คำที่เกิดขึ้นถี่ๆ บ่อยๆ
วกไปวนมาอยู่ในหัวของคุณ
สะท้อนได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับแก่นชีวิต
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าชีวิตกำลังชื่นมื่น
จะมีแต่ถ้อยคำหอมหวานประเภท มีความสุขจัง
ขอบคุณสวรรค์ ชาตินี้ดีเหลือเกิน ฯลฯ
แต่หากชีวิตกำลังตกระกำลำบาก
ก็จะมีคำประเภท ทำไมซวยอย่างนี้?
นี่หรือผลของความดีที่ทำไว้?
เมื่อไรจะได้เป็นสุขกับเขาบ้าง? ฯลฯ
ข้อน่าสังเกตประการแรก
คือ เมื่อเป็นสุข
ความคิดในหัวจะเปล่งประกายระริกระรี้
ไร้เครื่องหมายคำถาม
ไร้ความกังขาชีวิตอันใดเลย
แต่เมื่อเป็นทุกข์
ความคิดลบๆ จะพาออกอ่าว
ตั้งคำถามที่ไม่มีคำตอบให้ตัวเอง
จากนั้นก็ถามฟ้า ถามลมแล้งไร้ตัวตนไปเรื่อย
เพราะแน่ใจว่าไม่มีมนุษย์อุจจาระเหม็นที่ไหน
ให้คำตอบที่ถูกใจกับตนเองได้แน่ๆ
ข้อสังเกตประการที่สอง
คือ ถ้าคุณถูกกระทำ
ถูกรังแกโดยไม่เป็นธรรม
คำในหัวที่ผุดขึ้นบ่อยๆ จะสะท้อนให้เห็น
ความหยาบหรือประณีตของจิตวิญญาณได้
เช่น สำหรับคนอัตตาสูง
แต่ถูกเหยียด ถูกมองต่ำชั้น
ไม่ให้ความเคารพเกรงใจ
ก็อาจมีถ้อยคำด่าทอหยาบคาย
ผุดพรายเป็นสายน้ำตกตอบโต้
ใจคิดด่ามากกว่าด่าออกปากหลายสิบหลายร้อยเท่า
อย่างนี้แปลว่าใจยังหยาบอยู่มาก
แต่หากถูกกระทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ
แล้วสยบสัตว์ร้ายในหัวตัวเองได้
ไม่พล่ามพ่นพิษออกมาจากจิตหรือจากปาก
แถมสามารถเรียบเรียงถ้อยคำให้เป็นระเบียบ
หนักแน่นพอจะเปลี่ยนใจขุ่นเป็นใจใส
ให้ทั้งตัวเองและคู่กรณี
อย่างนี้แปลว่าใจประณีต
คู่ควรกับชีวิตที่ประณีตสุขุม
ข้อสังเกตประการที่สาม
คือ ขณะเผชิญสถานการณ์วัดใจ
หรือติดด่านยากของชีวิต
ที่ชวนให้ติดอยู่กับอารมณ์คิดไม่ออก
หากมีอาการเล็งตาตรง
ย้ำบอกตัวเองแต่ว่า ต้องผ่านไปให้ได้
อันนั้นสะท้อนความเข้มแข็งของจิตใจ
หากสายตาเลื่อนลอย
ย้ำถามตัวเองแบบไร้จุดหมายว่า จะเอาไงดี?
อันนั้นสะท้อนความงงงวย ช่วยตัวเองยาก
หากสายตาลอกแลก
บ่นกระปอดกระแปดทั้งด้วยใจและด้วยปากว่า
เมื่อไหร่จะผ่านไปเสียที?
