การบริหารจัดการทรัพยากรในท้องทะเล เป็นอีกหนึ่งความท้าทายของนักอนุรักษ์ เมื่อวันนี้โลกกำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน และการบริโภคทรัพยากรอย่างเกินขอบเขต ขาดการดูแลรักษาและสร้างทดแทน พื้นที่ในท้องทะเลที่คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 3 ใน 4 ส่วนของโลกกำลังส่งสัญญาณความไม่สมดุลย์ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความสะอาด และขยะทะเล แต่ปริมาณอาหารในทะเลก็กำลังลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญไม่ต่างกัน
เมื่อวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ 2562 WWF และองค์กรพันธมิตรร่วมกันจัดการประชุมระดับโลกเป็นครั้งที่ 3 ในหัวข้อเกี่ยวกับอุตสาหกรรมประมง ในงาน The Seafood and Fisheries Emerging Technologies หรือ SAFET โดยมีผู้ร่วมงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจและอุตสาหกรรมประมง รวมถึง ผู้ประกอบการด้านซัพพลายเชน และเทคโนโลยีเดินทางมาจากทั่วโลกเข้าร่วมงาน ณ กรุงเทพมหานคร
บับบา คุก ผู้จัดการโครงการ แปซิฟิก ทูน่า จาก WWF กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จที่ก้าวต่อจากการประชุมครั้งก่อนเมื่อปี 2014 โดยมีเป้าหมายในการมองหา และขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ ในยุคที่เทคโนโลยีมีความก้าวไกล ซึ่งการจัดการบริหารทรัพยากรทะเลสามารถทำได้ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการทำงานด้านการอนุรักษ์
ทั้งนี้ผลสำเร็จจากการประชุมวาระที่ผ่านมา คือการยกระดับการเฝ้าระวังการทำประมงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ควบคุมกฎหมายพาณิชย์ และผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี เพื่อออกแบบอุปกรณ์สำหรับตรวจสอบการประมงที่ไม่ถูกต้อง และการยกระดับระบบการเฝ้าระวังซึ่งทำให้ปฏิบัติการใดๆ สามารถทำได้อย่างทันท่วงที
“การใช้เทคโนโลยีและระบบสัญญาณดาวเทียม รวมถึงเครื่องมือติดตามที่ไม่ต้องควบคุมโดยมนุษย์เป็นองค์ความรู้ที่เราจะนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในการประชุมครั้งนี้ และเราหวังว่าการทำงานของพวกเราจะสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งมากขึ้น ทั้งภาคอุตสาหกรรม เทคโนโลยี ภาครัฐ และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ” บับบา กล่าว
ผลจากการประชุมและข้อสรุปจากทุกภาคส่วนจะถูกขับเคลื่อนเป็นนโยบายเพื่อนำไปสู่วิถีการทำประมงที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต