ประวัติศาสตร์แห่งการ ‘ช่วยตัวเอง’
.
.
.
จากสมัยก่อนกาลนานโพ้น
เมื่อ ‘เซ็กส์’ หรือการมีเพศสัมพันธ์
เป็นเพียงหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อสืบทอดขยายเผ่าพันธุ์ออกไปไม่ให้สาบสูญ
ไม่ได้เป็นเรื่องโรแมนติก หรือโฟกัสที่ความสุขทางความใคร่ของคนเราเท่าไหร่นัก
จนมีบางครั้งบางคราว
เรื่องเซ็กส์นี้ กลับกลายเป็นเหมือนเรื่องต้องห้าม
เรื่องน่าขยะแขยง หากได้มีการพูดถึงเรื่องนี้
ในช่วงที่ผิดที่ผิดเวลา ไม่เหมาะสมตามระเบียบแบบแผนของสังคมที่อยู่นั้น ๆ
.
.
.
เราเลยขอพาเดินทางกลับไปยังยุคแรกเริ่ม
ของสังคมโลก ที่เพิ่งจะเข้าใจว่า อ๋อ
ความต้องการทางเพศ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตเรา
‘มันคือความสำราญ ระเริงใจ’
และไม่จำเป็นที่เราต้องกดต้องฝืนมันเอาไว้
‘เราปลดปล่อยมันออกมาได้ แม้ไม่จำเป็นต้องพึ่งมนุษย์อีกคนหนึ่ง’
เรื่องราวเหล่านั้นมันเริ่มเดินทางมายังไง?
.
.
.
ในยุคของพระนางวิคตอเรีย (1837 – 1901)
เป็นช่วงที่มีแต่คุณหญิงคุณชาย ทุกคนสุภาพ เรียบร้อยและไม่พูดจาทะลึ่งตึงตัง
ช่วงนั้น เวลาที่ผู้หญิง (และต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น) มีอาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหนื่อยล้า ปวดเมื่อย จนไปถึงซึมเศร้า คุณหมอก็ได้วินิจฉัยโรคทั้งหลายว่า ‘ฮิสทีเรีย’ -ที่สมัยนี้หมายถึงโรคขาดเซ็กส์ไม่ได้ แล้วสิ่งที่คุณหมอใช้รักษา แทนที่จะเป็นการให้ยาหรือพูดคุยสอบถามถี่ถ้วน คุณหมอก็จะมีการ ‘นวดเชิงกราน’ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือการใช้นิ้วสอดเข้าไปถึงข้างในตัวคุณคนไข้ อย่างที่คนสมัยนี้เรียกว่าการ ‘ช่วยตัวเอง’ นั่นเอง
คุณหมอจะ ‘นวด’ ไปเรื่อย ๆ จนคนไข้ ‘ถึงจุดสุดยอด’
เป็นอันจบการรักษา !
แปลกมาก ที่สมัยนั้นไม่มีการฟ้องร้องเรื่องการล่วงละเมิดอะไรเลยนะ ต่างคนต่างทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ คุณหมอก็ทำด้วยหัวใจซื่อ ๆ ว่ารักษาคนไข้หายได้จริง ส่วนคนไข้ผู้หญิง ที่ยังไม่ได้ค้นพบการ ‘บำเรอตัวเอง’ ว่าเป็นเรื่องที่คนปกติเขาทำกัน เมื่อพวกเธอมีอะไรไม่สบายใจ ก็จะมาหาคุณหมอ ให้จัดการให้เสมอ!
ปัญหาอยู่ที่ว่า คนไข้ล้นโรงพยาบาลค่ะคุณขาาาา
คุณหมอเริ่มมีอาการมือชา ดังนั้นกลุ่มคุณหมอพวกนี้ เลยเริ่มคิดค้น ‘อุปกรณ์’ ที่ช่วยสาว ๆ เหล่านี้ได้โดยที่คุณหมอไม่ต้องเมื่อยมือ
.
.
.
