'แกงกะหรี่' คือหนึ่งในอาหารหลักของชาวญี่ปุ่นที่ไม่ว่าจะเป็นมื้อไหน ๆ อาหารจานโปรดนี้ก็มักจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของพวกเขา แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในจังหวัดวากายามะ ช่วงปี 1998 อาจทำให้ชาวญี่ปุ่นหลาย ๆ คนอาจเริ่มแขยงการกินข้าวแกงกะหรี่ขึ้นมาสักนิดนึงเพราะอาหารแสนโอชะจานนี้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นอาวุธสังหารที่หมายคร่าชีวิตคนนับร้อย!
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเขตโซโนเบะ จังหวัดวากายามะ ระหว่างเทศกาลฤดูร้อนในเดือนกรกฎาคม 1998 แม่บ้านคนหนึ่งที่มีนามว่า 'มาซูมิ ฮายาชิ' ได้ปรุงแกงกะหรี่สูตรลับของเธอมาแจกจ่ายเพื่อนบ้านที่งาน ทุกคนเพลิดเพลินกับอาหารจานอร่อยและเทศกาลก็ดำเนินไปอย่างเป็นปกติจนกระทั่งในวันต่อมามีคนทั้งหมด 4 คนเสียชีวิตพร้อม ๆ กัน สองในนั้นคือข้าราชการตำแหน่งใหญ่ประจำจังหวัด ส่วนอีก 2 รายเป็นเด็กอายุเพียง 10 และ 16 ปี
เป้าหมายของคนร้ายถูกเล็งไปที่มาซูมิแทบจะในทันทีเพราะผู้ตายทุกคนล้วนได้ชิมฝีมือข้าวแกงกะหรี่ของเธอทั้งนั้น และจากการสืบสวน เจ้าหน้าที่พบสารหนูหรือสารอาร์เซนิกจำนวน 1,000 กรัม ปะปนอยู่ในอาหารซึ่งมีฤทธิ์พอที่จะฆ่าคนได้ 100 คน เธออ้างว่าที่ลงมือทำไปเพราะโกรธแค้นที่เพื่อนบ้านดูถูกและไม่ยอมรับครอบครัวของเธอ และสารหนูที่พบในแกงกะหรี่ก็เป็นสิ่งที่เธอขโมยมาจากบริษัทของสามีที่ให้บริการกำจัดแมลงนั่นเอง
นอกจากเจตนาอันแสนโหดเหี้ยมในครั้งนี้แล้ว ตำรวจยังพบว่ามาซูมิและสามีได้พัวพันกับคดีฉ้อโกงอีกหลายคราวที่ทุกคนสันนิษฐานว่านั่นคือที่มาของรายได้และความร่ำรวยของครอบครัวฮายาชิ รวมไปถึงครั้งหนึ่งที่เธอพยายามจะฆ่าสามีตนเองเพื่อเอาเงินประกันในครั้งที่มาซูมิยังทำงานในบริษัทประกันชีวิตอีกด้วย!
4 ชีวิตที่เป็นเหยื่อของแกงกะหรี่มรณะในครั้งนี้ทำให้ศาลตัดสินประหารชีวิตมาซูมิในปี 2002 แต่ตัวเธอเองยื่นอุทธรณ์และพยายามพิสูจน์ว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ในปี 2009 ศาลฎีกาปฏิเสธคำร้องของเธอในปี 2017 ทำให้คดีนี้ยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คราวหน้าหากจะรับอาหารจากคนแปลกหน้ามาชิม คงต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิมเสียแล้ว…
อ้างอิง