ข้อมูลเบื้องต้น
ราชันมารศักดิ์สิทธิ์
[鸿蒙霸体诀]
*** ลิขสิทธิ์ถูกต้องภายใต้หจก. EnJoyBook ***
ได้รับลิขสิทธิ์ออนไลน์ (Digital license) สำหรับแปลขายลงบนเว็บไซต์ได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ 100%
สงวนลิขสิทธิ์
ผู้แต่ง : 鱼初见 ผู้แปล : ทีมงาน Enjoybook
สถาน : ยังแต่งไม่จบ
เรื่องย่อ
จากอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองซีเยว่ สู่สุนัขไร้ค่า ขั้นพลังถดถอย ไร้คนเหลียวแล ปราศจากญาติมิตร ‘เซียวนั่ว’ ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดเพียงลำพังตลอดสามปี แต่แล้วชีวิตก็ถึงคราวพลิกผัน หลังจากค้นพบ ‘หอคอยทองคำหงเหมิง’ โดยบังเอิญ และสามารถบ่มเพาะพลังได้อีกครั้ง ด้วยพลังอำนาจของจักรพรรดินีและราชินีปีศาจที่ถูกผนึกอยู่ภายในหอคอยมานับแสนปี เซียวนั่วจะยืนอยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า!
บทที่ 1 หนึ่งหยดเลือดเฟิ่งหวงแลกกับสามร้อยปีแห่งความมั่งคั่งของตระกูล
บทที่ 1 หนึ่งหยดเลือดเฟิ่งหวงแลกกับสามร้อยปีแห่งความมั่งคั่งของตระกูล
“เซียวนั่ว ในฐานะบุตรชายของตระกูลเซียว มันถึงเวลาที่เจ้าจะทำเพื่อตระกูลแล้ว”
“นายน้อยแห่งสำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์ต้องการเลือดเฟิ่งหวงในร่างของเจ้าเพื่อบรรลุกายาเฟิ่งหวงศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่เจ้าเต็มใจส่งมอบเลือดเฟิ่งหวง สำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์จะปกป้องตระกูลของเราสามร้อยปีเป็นการตอบแทน”
“อย่าพยายามต่อต้านเลย เพื่อตระกูลของเรา แค่เสียสละเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น หึหึ”
“การเสียสละของเจ้าเพียงคนเดียวสามารถช่วยทั้งตระกูลได้ นี่เป็นเรื่องดีที่ไม่สามารถร้องขอจากที่ใดได้อีกแล้ว ฮ่า ๆๆๆ"
“มาสิ เอาเลือดของเจ้ามา"
ฟึ่บ!
"…"
"ไม่!"
ทันใดนั้น คมมีดเย็นยะเยือกก็แทงเข้าที่กระดูกสันหลัง ความเจ็บปวดอันรุนแรงแทรกซึมไปถึงวิญญาณปลุกเซียวนั่วให้ตื่นจากการหลับใหล
"แฮ่ก ๆ!"
เหงื่อเขาโซมกาย และหอบหายใจหนักหน่วง
"ความฝันนี้อีกแล้ว…"
ชายหนุ่มกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ แววตาทอประกายความเกลียดชัง และความกรุ่นโกรธลุกโชนราวเปลวเพลิง
เป็นเวลาสามปีแล้ว เรื่องในคืนนั้นยังคงตามหลอกหลอนไม่ต่างจากฝันร้าย
เซียวนั่วเกิดในตระกูลเซียวแห่งเมืองซีเยว่
ในวันที่เขาเกิด เด็กน้อยเกิดมาพร้อมกับนิมิต ทั้งร่างเปล่งแสงสีแดงทองออกมา หลังจากตรวจสอบดู พบว่ามีหยดเลือดของ ‘เฟิ่งหวง’ ไหลเวียนอยู่ในกาย
ด้วยพลังของเลือดดังกล่าว เขาจึงเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นในหมู่คนรุ่นเดียวกัน และเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งภายในเมืองซีเยว่
แต่แล้วเมื่อสามปีก่อน…
สำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์ และตระกูลเซียวได้ทำข้อตกลงกัน สำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์ต้องการนำ ‘เลือดเฟิ่งหวง’ ไปให้กับประมุขน้อยเพื่อช่วยให้อีกฝ่ายฝึกฝนกายาเฟิ่งหวงศักดิ์สิทธิ์
ด้วยเหตุนี้ สำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์จึงเสนอเงื่อนไขมากมายให้กับตระกูลเซียว ให้แม้กระทั่งคำมั่นสัญญาว่า ตราบใดที่พวกเขามอบเลือดเฟิ่งหวงให้ สำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์ก็ยินดีจะปกป้องตระกูลเซียวเป็นเวลาสามร้อยปี!
สำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์คือหนึ่งในเจ็ดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนรกร้างตะวันออก ในสายตาของผู้คน พวกเขาคือมหาอำนาจ
หากได้รับการคุ้มกันจากสำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์ ระดับของตระกูลเซียวก็จะเพิ่มขึ้น!
และเพราะคำสัญญานี้เอง ทำให้ประมุขตระกูลเซียวบังคับเอา ‘เลือดเฟิ่งหวง’ ออกจากร่างเซียวนั่ว
สำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์ได้รับเลือดเฟิ่งหวง และรักษาคำสัญญา ไม่เพียงมอบผลประโยชน์มหาศาลให้กับตระกูลเซียวเท่านั้น แต่ยังรับคนรุ่นเยาว์ของตระกูลเซียวเข้าสำนักเพื่อรับการฝึกฝนอีกด้วย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตระกูลเซียวพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองซีเยว่
อย่างไรก็ตาม เซียวนั่วผู้ถูกช่วงชิงเลือดเฟิ่งหวงไป ได้รับบาดเจ็บสาหัส และตกสู่จุดต่ำสุดภายในชั่วข้ามคืน
คำยกยอทั้งหมดเลือนหาย ผู้คนที่เคยรายล้อมอยู่รอบตัวก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
เศร้าโศก! โกรธแค้น! ไม่เต็มใจ! เจ็บปวด! สิ้นหวัง!
เซียวนั่วถูกผลักเข้าสู่ก้นบึ้งแห่งหายนะอย่างช้า ๆ
เขาพยายามขอคำอธิบายจากสำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์ แต่กลับถูกปฏิเสธ ถูกขับไล่เยี่ยงสุนัขข้างถนน และบางครั้งก็ถูกตีด้วยไม้
เพื่อไม่ให้สำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์ขุ่นเคือง เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเซียวจึงขับไล่เซียวนั่วออกจากตระกูล และตัดชื่อของเขาออกจากลำดับวงศ์ตระกูล!