และแล้วในปี 1869 คุณหมอจอร์จ เทเลอร์ ก็ได้สร้างเครื่องสั่นสะเทือนแรกในโลก สำหรับการช่วยตัวเองนี้ เป็นเครื่องใหญ่ยักษ์ใช้พลังงานไอน้ำ ที่มี ‘ดิลโด้’ หรือคุณน้องชายของคุณผู้ชายจำลองแปะเอาไว้ด้วย หลังจากนั้นก็เริ่มมีเครื่องช่วยตัวเองแบบใส่แบตเตอรี่ พกพาได้ (แต่ตอนนั้นเขาโฆษณาว่า เอาไว้ช่วยเรื่องอาการปวดเมื่อยทั้งหลาย ใส ๆ ยังไม่โจ่งแจ้งเหมือนตอนนี้)
ค่อยๆ มีการพัฒนาการเรื่อยมา จนช่วงปี 30 ก็จะเริ่มมีรูปร่างแฟนซีขึ้น หลากสี หลายแบบ มีฟังค์ชั่นเผ็ดร้อนขึ้น พอมาช่วงปี 70 ความคิดที่ว่า ‘การมีความสุขสำราญในการมีเซ็กส์เป็นเรื่องต้องห้าม’ นั่นก็ค่อย ๆ จางลง เจ้าของเล่นสั่นสะเทือนเพื่อช่วยตัวเองนี้ ก็เริ่มโฆษณาได้อย่างออกหน้าออกตา ว่าเพื่อบำเรอความสุขของสาว ๆ จนมาถึงในทุกวันนี้
.
.
.
หนึ่งในเครื่องช่วยตัวเองที่โด่งดังที่สุด
ขอยกให้ ‘เดอะ แรบบิท’ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังฟรุ้งฟริ้งฉาวโฉ่อย่าง Sex and the City ที่สาวชาร์ล็อต หลังจากเธอได้ซื้อเจ้าแรบบิทนี้มาอยู่ที่บ้านแล้ว เธอก็ไม่อยากออกไปไหนอีกเลย อยากจะอยู่แต่ในห้องทั้งวี่ทั้งวัน
ส่วนเครื่องช่วยตัวเองที่ราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ตอนนี้อยู่ที่ 1.3 ล้านเหรียญ หรือประมาณเกือบ 40 ล้านบาทไทย…
เจ้าเครื่องนี้มีชื่อว่า The Pearl Royale (เดอะ เพิร์ล โรแยล) จากบริษัท Fornicari (ฟอร์นิคารี) สร้างจากเพชรแท้เม็ดงามทั้งสีขาว สีชมพู หินแซฟไฟร์สีฟ้าเข้ม และไข่มุกแท้จากทะเลใต้…
.
.
.
จากการที่เราเคยมีบทสนทนานี้กับเพื่อนผู้หญิงหลายคน
เธอบางคน
ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยผู้ชาย ยังไงก็ตาม ต้องกลับมาที่การใช้ของเล่นหรือการช่วยตัวเองเสมอ
เธอบางคน
ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยของเล่น ต้องเป็นอีกหนึ่งมนุษย์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นคนที่เธอรัก/ชอบหรือไม่ก็ตาม
ส่วนเธอบางคน
ก็ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยตัวเธอเอง
ไม่ว่าจะดูวิดีโอ
ใช้ของเล่นแพง ๆ ขนาดไหน
แล้วก็ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยใครอีกคนที่เธอไม่ได้รู้สึกรักหรือมีอารมณ์ร่วมด้วย
แต่ต้องเป็นคนที่เธอรักอย่างคุ้มคลั่งเท่านั้น
.
.
.
บางคนอาจคิดว่า
การช่วยตัวเองนั้น ยิ่งทำให้เหงา เหว่ว้า มองขึ้นมาไม่เจอหน้าใคร
แต่บางคนก็อาจจะคิดว่า
นี่แหละ คือการกู้พลังกลับมา
ด้วยการเติมเต็มข้างในตัวเองได้
ด้วยตัวเอง
อ่านบทความจากเพจBeautiful Madness by Mafaung ได้บน LINE TODAY ทุกวันอังคาร