โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รู้จัก ‘Legats’ สำนักงานภาคสนามของ FBI นอกสหรัฐฯ หน่วยงานด้านกฎหมายที่ทรงอำนาจกระจายอยู่ทั่วโลก

THE STATES TIMES

อัพเดต 03 ม.ค. เวลา 06.53 น. • เผยแพร่ 04 ม.ค. เวลา 04.00 น. • ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล

เราท่านต่างพอรู้และเข้าใจว่า FBI (Federal Bureau of Investigation) หรือ สำนักงานสอบสวนกลาง เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายภายใต้กระทรวงยุติธรรมของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมีภารกิจคือ การต่อต้านการก่อการร้าย การต่อต้านข่าวกรอง และอาชญากรรมร้ายแรงในประเทศ มีขอบเขตอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายมากกว่า 200 หมวดหมู่ รายงานต่อทั้งอัยการสูงสุดสหรัฐฯ (United States Attorney General) ซึ่งก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (Director of National Intelligence : DNI) และผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ หากจะเปรียบเทียบกับบ้านเราให้เข้าใจอย่างง่ายคือ งานของ FBI จะคล้ายกับงานที่ของ 3 หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของไทยรวมกันได้แก่ กองบัญชาการสอบสวนกลาง และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม

แม้ว่าบทบาทหน้าที่หลายอย่างของ FBI จะมีลักษณะเฉพาะ แต่ภารกิจด้านความมั่นคงของชาตินั้นเทียบได้กับ MI5 และ NCA ของอังกฤษ GCSB ของนิวซีแลนด์ และ FSB ของรัสเซีย ซึ่งแตกต่างจากหน่วยข่าวกรองกลาง (CIA) ซึ่งไม่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายและมุ่งเน้นการรวบรวมข่าวกรองในต่างประเทศ ด้วย FBI เป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติการในประเทศเป็นหลัก โดยมีสำนักงานภาคสนาม 56 แห่งในเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐอเมริกา และหน่วยงานขนาดเล็กประจำอีกมากกว่า 400 แห่งในเมืองเล็ก ๆ และพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยสำนักงานภาคสนามของ FBI เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ FBI ของสำนักงานภาคสนามจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (DNI) ในเวลาเดียวกัน

แม้ว่า ขอบเขตอำนาจในการปฏิบัติหน้าที่ของ FBI จะจำกัดอยู่เฉพาะในดินแดนสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯ เองก็เป็นหนึ่งประเทศในโลกที่มีอาชญากรรมร้ายแรงมากที่สุด มีเครือข่ายของบรรดากลุ่มผิดกฎหมายทั้งในและนอกประเทศ FBI จึงต้องมีสำนักงานภาคสนามในการดำเนินงานระดับนานาชาติที่สำคัญ โดยเป็นสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายกฎหมาย (Legal Attaché Office : Legats) อยู่ 63 แห่งและสำนักงานย่อยอีก 27 แห่งประจำอยู่ในสถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐฯ ทั่วโลก และมีเจ้าหน้าที่พิเศษและเจ้าหน้าที่สนับสนุนประมาณ 250 นายประจำการอยู่สำนักงานต่างประเทศเหล่านั้น Legats ตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์หลักในการประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยด้านความมั่นคงของประเทศที่ประจำ และโดยปกติจะไม่ดำเนินการฝ่ายเดียวในประเทศนั้น ๆ แต่บางครั้ง FBI ก็ปฏิบัติการในภารกิจลับในต่างประเทศ Legats (Legal Attaché ) คือเจ้าหน้าที่พิเศษของ FBI ที่ได้รับมอบหมายให้ประจำสถานทูตหรือสถานกงสุลสหรัฐฯ ในต่างประเทศ ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลัก ระหว่าง FBI กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หน่วยข่าวกรอง และหน่วยงานความมั่นคงของต่างประเทศหน้าที่ของพวกเขาคืออำนวยความสะดวกในการร่วมมือระหว่างประเทศในการสืบสวนคดีอาญา การต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมทางไซเบอร์ และภัยคุกคามข้ามชาติอื่น ๆ เช่นเดียวกับ CIA ที่ภารกิจในประเทศก็ถูกจำกัด ซึ่งภารกิจเหล่านี้โดยทั่วไปต้องอาศัยการประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐของประเทศนั้น ๆ ด้วย