กล่าวคือ ตอนนี้เซียวนั่วคนปัจจุบันไม่ควรค่าแก่การได้รับชื่อเสียด้วยซ้ำ
“พวกเจ้าเหยียบย่ำร่างของข้า และปฏิบัติต่อข้าราวกับสุนัข ตระกูลเซียว สำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์… วันหนึ่ง ข้าจะให้พวกเจ้าชดใช้หนี้เลือดครั้งนี้ ข้าจะทำมันอย่างแน่นอน…”
ข้อนิ้วส่งเสียงลั่นจากการกำมือแน่นเกินไป แววตาคมกริบดุจหนามแหลม
"เฮ้อ!"
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวเหยียดแล้วลุกขึ้นยืน ตอนนี้เขาอยู่ภายในเทือกเขาที่อันตรายอย่างยิ่ง
เทือกเขาแห่งนี้มีชื่อว่า เทือกเขาเฮยฉง
เซียวนั่วเดินทางมาที่นี่เพื่อหาสมุนไพรสำหรับรักษาร่างกายของตน เมื่อครู่เขากำลังนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ และเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า
ตอนที่เลือดเฟิ่งหวงถูกนำออกไปจากร่างเมื่อสามปีก่อน ชายหนุ่มต้องทุกข์ทรมานจากโรคภัย และการบ่มเพาะก็ไม่คืบหน้าอีกเลย
ผลประโยชน์ที่ตระกูลเซียวได้รับ เขากลับไม่ได้รับมันแม้แต่น้อย และทำได้เพียงเสาะหาแหล่งสมุนไพรด้วยตนเอง
“ที่นี่อยู่ใกล้กับใจกลางของเทือกเขาเฮยฉง…"
เซียวนั่วเอ่ยกับตัวเอง และสะพายตะกร้ายาไว้บนหลัง
เทือกเขาเฮยฉงนั้นอันตรายมาก ตัวภูเขาทอดยาวราวกับร่างของมังกรโบราณ ป่าหนาทึบราวกับมหาสมุทรสีดำ เซียวนั่วเองก็ไม่กล้าเข้าไปลึกถึงใจกลางเทือกเขา
ระดับขั้นการบ่มเพาะสามารถแบ่งออกได้เป็น ขั้นก่อร่าง ขั้นสร้างรากฐาน ขั้นควบคุมลมปราณ ขั้นผสานจิต ขั้นปรมาจารย์ ขั้นราชัน ขั้นปราชญ์ ขั้นก้าวสู่จักรพรรดิ…
แต่ละขั้นแบ่งออกเป็นเก้าระดับ โดยระดับหนึ่งคือต่ำสุดและระดับเก้าคือสูงสุด
ตอนนี้เซียวนั่วอยู่เพียงขั้นก่อร่างระดับสี่เท่านั้น และสามารถรับมือได้เพียงอสูรระดับต่ำบางชนิด โชคดีนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเดินทางมายังเทือกเขาเฮยฉง จึงคุ้นเคยกับเส้นทาง ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงอันตรายได้
"แต่เทือกเขาเฮยฉงวันนี้ดูเหมือนว่าจะเงียบกว่าปกติ…"
ทุกครั้งเมื่อมาที่นี่ ส่วนลึกของเทือกเขาเฮยฉงจะค่อนข้างเสียงดัง เสียงคำรามของอสูรดุร้ายหลายชนิดมักจะดังก้องขึ้นเป็นระลอก
แต่วันนี้ มันกลับเงียบอย่างน่าประหลาด
ชายหนุ่มเดินหน้าต่อ คิดจะออกจากเทือกเขาก่อนมืด
แต่กลับพบว่าตัวเองกำลังหลงทาง!
"ดูเหมือนว่าข้าจะไม่เคยมาแถวนี้นะ…"
เซียวนั่วขมวดคิ้วเข้าหากัน และมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง
ขณะนี้ เขาได้เข้ามาสู่ป่าทึบ ซึ่งดูเหมือนรังขนาดใหญ่
ในใจรู้สึกเหมือนมดที่ตกลงไปในหลุมลึก ไม่สามารถแยกแยะทิศทางได้
ครั้งก่อนที่มาเยือนหุบเขานี้ เซียวนั่วทิ้งเครื่องหมายบอกทางเอาไว้ แต่ตอนนี้ กลับไม่พบเครื่องหมายเหล่านั้นเลย
“แปลกจริง ๆ ข้าไม่เคยไปไกลกว่านี้…"
ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง และเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เวลานี้ เหนือเทือกเขาเฮยฉง ปรากฏกลุ่มเมฆสีดำปกคลุมไปทั่ว และดวงดาวก็มาบรรจบกันราวกับมีมังกรที่น่าสะพรึงกลัวเกาะอยู่บนผืนฟ้า
"อากาศกำลังเปลี่ยนอย่างนั้นหรือ? ข้าต้องรีบหาทางกลับออกไปโดยเร็วที่สุด…"
ชายหนุ่มเร่งความเร็วขึ้น
ครู่ต่อมา แท่นบูชาโบราณก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
"นี่มัน?"
เซียวนั่วตกตะลึง
มันเป็นแท่นบูชาที่ไม่รู้ว่าถูกทิ้งร้างมานานแค่ไหนแล้ว โครงสร้างทั่วไปของมันเป็นรูปวงแหวน ล้อมรอบด้วยวงกลมมากมาย แผ่กลิ่นอายลึกลับบางอย่าง
บนแท่นบูชาดังกล่าวมีเสาหิน และรูปปั้นของเทพเจ้าโบราณ
ส่วนบนของรูปปั้นสูงหลายสิบจั้ง*[1] และส่วนล่างถูกเชื่อมเข้ากับแท่นบูชา
ด้านหลังของมันมีวงแหวนขนาดใหญ่ลอยอยู่ มือข้างหนึ่งของรูปปั้นชูขึ้น และอีกข้างก็ยื่นไปข้างหน้า
ไม่รู้เลยว่าแท่นบูชาตรงหน้าผ่านลมผ่านฝนมานานกี่ปี พื้นผิวของมันกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่ตัวรูปปั้นกลับยังสมบูรณ์
"หรือมันจะเป็นแท่นบูชาที่คนภายนอกร่ำลือกัน…" ชายหนุ่มพึมพำด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับแท่นบูชาภายในเทือกเขาเฮยฉงมาบ้าง
เมื่อนานมาแล้ว มีข่าวลือว่าภายในเทือกเขาเฮยฉงมีแท่นบูชาลึกลับอยู่ และมักมีคนเดินทางมาบูชาเป็นครั้งคราว
มีข่าวลือว่าบางคนได้รับสมบัติอันทรงพลังจากแท่นบูชานี้
บางคนกล่าวว่าได้เห็นปาฏิหาริย์จากแท่นบูชาด้วย
ทั้งยังมีข่าวลือว่าหากขโมยสิ่งของมีค่าบนแท่นบูชาไป ของทั้งหมดจะกลายเป็นเปลือกที่ว่างเปล่า ไร้ซึ่งสิ่งใด
แน่นอน ข่าวลือมีทั้งจริงและเท็จ แต่การได้พบกับแท่นบูชานั้นคืออีกเรื่องหนึ่ง
เซียวนั่วเดินไปยังแท่นบูชาอย่างช้า ๆ และเดินไปตรงหน้าของรูปปั้นดังกล่าว
“หากที่นี่มีเทพเจ้าอยู่จริง ได้โปรดอย่าตำหนิข้า ข้าหาได้มีเจตนาจะบุกรุก หรือรบกวน… "
ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนจะประสานหมัดโค้งคำนับ
แม้จะไม่เชื่อในเทพเจ้า แต่ก็เต็มใจที่จะแสดงความเคารพและยำเกรง
ในขณะนั้นเอง…
ฟึ่บ!