อันนั้นสะท้อนนิสัยช่างท้อ รอเปล่า
หากสายตาเหลือบต่ำ
ย้ำตอกย้ำคิดว่า ไม่มีทางดีกว่านี้แล้ว
อันนั้นสะท้อนอารมณ์หมกจม หดหู่ สิ้นหวัง
ประเภทนี้เห็นข่าวตัดช่องน้อยแต่พอตัว
ก็จะเหมือนเห็นผู้นำให้อยากตัดใจเอาแบบนั้นบ้าง
น้อยคนจะได้รู้ความลับของชีวิต
นั่นคือ ความคิดเป็นสิ่งที่มีพลังมหัศจรรย์ในตัวเอง
คุณสามารถกลับข้าง
ไม่ใช่เอาแต่ยอมรับสภาพว่า
จิตใจย่ำแย่อย่างนี้
ก็ต้องมีคำในหัวอย่างนี้เป็นธรรมดา
แต่เปลี่ยนไปมองอย่างนักสู้ว่า
เลี้ยงความคิดอย่างไรไว้
ความคิดอย่างนั้นจะเลี้ยงชีวิต
หรือทำลายชีวิตคุณในภายหลัง
ถ้ารู้ตัวว่า
จิตชอบตะโกนถามเทวดาในอากาศว่างข้างหน้า
ก็ลองกลับตัว
หันมากระซิบถามมันสมองมนุษย์ในกะโหลก
ถ้าชอบตั้งคำถามที่ไม่มีคำตอบให้ตัวเอง
เช่น เพราะอะไรถึงซวยอย่างนี้?
ก็ลองตั้งโจทย์ที่ตอบได้จริง
เช่น เพราะคิดยังไง ทำตัวยังไง
ถึงเอาตัวไปติดกับดักหนูอยู่เรื่อย?
ถ้ารู้ตัวว่า
ชอบก้มหน้าก้มตา คิดตอกย้ำซ้ำเติมตัวเองว่า
คงผ่านไปไม่ได้แน่ๆ
ก็ลองเชิดคาง เล็งตาตรงเหมือนจะยิงธนู
แล้วบอกตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวคำเดียว ทีเดียวว่า
ต้องผ่านไปให้ได้!
คำเดียว ใจเดียว
ในนาทีที่เหมือนจะเพลี่ยงพล้ำ
ให้กับภาคอ่อนแอในตน
คุณจะรู้สึกถึงอีกคนที่ลุกขึ้นมาใหม่
ด้วยจิตดวงใหญ่กว่าเดิม
ด้วยมันสมองที่โตกว่าเดิม
แม้ว่าจะยังอยู่ในร่างเดิม!
ความเห็น 5
ถามจริงๆเถอะ อายตัวเองไหม เขียนเอง โค้ชเอง เมมเอง ไอ้ต้นมึงประสาทนะเนี่ย มึงผ่านกูได้นะ มึงบ้าไปแล้ว
24 พ.ค. 2563 เวลา 10.05 น.
Pichai
ขอเสริม
You can if you think you can.
You are what you think.
Tommorow will be better (ของเพลงจีน)
สิ่งดี/เลวร้ายเกิดขึ้นไม่ใช่เพราะความบังเอิญ หาคำตอบไม่ได้หรอก บางความเชื่อก็จะโยนไปเป็นเรื่องของเวรเรื่องของกรรมไปเลย
24 พ.ค. 2563 เวลา 07.10 น.
สุขบ้าง ทุกข์บ้าง หมุนเวียนกันไปตามวัฎจักร ก้อเท่านั้นเอง
ธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ ยาก ดี มี จน เหมือนกันครับ
24 พ.ค. 2563 เวลา 07.03 น.
หนุ่ม
ขอบคุณมากครับ
24 พ.ค. 2563 เวลา 04.46 น.
ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์หรือว่าความสุขก็ตามที่เกิดขึ้น ทุกอย่างล้วนแล้วก็ย่อมที่จะต้องเป็นไปตามวัฐจักรของชีวิต ขอเพียงแค่ว่าใจของเราไม่ไปยึดติดอยู่กับในสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้แค่นั้นก็พอ ก็จะช่วยทำให้ใจของเราไม่เป็นทุกข์ เพราะทุกอย่างนั้นล้วนแล้วก็คือสิ่งที่ไม่แน่นอน ทำวันนี้ให้ดีและถูกต้องเข้าไว้แค่นั้นก็พอ.
23 พ.ค. 2563 เวลา 22.20 น.
ดูทั้งหมด