สำนักงาน Legats เกิดขึ้นในปี 1940 ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในชื่อว่า ‘หน่วยข่าวกรองพิเศษ’ ก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1941 ในเวลานั้น ประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt ได้ออกคำสั่งให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้การสนับสนุนช่วยเหลือในความพยายามเพื่อรวบรวมข่าวกรองตามภัยคุกคามที่เกิดจากฝ่ายอักษะ ดังนั้น FBI จึงตอบสนองต่อคำสั่งนั้น และเริ่มส่งเจ้าหน้าที่พิเศษไปประจำการทั่วละตินอเมริกาและอเมริกากลาง และพัฒนาหรือก่อตั้งหน่วยข่าวกรองพิเศษ หน้าที่แรกของหน่วยนี้คือ ในปี 1941 ที่กรุงโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายกฎหมายของ FBI ในเวลานั้น FBI แบ่งปันข้อมูลกับประเทศต่าง ๆ ที่ให้ความร่วมมือเกี่ยวกับภัยคุกคามจากนาซี เยอรมัน ซึ่งสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญอยู่ ดังนั้นปฏิบัติการระหว่างประเทศของ FBI ในปัจจุบันจึงแตกต่างไปจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก แต่ภารกิจนี้ยังคงดำเนินต่อไปจนทุกวันนี้

ดังที่ Robert Swan Mueller III อดีตผู้อำนวยการ FBI ได้กล่าวไว้ว่า “การก่ออาชญากรรมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการก่อการร้าย การค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ สินค้าผิดกฎหมาย และผู้คน หรืออาชญากรรมทางไซเบอร์ ล้วนต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก และนั่นหมายถึงการที่เจ้าหน้าที่ของเราจะต้องทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศโดยตรงในคดีที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่เพียงแต่เพื่อแก้ไขอาชญากรรมที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังเพื่อป้องกันอาชญากรรมและการก่อการร้ายด้วยการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์” ในอดีต การบังคับใช้กฎหมายเน้นไปที่อาชญากรรมที่ได้รับผลกระทบหรือเกิดขึ้นภายในดินแดนของแต่ละประเทศ ซึ่งปัจจุบันนี้ แนวคิดดังกล่าวไม่สามารถใช้ต่อไปได้อีกแล้ว เนื่องจากโลกาภิวัฒน์ที่ผนวกรวมกับความก้าวหน้าอย่างเหลือเชื่อในด้านเทคโนโลยี การเดินทาง การค้า และที่สำคัญที่สุดคือการสื่อสารได้ทำลายกำแพงเหล่านั้นและพรมแดนลง ส่งผลให้ภัยคุกคามกลายเป็นเรื่องทั่วโลกมากขึ้น และความจำเป็นในการร่วมมือกัน การแบ่งปันข้อมูล และการมีส่วนร่วมที่ดีขึ้นนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหน่วยงานและประเทศต่างๆ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามระดับโลกเหล่านี้ได้ดีขึ้น เหล่านี้จึงทำให้เกิดสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายกฎหมาย (Legal Attaché Office : Legats) 63 แห่ง และสำนักงานย่อย 27 แห่งในสถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐทั่วโลก

ภารกิจของสำนักงาน Legats ประกอบด้วย :

- การประสานงานการสืบสวน: ช่วยเหลือในการปฏิบัติการร่วม แบ่งปันข่าวกรอง และประสานงานกับพันธมิตรต่างประเทศในคดีที่ FBI รับผิดชอบแต่มีขอบเขตเกินกว่าขอบเขตของสหรัฐฯ

- การส่งผู้ร้ายข้ามแดนและกระบวนการทางกฎหมาย: อำนวยความสะดวกในการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน การรวบรวมหลักฐานจากเขตอำนาจศาลต่างประเทศ และการทำให้แน่ใจว่าผลประโยชน์ทางกฎหมายของสหรัฐฯ ได้รับการเป็นตัวแทนในต่างประเทศ

- การแบ่งปันข้อมูล: การแลกเปลี่ยนข่าวกรองและข้อมูลอาชญากรรมเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย อาชญากรรมที่เป็นองค์กร การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์

- การตอบสนองต่อเหตุวิกฤต: การช่วยเหลือพลเมืองสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อการร้ายหรืออาชญากรรมร้ายแรงในต่างประเทศ และมีส่วนสนับสนุนการจัดการวิกฤตระหว่างประเทศ