เสียงแหลมคมจากการตัดผ่านสายลมดังขึ้น เซียวนั่วพลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ดวงตาเบิกกว้าง ชายหนุ่มค่อย ๆ ก้มลงมอง เห็นหัวลูกธนูแทงทะลุอกของตน…
เลือดสาดกระเซ็นออกมา เสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านหลัง
“ฮ่า ๆๆๆ เจ้าสักการะเทพเจ้าอย่างนั้นหรือ? ต่อให้เจ้าสักการะเทพเจ้าไป มันก็ไม่สามารถช่วยชีวิตของเจ้าได้…"
เซียวนั่วหันไปมองตามเสียงทันใด
ร่างสามร่างเดินเข้ามาใกล้
"เจ้า… " เขาจดจำคนเหล่านี้ได้ทันที อีกฝ่ายคือสมาชิกของตระกูลเซียวเช่นกัน โดยผู้ที่เป็นหัวหน้ามีนามว่า เซียวอี่
เซียวอี่เอียงศีรษะและเหยียดยิ้มอย่างดูแคลน "ศิษย์พี่เซียวหย่งส่งพวกเราสามคนมาเอาชีวิตอันต่ำต้อยของเจ้า…"
เซียวหย่ง?
เมื่อได้ยินชื่อนี้ แววตาพลันเปลี่ยนเป็นคมกริบ
เซียวหย่งคือลูกชายคนเล็กของประมุขตระกูลเซียว อายุพอ ๆ กับตน ในอดีต ตอนที่เลือดเฟิ่งหวงยังไม่ถูกเอาไป เซียวหย่งอิจฉาเซียวนั่วมาตลอด เมื่อเลือดถูกช่วงชิงไป เซียวหย่งก็เริ่มหาเรื่องเขา
“ข้ากลายเป็นแบบนี้แล้ว เขายังจะพุ่งเป้ามาที่ข้าอีกอย่างนั้นหรือ!?" ชายหนุ่มยกมือขึ้นกดแผลที่เกิดจากลูกธนู พลางเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว
"หึหึ …" ชายผู้ถือคันธนูยิ้มและเอ่ย “ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงสุนัขไร้บ้าน คนชั้นต่ำไร้ประโยชน์ พูดกันตามตรง มันไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องสนใจเจ้า อย่างไรก็ตาม ในอีกสามวัน ศิษย์พี่เซียวหย่งจะเข้าร่วมกับสำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์อย่างเป็นทางการเพื่อบ่มเพาะ เขาจึงต้องการกำจัดเจ้า และผูกสัมพันธ์กับประมุขน้อย…"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวนั่วก็เดือดดาลขึ้นมาอย่างมาก
สำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์และตระกูลเซียวเอาเลือดเฟิ่งหวงเขาไปแล้ว และตอนนี้ยังอยากจะเอาชีวิตของเขาไปอีกหรือ!?
เซียวอี่เอ่ย “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าเดินทางไปยังสำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์เพื่อสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน เพราะเห็นแก่เจ้า ทางสำนักจึงไม่สนใจ แต่เจ้าก็ยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เพื่อไม่ให้พฤติกรรมโง่ ๆ ของเจ้าส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกับทางสำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์ มันคงจะดีกว่าที่เจ้า… จะหายไปซะ!"
เมื่อเอ่ยเช่นนั้น เซียวอี่ก็พุ่งตัวออกไป และตบไปที่หน้าของเซียวนั่วอย่างแรง!
ชายหนุ่มรีบยกมือขึ้นเพื่อสกัดกั้นอีกฝ่าย
ตู้ม!
พลังฝ่ามือถูกทำลาย อากาศโดยรอบสั่นสะเทือนและระเบิดออก เซียวนั่วที่บาดเจ็บกระเด็นออกไป พร้อมกับเลือดจำนวนมากพุ่งทะลักออกมาจากแผ่นหลัง
เซียวอี่คือลูกน้องข้างกายของเซียวหย่ง ย่อมได้รับส่วนแบ่งปันทรัพยากรที่สำนักกระบี่ขุมพลสวรรค์มอบให้กับตระกูลเซียวอย่างแน่นอน และการบ่มเพาะก็อยู่สูงกว่าเซียวนั่วหนึ่งระดับ เขาอยู่ขั้นก่อร่างระดับห้า
เวลานี้ เซียวนั่วได้รับบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอก เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วแท่นบูชา
แววตาจ้องมองกลุ่มคนตรงหน้าด้วยความโกรธเกรี้ยว
เซียวอี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่า ๆๆ อัจฉริยะอันดับหนึ่งที่กลายมาเป็นสุนัขไร้ค่า ช่างน่าสมเพชเสียจริง!”
พรรคพวกอีกสองคนก้าวขึ้นมาบนแท่นบูชาเช่นกัน
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ฆ่ามันซะ แล้วกลับไปทำงานกันต่อ"
"นั่นเป็นสิ่งที่ข้าต้องการเลย"
"…"
เมื่อมองไปยังกลุ่มคนทั้งสามตรงหน้า ร่างของเซียวนั่วสั่นสะท้าน ความเกลียดชังและความโศกเศร้าเข้าเกาะกุมหัวใจจนไร้ที่ว่าง
‘ข้าจะตายอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ? ข้าเกลียดมัน ข้าไม่ยอมรับ ข้ายังไม่ได้ทวงคืนทุกอย่างที่ข้าสูญเสียไป ข้ายังไม่ได้รับความยุติธรรม ข้าไม่ยอม ข้าเกลียด เกลียดมันจริง ๆ …’
ดวงตาของเซียวนั่วแดงก่ำ เขาเงยหน้า และคำรามขึ้นฟ้า
ภายในใจเศร้าโศกอย่างถึงที่สุด
ขณะที่ทั้งสามกำลังจะลงมือสังหาร เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของพวกเขา…
ครืน!
