึกว่าต้องตื่นขึ้นมาทำกิจกรรมเหล่านั้น ซึ่งเหล่าแอร์โฮสเตสหลายคนก็นิยมทำแบบนี้ โดยเมื่อเดินทางถึงโรงแรมที่พักในช่วงเวลากลางวัน หลังจากที่งีบหลับเล็กน้อยแล้วก็จะนัดเพื่อนร่วมงานออกไปชอปปิง กินข้าว เป็นต้น
เทคนิคที่ 4. นวดผ่อนคลายกดจุดคลายเส้นก่อนเข้านอน
ก่อนเข้านอนแนะนำให้ทำการยืดเส้นยืดสายหรือทำการคลายเส้นโดยนวดหรือกดจุดอย่างน้อย 3 นาทีก่อนเข้านอน ก็จะช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ ถ้าใครไม่ถนัดก็สามารถนำอุปกรณ์เครื่องมือเข้ามาช่วย เช่น ที่กดจุดหรือเครื่องนวด เพราะเวลาที่เรานั่งเครื่องบินนาน ร่างกายตามส่วนต่าง ๆ ก็จะตึงไปหมด ถ้าเราไม่ทำให้เส้นที่ตึงคลายตัว ต่อให้พยายามนอนหลับพักผ่อนมากเพียงใด เมื่อตื่นขึ้นมาตัวเราก็ยังรู้สึกว่าไม่สดชื่นอยู่ดี
บางคนอาจจะคิดว่าเทคนิคต่าง ๆ ที่บอกมา เช่น การอาบน้ำหรือนวดผ่อนคลาย ถ้ามีเวลาทำสิ่งเหล่านี้เลือกเอาเวลาไปนอนพักผ่อนดีกว่า ผู้เขียนแนะนำว่าไม่ควรคิดเช่นนั้นนะคะ เพราะกิจกรรมต่าง ๆ ที่บอกไป ในความเป็นจริงแล้วสามารถช่วยผ่อนคลายและฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยอ่อนล้าได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ดังนั้นลองทำตามกันดู เชื่อเลยว่าจะช่วยให้ร่างกายกลับมาสดชื่น พร้อมที่จะกลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างกระปรี้กระเปร่าสดใสแน่นอนค่ะ
สรุปเนื้อหาจาก : allabout.co.jp