เซียวอี่และพวกตกตะลึง เมื่อเห็นรูปปั้นโบราณลืมตาขึ้น!
เลือดของเซียวนั่วที่สาดกระเซ็นอยู่บนแท่นบูชาได้เปลี่ยนเป็นอักขระลึกลับนับร้อย
อักขระลึกลับเหล่านี้มีลักษณะเหมือนค่ายกลที่ถูกเปิดใช้งาน เข้าล้อมรอบเซียวนั่วทันที
ครืน!
พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือน ผืนดินสั่นไหว และในพริบตานั้น รูปปั้นโบราณก็ดูราวกับมีชีวิต ลำแสงพุ่งออกจากดวงตาของมัน เข้าห่อหุ้มร่างของชายหนุ่มไว้…
พริบตาต่อมา เซียวนั่วก็หายตัวไปจากแท่นบูชาอย่างไร้ร่องรอย
ครืน!
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเซียวนั่วก็ตกสู่ความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด
ท่ามกลางความยุ่งเหยิง สายน้ำแห่งจักรวาลได้ปรากฏขึ้นสู่สายตา ที่ใจกลางของหมู่ดาวนับล้าน ปรากฏหอคอยโบราณอันสง่างาม หอคอยยักษ์ดังกล่าวส่องแสงสีทองเรืองรอง…
“บุรุษผู้ถูกเลือก ขอต้อนรับ… สู่หอคอยทองคำหงเหมิง*[2]!"
[1] หน่วยวัดระยะทางและความกว้าง-ความสูงแบบจีน
หนึ่งชุ่น เท่ากับ 1 นิ้ว
หนึ่งฉื่อ เท่ากับ 10 นิ้ว
หนึ่งจั้ง เท่ากับ 3.33 เมตร
หนึ่งลี้(ใช้กับระยะทางเท่านั้น) เท่ากับ 500 เมตร
[2] หงเหมิง คือ ตำนานการสร้างโลกตามคติของจีนสมัยก่อนที่เชื่อว่า โลกเกิดจากความว่างเปล่า เป็นปรากฏการณ์ของกลุ่มพลังงานที่หยุ่งเหยิงควบแน่นจนกลายเป็นโลกในปัจจุบัน
บทที่ 2 หอคอยทองคำหงเหมิง ราชินีและจักรพรรดินีทั้งเก้า
บทที่ 2 หอคอยทองคำหงเหมิง ราชินีและจักรพรรดินีทั้งเก้า
"บุรุษผู้ถูกเลือก ขอต้อนรับสู่หอคอยทองคำหงเหมิง!"
น้ำเสียงเคร่งขรึมส่งผลให้วิญญาณของเซียวนั่วสั่นสะท้าน
หอคอยขนาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนั้นน่าตกตะลึงมาก
ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้ตอบสนอง หอคอยทองคำหงเหมิงก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา
พรึ่บ!
เซียวนั่วหายตัวไปอีกครั้ง และอึดใจต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นภายในโถงโบราณแล้ว
โครงสร้างของโถงดังกล่าวเป็นเหมือนกับวงล้อดวงดาวอันงดงาม ล้อมรอบเป็นชั้น ๆ และอาคารส่วนใหญ่ก็มีลักษณะเป็นวงแหวน
สายตาของเซียวนั่วจับจ้องไปยังชั้นบนสุดของวิหาร
ปรากฏประตูลอยอยู่…
ประตูที่มีลักษณะเหมือนกับวงล้อ…
มันเหมือนกับประตูแห่งห้วงอวกาศที่นำไปสู่โลกอีกใบ
ชายหนุ่มยืนอยู่บนขั้นบันไดรกร้าง พื้นดินด้านหลังเหมือนพื้นทรายสีเหลือง
"ที่นี่คือที่ไหนกัน?"
"ที่นี่คือชั้นที่หนึ่งของหอคอยทองคำหงเหมิง…" น้ำเสียงเคร่งขรึมดังขึ้นอีกครั้ง
หัวใจของเซียวนั่วบีบแน่น "ท่านเป็นใคร? ใครกันที่กำลังพูดอยู่?"
“ข้าคือ จิตวิญญาณหอคอย ของหอคอยทองคำหงเหมิง ข้าอยู่ที่นี่มาหนึ่งแสนปีแล้ว…"
จิตวิญญาณหอคอย?
หนึ่งแสนปี?
ความวิตกกังวลถาโถมเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ
อีกฝ่ายเอ่ยต่อ “ไม่ต้องกังวลไป เมื่อครู่นี้ เลือดของท่านได้ตกสู่แท่นบูชา และกระตุ้นผนึกของมันโดยบังเอิญ ท่านเป็นคนแรกในรอบแสนปีที่เดินทางมาที่นี่"
ชายหนุ่มยิ่งงุนงง
จิตวิญญาณหอคอยเอ่ยต่อ “บรรพชนหงเหมิง ผู้สร้างหอคอยนี้เคยบอกกับข้าว่า บุคคลแรกที่เดินทางมายังหอคอยทองคำหงเหมิงคือผู้มีชะตาร่วมกับหอคอยนี้ ท่านคือคนแรกที่เดินทางมาที่นี่ และได้กลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของหอคอยนี้”
เซียวนั่วตกตะลึง
เขาก้มหน้ามองบาดแผลที่ยังคงมีเลือดไหลออกมาของตน บ่งบอกอย่างชัดเจนว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
ชายหนุ่มถาม "ความสามารถของหอคอยทองคำหงเหมิงคืออะไร?"
“หอคอยทองคำหงเหมิงคือสิ่งประดิษฐ์โบราณระดับสูงสุดในจักรวาล ความลึกลับของมันนั้นไร้ที่สิ้นสุด ข้าไม่สามารถบรรยายจนหมดได้ในระยะเวลาสั้น ๆ … หากท่านต้องการจะควบคุมพลังของหอคอยทองคำหงเหมิง อันดับแรกท่านก็ต้องฝึก ‘กายาหงเหมิงเจ้าโลกา’ เสียก่อน"
จิตวิญญาณหอคอยหยุดพูดไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงอธิบายต่อ "กายาหงเหมิงเจ้าโลกา หนึ่งในสี่ทักษะกลั่นกายาที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพชนหงเหมิงผู้ทรงพลัง สามารถฉีกนภาด้วยมือเดียว แยกท้องทะเลด้วยปลายนิ้ว ตัดตะวัน ฟันจันทรา และหั่นดารา…"
สีหน้าของเซียวนั่วฉายชัดถึงความตกตะลึง
โอกาสอันยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้า เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?
"ข้าต้องการ…" ชายหนุ่มเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ข้าต้องการหอคอยทองคำหงเหมิงนี้ ข้าต้องการฝึกฝนทักษะกายาหงเหมิงเจ้าโลกา"
"ได้!"
สิ้นสุดเสียงพูด ประกายแสงสีเงินก็ปะทุขึ้นภายในความว่างเปล่า
ประกายแสงดังกล่าวเป็นเหมือนกับเศษชิ้นส่วนของดวงดาวหลายร้อยล้าน ไหลมารวมกัน ณ จุดเดียว
จากนั้น ม้วนกระดาษพลันปรากฏขึ้นในอากาศ
ฟึ่บ!
ภายใต้แรงผลักที่มองไม่เห็น ม้วนกระดาษดังกล่าวได้ลอยเข้าสู่หว่างคิ้วของเซียวนั่ว…
พรึ่บ!
ในพริบตานั้น คลื่นความผันผวนของพลังก็แพร่กระจายออกไป และสายฟ้าสีเงินก็ปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้ว
“ในช่วงแรกเริ่ม ความโกลาหลยังไม่ถูกแบ่งแยก บรรพชนเป็นผู้ให้กำเนิดเต๋าอันยิ่งใหญ่ และราชาแห่งเทพก็ได้สร้างยุคสมัย กายาหงเหมิงเจ้าโลกา ทักษะกลั่นกายาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ผู้ฝึกฝนทักษะนี้จะกลายเป็นเจ้าโลกาและเทพผู้ยิ่งใหญ่ กฎนับหมื่นยากจะทำลาย ล้มล้างจักรวาล มองทะลุความเป็นความตาย และควบคุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
"ขั้นแรก…"
ข้อความแปลกประหลาดปรากฏขึ้นภายในหัว และรวมเข้ากับความทรงจำของเซียวนั่ว
ขณะเดียวกัน เปลวไฟทรงพลังปะทุออกมาจากร่าง และบาดแผลทั้งหมดก็ฟื้นฟูตัวเอง แม้แต่ลูกธนูที่ปักทะลุอกก็สลายไป…
"นี่มันอันใดกัน?" ดวงตาเบิกกว้าง ภายในใจตื่นตะลึงอย่างมาก
"หอคอยทองคำหงเหมิงกำลังพัฒนาร่างกายของท่าน…" จิตวิญญาณหอคอยกล่าว
หลังจากผ่านไปไม่นาน การพัฒนาร่างกายก็เสร็จสมบูรณ์ เซียวนั่วไม่เคยรู้สึกสบายแบบนี้มาก่อน ทั้งร่างเต็มไปด้วยพลังปราณ ราวกับมีพลังอันไร้ที่สิ้นสุด
แม้แต่โรคภัยที่เกิดขึ้นในตอนที่เลือดเฟิ่งหวงถูกช่วงชิงก็หายไปเช่นกัน
เซียวนั่วตื่นเต้นเป็นอย่างมาก มือทั้งสองข้างกำแน่น ดวงตาเปล่งประกาย
“ฟ้าไม่ฆ่าข้า สวรรค์ไม่ฆ่าข้า… สำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์ ตระกูลเซียว เซียวหย่ง เซียวอี่ ข้าจะตอบแทนสิ่งที่พวกเจ้ามอบให้แก่ข้า”
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ระงับหัวใจที่พลุ่งพล่านของตัวเอง "ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่านี่เป็นเพียงชั้นแรกของหอคอยทองคำหงเหมิงใช่หรือไม่?"
“ถูกต้อง หอคอยทองคำหงเหมิงมีอยู่ทั้งสิ้น 11 ชั้น ยกเว้นชั้นแรกและชั้นสุดท้าย อีกเก้าชั้นที่เหลือได้ผนึกสตรีเอาไว้…"
เซียวนั่วตกตะลึง "สตรี?"
“ใช่ แต่พวกนางไม่ใช่คนธรรมดา บางคนเป็นถึงราชินีปีศาจผู้เลื่องชื่อ บางคนคือจักรพรรดินีผู้เก่งกล้า และบางคนก็เป็นปีศาจเลือดเย็นที่ทำลายล้างโลก… พวกนางคือตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดอย่างไม่มีข้อยกเว้น"
สีหน้าของเซียวนั่วเปลี่ยนไปอีกครั้ง รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่พัดมาจากด้านบน
“นายท่าน อย่ากังวลไป จักรพรรดินีและราชินีปีศาจทั้งเก้านี้ถูกผนึกเอาไว้แล้ว ตราบใดที่ผนึกไม่คลายลง พวกนางก็จะไม่สามารถทำอันใดท่านได้ ในทางตรงกันข้าม ท่านยังสามารถใช้ประโยชน์จากพวกนางได้…"
"หืม?" ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายอีกครั้ง "ประโยชน์อะไร?"
“หลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น บนชั้นสองได้ผนึกราชินีปีศาจอั้นเย่ไว้ ร่างหลักของนางคือ 'มังกรดาราทมิฬหกปีก' เกล็ดที่หลุดจากร่างของนางจะเปลี่ยนเป็นดาบ…"
“หรือบนชั้นที่สาม ผนึกจักรพรรดินีจ้านถู ผู้ทำการสังหารทุกครั้งที่โกรธเกรี้ยวหรือขุ่นเคือง พลังปราณที่ปล่อยออกมาจากร่างของนางควบแน่นเป็นลูกปัดวิญญาณโลหิต เมื่อใช้ลูกปัดวิญญาณนี้จะสามารถทำให้เลือดในกายเดือดพล่านได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ และกำลังรบก็จะเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายสิบเท่า”
หลังจากเอ่ยเช่นนี้ ลำแสงเจิดจ้าก็พุ่งมาตกตรงหน้าเซียวนั่ว
ด้านหนึ่งเป็นดาบมนต์ดำ มีขนาดกลาง รูปร่างเหมือนเขี้ยวแหลมของมังกร พร้อมกับประกายสีดำของสายฟ้า บนตัวดาบ
อีกด้านหนึ่งเป็นลูกปัดวิญญาณโลหิต ลักษณะคล้ายไข่มุกสีเลือด ขนาดประมาณลูกเหล็ก และมีเลือดไหลวนอยู่ภายในราวกับหินหนืด
เซียวนั่วเอื้อมมือไปหยิบดาบมนต์ดำเป็นอันดับแรก ตัวดาบปล่อยความเย็นยะเยือกเสียดแทงกระดูกออกมา จนแทบไม่สามารถถือมันไว้ได้
"ช่างเป็นดาบที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้…" ชายหนุ่มตกตะลึง
จิตวิญญาณหอคอยอธิบาย “มังกรดาราทมิฬหกปีกคือสัญลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ พลังของมันน่ากลัวมาก ดาบเล่มนี้ได้รับพรจากจิตวิญญาณของมัน มันคือดาบของปีศาจ คนธรรมดาไม่อาจควบคุมมันได้”
เซียวนั่วพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปจับลูกปัดวิญญาณโลหิต เขารับรู้ได้ถึงไอความร้อน และรัศมีกดขี่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน
"ของดี…" ดวงตายิ่งเปล่งประกาย มือกำลูกปัดวิญญาณโลหิตไว้ จากนั้นจึงเอ่ย “ของทั้งสองสิ่งอัดแน่นด้วยพลังปราณมหาศาล ด้วยความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้ เกรงว่าข้าคงจะสามารถควบคุมพลังของมันได้เพียงบางส่วนเท่านั้น”
“นั่นเป็นเรื่องธรรมดา นายท่านยังไม่ได้เริ่มฝึกฝน ‘กายาหงเหมิงเจ้าโลกา’ และร่างกายของท่านยังอ่อนแออยู่ เมื่อท่านกลั่นกายาจนกลายเป็นกายาศักดิ์สิทธิ์แล้ว มันจะไม่มีสิ่งชั่วร้ายใดในโลกที่สามารถทำร้ายท่านได้…" หลังจากที่อธิบายเช่นนี้ จิตวิญญาณหอคอยก็เอ่ยต่อ “นับแต่นี้ไป หอคอยทองคำหงเหมิงจะถูกเก็บไว้ภายในร่างของนายท่าน และข้าจะช่วยท่านฝึกฝนทักษะกายาหงเหมิงเจ้าโลกาให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด"
เซียวนั่วพยักหน้าอย่างจริงจัง ดวงตาฉายประกายเย็นยะเยือก “ข้าจะพยายามอย่างถึงที่สุด ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องทำ”
……
ในขณะเดียวกัน
ภายในเทือกเขาเฮยฉง
“แปลกจริง ๆ ร่างของมันหายไปไหน? แท่นบูชานั่นก็หายไปเช่นกัน…" เซียวอี่และพวกกำลังตามหาร่องรอยของเซียวนั่ว
หนึ่งในนั้นเอ่ย “ไม่ต้องกังวลไป มันไม่มีทางมีชีวิตรอดได้ ถูกลูกธนูของเซียวซื่อปักทะลุหัวใจขนาดนั้น ไหนจะฝ่ามือของท่าน อย่างไรก็ต้องตายอย่างแน่นอน”
เซียวอี่พยักหน้าช้า ๆ “นั่นสิ กลับไปที่เมืองซีเยว่กันเถอะ"
ขณะที่ทั้งสามกำลังจะกลับไปยังตระกูลเซียวในเมืองซีเยว่ สายลมเย็นยะเยือกก็พัดออกมาจากป่าด้านหลัง
ทั้งสามคนตกตะลึง และรีบหันกลับไปมองก่อนที่ร่างคุ้นเคยจะปรากฏขึ้น
อีกฝ่ายไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก…เซียวนั่ว!
“หืม?" เซียวอี่ขมวดคิ้วเข้าหากัน "เจ้ายังไม่ตายอีกหรือ?"
เมื่อเอ่ยเช่นนั้น เซียวอี่ก็แย้มยิ้มออกมา “ในเมื่อเจ้ายังไม่ตาย เจ้าก็ควรจะหาที่ซ่อนเสีย แต่ในเมื่อเจ้าออกมาเช่นนี้ เจ้าจะต้องตาย…"
ฟึ่บ"
เซียวอี่พุ่งตัวเข้าหาเซียวนั่วอีกครั้ง และต่อยไปที่คอของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ
“ด้วยหมัดนี้ ข้าจะหักคอของเจ้าเสีย!"
หมัดดังกล่าวทรงพลังอย่างยิ่ง สายลมรุนแรงพุ่งปะทะใบหน้า
เซียวนั่วไม่คิดที่จะหลบ เขาเหวี่ยงดาบมนต์ดำสวนกลับโดยไม่ลังเล!
ฉึก!
ดาบมนต์ดำที่ทำขึ้นจากเกล็ดของมังกรดาราทมิฬหกปีกฟันเข้าที่กำปั้นของเซียวอี่อย่างจัง!
พริบตานั้น กำปั้นของเซียวอี่ราวกับถูกผ่าครึ่ง ชิ้นเนื้อและเลือดแยกออกจากกันจนเห็นกระดูก!!
ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง ดวงตาของเซียวอี่เบิกกว้าง ทั้งตกใจทั้งงุนงง “นี่คือ!?"
แล้วตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน
"อ๊ากกกก!!"
“ขอโทษด้วย แต่ครั้งนี้ เจ้าต่างหากที่ต้องตาย!” เซียวนั่วหัวเราะ พลิกข้อมือของตน ดาบมนต์ดำเปลี่ยนทิศ และฟันไปที่คอของฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่นยำ
ฉัวะ!
ประกายแสงของคมดาบปาดผ่านไป เสียงร้องของเซียวอี่หยุดลงกระทันหัน เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากลำคอราวกับน้ำตก
"เซียวอี่!!" พรรคพวกอีกสองคนทั้งโกรธและตกตะลึง
ไม่มีใครคิดว่าเซียวนั่วจะสามารถตอบโต้ และสังหารเซียวอี่ผู้ซึ่งแข็งแกร่งกว่าตนเองได้!
หนึ่งในคนทั้งสองหยิบกริชออกมา และพุ่งเข้าใส่ราวกับอสูรร้าย “เจ้าคนชั้นต่ำ! ข้าจะฆ่าเจ้า!!"
สีหน้าของเซียวนั่วเต็มไปด้วยความดูแคลน ในบรรดาคนทั้งสาม มีเพียงเซียวอี่เท่านั้นที่อยู่ขั้นก่อร่างระดับห้า ในขณะที่อีกสองคนที่เหลืออยู่เพียงระดับสี่เท่านั้น
หากเป็นการสู้กับผู้อยู่ระดับเดียวกัน เขาไม่จำเป็นต้องกลัวผู้ใด
เคร้ง!
ทันทีที่ดาบมนต์ดำและกริชปะทะกัน ราวกับเหล็กพุ่งผ่านดินโคลน ดาบมนต์ดำทำลายกริชเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และฟันเข้าที่อกของฝ่ายตรงข้าม!
ดาบฟันเข้าไปในเนื้อ และทะลุแผ่นหลังของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย เฉือนร่างกายส่วนบนของคู่ต่อสู้ และตัดเส้นชีวิตของอีกฝ่ายทันที!
"อ๊ากก!!!" เลือดจำนวนมากพุ่งทะลักออกมา เสียงร้องโหยหวนดังก้องป่า ทำให้นักยิงธนูหวาดกลัวจนเสียสติ
เขามองไปที่เซียวนั่ว ผู้สังหารคนทั้งสองติดต่อกัน ตื่นตระหนก และต้องการจะยิงลูกธนูออกไป ทว่าก่อนจะได้ทำตามที่คิด สายลมเย็นพุ่งมาปะทะใบหน้า และดาบมนต์ดำก็พุ่งมาถึงดวงตาของเขาแล้ว!!
บทที่ 3 พลังปราณของข้ากำลังจะหายไป
บทที่ 3 พลังปราณของข้ากำลังจะหายไป
เทือกเขาเฮยฉง
ภายในป่า
เซียวนั่วสังหารคนทั้งสามอย่างง่ายดาย
"เป็นดาบที่ดี… " เซียวนั่วมองดาบมนต์ดำในมือ ใบหน้าฉายแววตื่นเต้น การมีพละกำลังมันรู้สึกดีจริง ๆ
“ดาบเล่มนี้ทำมาจากเกล็ดของมังกรดาราทมิฬหกปีก ดังนั้นข้าจะตั้งชื่อเจ้าว่า วิญญาณดาราทมิฬ!"
เขาเก็บดาบลง แล้วเริ่มค้นศพของเซียวอี่ พบเม็ดยาพลังปราณหกเม็ด และตำราที่เรียกว่า ‘เคล็ดวิชาดาบลักษณ์หมาป่า’
หากกินเม็ดยาพลังปราณจะพัฒนาการบ่มเพาะได้ ถือเป็นโอสถระดับล่างหาได้ทั่วไป ในขณะที่เคล็ดวิชาดาบลักษณ์หมาป่านั้นเป็นเคล็ดวิชาระดับสูงของตระกูลเซียว มีเพียงสมาชิกระดับสูงของตระกูลเท่านั้นที่มีคุณสมบัติฝึกมัน
“เซียวหย่งมอบสิ่งนี้เพื่อฆ่าข้า ดูเหมือนว่าในสายตาของเขา ข้าจะไร้ค่าจริง ๆ …"
เซียวนั่วหัวเราะเหยียดหยามตนเอง
แม้ว่ามูลค่าของเม็ดยาพลังปราณทั้งหกเม็ด และเคล็ดวิชาดาบลักษณ์หมาป่าจะไม่ได้ต่ำ แต่เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่ทางสำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์มอบให้กับตระกูลเซียว มันกลับยังไม่ถึงเสี้ยวเลยด้วยซ้ำ
เมื่อคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ตระกูลเซียวได้ทำลงไป และความโหดเหี้ยมของเซียวหย่ง แววตาของเซียวนั่วพลันเปลี่ยนเป็นคมปลาบ
หากไม่สามารถเปิดใช้งานแท่นบูชา และได้รับหอคอยทองคำหงเหมิงมาโดยบังเอิญ วันนี้เขาก็คงจะต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว
ตอนนี้มีหอคอยทองคำหงเหมิง กับหนึ่งในสี่ทักษะกลั่นกายาที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล อย่างทักษะกายาหงเหมิงเจ้าโลกาในครอบครอง เขาก็รู้สึกราวกับได้รับชีวิตใหม่ และจะต้องก้าวไปสู่จุดสูงสุดให้จงได้
“เซียวหย่ง เหมือนว่าเจ้าจะเข้าร่วมกับทางสำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์ในอีกสามวันสินะ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าได้ทำเช่นนั้นแน่… จงเตรียมตัวรับผลกรรมของเจ้าเสียเถอะ!"
"เฮ้อ"
เซียวนั่วเก็บดาบไว้ด้านหลัง แววตาหมายมั่น จากนั้นจึงเดินจากไป
……
เมืองซีเยว่
ผู้คนค่อนข้างแออัดอย่างยิ่ง
เมืองซีเยว่แห่งนี้ประกอบด้วยห้าตระกูลใหญ่ ความมั่งคั่งมากกว่าเก้าส่วนของเมืองล้วนเป็นของพวกเขา
เดิมที ตระกูลเซียวอยู่อันดับต่ำสุด แต่หลังจากผูกสัมพันธ์กับสำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์ ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองได้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าพวกเขาอาจกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองก็เป็นได้
เซียวนั่วกลับไปยังที่พักของตน ซึ่งเป็นกระท่อมในพื้นที่ห่างไกล
การเติบโตของตระกูลเซียวนั้นเกิดจากการเหยียบ ‘ร่าง’ ของเซียวนั่วขึ้นไป แต่ความมั่งคั่งของตระกูลเซียวไม่ได้ถูกกระจายอย่างทั่วถึงเลยสักนิด
ตกกลางคืน
ทุกอย่างเงียบสงัด
เซียวนั่วนั่งอยู่บนแท่นฝึกฝนภายในห้อง เปลือกตาทั้งสองข้างปิดสนิท และเริ่มศึกษาทักษะกายาหงเหมิงเจ้าโลกาภายในหัวของตน
ขั้นแรกของมันเรียกว่า ‘กายาสัมฤทธิ์โบราณ’ เมื่อกลั่นแล้ว ความแข็งแกร่งทางกายภาพจะเทียบได้กับสัมฤทธิ์ ต้านคมกระบี่ ไม่หวั่นเกรงแม้ต้องเดินลุยเปลวเพลิง
แม้ปล่อยหมัดเบา ๆ ก็เพียงพอที่จะหักกระดูกของคู่ต่อสู้!
เพียงไม่กี่อึดใจ เซียวนั่วก็ลืมตาขึ้น
‘แม้ว่ามันจะเป็นเพียงขั้นแรกของทักษะกายาหงเหมิงเจ้าโลกา แต่เงื่อนไขในการฝึกฝนก็เข้มงวดนัก หากต้องการจะกลั่น 'กายาสัมฤทธิ์โบราณ' จำเป็นต้องมีทรัพยากร และพลังปราณจำนวนมากเพื่อขัดเกลาร่างกาย ตอนนี้ร่างกายของข้าอ่อนแอเกินไป และยังขาดแคลนทรัพยากร การบรรลุเงื่อนไขในการฝึกฝนกายาสัมฤทธิ์โบราณไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ… ’
เซียวนั่วพึมพำกับตัวเอง
ตอนนี้ เขาอยู่เพียงขั้นก่อร่างระดับสี่เท่านั้น
ยังห่างไหลจากเงื่อนไขในการฝึกฝนกายาสัมฤทธิ์โบราณมาก…
อย่างไรก็ตาม เซียวนั่วไม่ได้รีบร้อน ยังมีคำชี้แนะบางอย่างภายในหอคอยชั้นแรก ซึ่งสามารถใช้ขัดเกลาร่างกายก่อนได้
ทันใดนั้น เซียวนั่วก็เริ่มกระตุ้นพลังปราณภายในร่างตามคำชี้แนะ เมื่อพลังปราณภายในจุดตันเถียนหลั่งไหลไปตามเส้นลมปราณ เรื่องประหลาดบางอย่างก็เกิดขึ้น
ระดับของเซียวนั่วตกสู่ขั้นก่อร่างระดับสามโดยไม่คาดคิด!
"เกิดอะไรขึ้น?"
เซียวนั่วงุนงง
ปริมาณพลังปราณภายในจุดตันเถียนของเขาลดลง!
ด้วยความสงสัย เซียวนั่วยังคงฝึกพื้นฐานของกายาหงเหมิงเจ้าโลกาต่อไป
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ขั้นก่อร่างระดับสอง!
ด้วยการฝึกนี้ ระดับของเขาลดลงถึงสองระดับ!
"มันไม่น่าเป็นแบบนี้สิ!"
เซียวนั่วสับสนยิ่งกว่าเดิม หรือว่าเขาทำผิดตรงไหน?
เขาตรวจสอบเนื้อหาพื้นฐานทั้งหมดอย่างละเอียด และพบว่ามันไม่มีอะไรผิดพลาด
ด้วยความสงสัย เซียวนั่วจึงเริ่มฝึกฝนอีกครั้ง
และตกสู่ขั้นก่อร่างระดับหนึ่งในที่สุด!
“การฝึกฝนนี้ถดถอยลงเรื่อย ๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าจะต้องกลายเป็นคนธรรมดาแน่…"
เซียวนั่วมีสีหน้าเคร่งขรึม ทักษะกายาหงเหมิงเจ้าโลกานี้เป็นที่รู้จักในฐานะ หนึ่งในสี่ทักษะกลั่นกายาที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล เหตุใดการบ่มเพาะจึงไม่เพิ่มขึ้น แต่กลับลดลง?
หลังจากที่รู้สึกถึงพลังปราณแผ่วเบาภายในจุดตันเถียนของตน เซียวนั่วก็ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “จิตวิญญาณหอคอย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"
พรึ่บ!
สิ้นเสียงพูด ลำแสงสีขาวก็พุ่งออกมาจากร่างของเซียวนั่ว ภายในแสงสีขาวนั้น สามารถมองเห็นเค้าโครงของหอคอยโบราณได้ราง ๆ
มันคือหอคอยทองคำหงเหมิง
"พลังปราณของข้ากำลังจะหายไป!" เซียวนั่วกล่าวอย่างร้อนรน
จิตวิญญาณหอคอยเอ่ย “ไม่ใช่ พลังปราณภายในจุดตันเถียนของท่านเพียงแพร่กระจายไปยังทุกส่วนของร่างกาย…"
"หืม?"
“นี่คือส่วนที่ลึกลับที่สุดของกายาหงเหมิงเจ้าโลกา ขัดเกลาร่างกายทั้งหมดเพื่อที่ทุกจุดจะได้สามารถระเบิดพลังอันแข็งแกร่งได้…" จิตวิญญาณหอคอยอธิบาย
หัวใจของเซียวนั่วเต้นรัว เขาเอื้อมมือไปคว้ากาต้มน้ำที่อยู่ข้างตัว
ด้วยการออกแรงเพียงเล็กน้อย น้ำสาดกระเซ็นไปทั่วทุกที่ กาต้มน้ำแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
"เป็นเช่นนี้เอง!" เซียวนั่วมีท่าทีดีใจ เมื่อครู่นี้ เขาไม่ได้ใช้พลังปราณจากจุดตันเถียน แต่ใช้พลังจากแขนเท่านั้น และผลที่ได้ก็ทำให้ชายหนุ่มต้องประหลาดใจ
พลังปราณภายในจุดตันเถียนไม่ได้หายไป แต่มันผสานเข้ากับทุกส่วนของร่างกายอย่างสมบูรณ์!
พลังปราณในร่างไม่ได้เปลี่ยนไป แต่แค่แพร่กระจายไปทั่วทั้งร่าง!
ในแง่ของระดับขั้น เซียวนั่วอยู่เพียงขั้นก่อร่างระดับหนึ่ง แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพกลับแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน เซียวนั่วก็เผชิญหน้าเข้ากับสถานการณ์ใหม่ เขาต้องการพลังปราณจำนวนมากเพื่อขัดเกลาร่างกาย ขั้นก่อร่างระดับหนึ่ง ไม่สามารถกระจายพลังไปยังส่วนต่าง ๆ ได้
เซียวนั่วตัดสินใจนำเม็ดยาพลังปราณทั้งหกออกมา
นี่คือสิ่งที่ได้มาจากพวกของเซียวอี่
โดยปราศจากความลังเล เซียวนั่วกินมันเข้าไปหนึ่งเม็ด
คุณภาพของเม็ดยาพลังปราณนั้นยอดเยี่ยมมาก ดูเหมือนมันจะเป็นยาที่ถูกกลั่นโดยสำนักกระบี่ขุนพลสวรรค์
เมื่อเม็ดยาพลังปราณเข้าสู่ท้อง พลังปราณอันรุนแรงก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย เซียวนั่วสงบสติของตน และเริ่มควบคุมให้พลังปราณเหล่านั้นกระจายไปทั่วร่าง
ไม่นาน เส้นลมปราณภายในร่างก็เปิดออก และพลังปราณภายในจุดตันเถียนก็กลับมาเต็ม และแข็งแกร่งอีกครั้ง
ขั้นก่อร่างระดับสอง…
ขั้นก่อร่างระดับสาม…
ขั้นก่อร่างระดับสี่…
ในพริบตา ระดับของเซียวนั่วเพิ่มขึ้นถึงสามระดับติดต่อกัน และกลับเป็นขั้นก่อร่างระดับสี่ดังเดิม
ในขณะที่ดูดซับพลังปราณจากเม็ดยาพลังปราณ เซียวนั่วก็ใช้ทักษะกายาหงเหมิงเจ้าโลกา เพื่อโคจรพลังปราณไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
หลังจากทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง เซียวนั่วก็ทะลวงผ่านจุดวิกฤตของระดับสี่ของขั้นก่อร่าง และก้าวเข้าสู่ระดับห้าของขั้นก่อร่างในที่สุด
พลังปราณที่ทรงพลังไหลผ่านผิวหนัง เติมเต็มทุกส่วนของกล้ามเนื้อและกระดูก
ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เซียวนั่วกินเม็ดยาพลังปราณเข้าไปเพิ่มอีกสองเม็ดทันที
ภายใต้การใช้ทักษะกายาหงเหมิงเจ้าโลกา พลังปราณที่ได้รับจากเม็ดยาไหลเวียนไปทั่วร่าง และเสริมความแข็งแกร่งของทุกส่วน
ด้วยฤทธิ์ของเม็ดยาพลังปราณ ระดับของเซียวนั่วไม่ได้ถดถอย เขาจึงเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย และทำให้รากฐานมั่นคงต่อไป…
ความเห็น 0