- การประสานงานคำร้องขอความช่วยเหลือระหว่าง FBI กับประเทศที่สำนักงาน Legats รับผิดชอบ

- ดำเนินการสอบสวนร่วมกับรัฐบาลประเทศที่สำนักงาน Legats รับผิดชอบ

- การแบ่งปันข้อมูลและแนวทางการสืบสวน

- ประสานงานหลักสูตรการฝึกอบรม FBI ให้กับตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ตั้งแต่การต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมทางไซเบอร์ ไปจนถึงเทคนิคทางนิติวิทยาศาสตร์ การค้ามนุษย์ และสิทธิมนุษยชน

- บรรยายสรุปแก่หน่วยงานอื่น ๆ ของสถานทูต รวมถึงหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและเอกอัครรัฐทูต

- การจัดการการขออนุมัติปฏิบัติในประเทศที่รับผิดชอบ

- การรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับพิธีการทางวัฒนธรรม

- การประเมินสภาพแวดล้อมทางการเมืองและความมั่นคง

- การประสานงานช่วยเหลือเหยื่อและด้านมนุษยธรรม

สำนักงาน Legats ในต่างประเทศอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานปฏิบัติการระหว่างประเทศ สำนักงานใหญ่ FBI ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สำนักงานนี้มีการติดต่อประสานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่น ๆ ตำรวจสากล เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างประเทศที่มีสำนักงานในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และชุมชนบังคับใช้กฎหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับบ้านเราแล้ว FBI มีสำนักงาน egats ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย มาตั้งแต่ ปี 1990 (พ.ศ. 2533) แต่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เข้ามาปฏิบัติการในบ้านเราก่อนหน้านั้นก็คือ สำนักงานปราบปรามยาเสพติด (the Drug Enforcement Administration : DEA) อันเนื่องมาจากยาเสพติดประเภทเฮโรอีนและกัญชาได้แพร่ระบาดเข้าในสหรัฐฯ อย่างมากมายตั้งแต่ยุคสงครามเวียดนาม โดย DEA สนับสนุนการปราบปรามยาเสพติดให้กับหน่วยงานของไทยที่รับผิดชอบ อาทิ เงินทุนสนับสนุน การฝึกอบรม อุปกรณ์เทคโนโลยีที่สำคัญและจำเป็น แม้กระทั่งเงินที่ใช้สำหรับใช้ในการล่อซื้อยาเสพติด ฯลฯ โดย DEA มีสำนักงานย่อยในจังหวัดใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนและมีการค้ายาเสพติดในปริมาณมาก เช่น เชียงใหม่ ปัจจุบันสำนักงานของ DEA ในไทยยังเป็นสำนักงานภูมิภาคของ DEA ประจำทวีปเอเชียด้วย

FBI โดยสำนักงาน Legats ประจำประเทศไทยและอีกหลายหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการปราบปรามอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็น ผู้ก่อการร้าย ผู้ค้ามนุษย์ ผู้กระทำความผิดทางไซเบอร์ที่ประสงค์ร้าย และอาชญากรและศัตรูอื่น ๆ จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและชุมชนทั่วโลกเพื่อก่ออันตรายได้ง่ายดายขนาดนี้ ตัวอย่างเช่น กลุ่มอาชญากร MS-13 และ 18th Street ไม่ได้ปฏิบัติการเพียงแต่ในเมืองหรือภูมิภาคเดียวอีกต่อไป แต่กลายมาเป็นกลุ่มที่ปรากฏตัวอยู่ทั่วโลก ยาเสพติดผิดกฎหมาย เช่น เฟนทานิล (Fentanyl) ไม่จำเป็นต้องหาซื้อด้วยตนเองอีกต่อไป เนื่องจากสามารถหาซื้อได้ง่ายบนเว็บมืด ดังนั้น สิ่งต่าง ๆ เช่นนั้น อาทิ การค้ามนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับเด็ก จึงกลายเป็นภัยคุกคามระดับโลก และต้องมีการตอบสนองหรือแนวทางในระดับโลก นอกจากการปราบปรามอาชญากรรมแล้ว FBI และรัฐบาลสหรัฐฯ ยังแสดงความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อต่อต้านการก่อการร้ายสากล โดย FBI มีหน่วยปฏิบัติการที่จะสนับสนุนภารกิจในการต่อต้านการก่อการร้าย อาทิ หน่วยกู้ระเบิด (Bomb Technician) หน่วยตอบสนองต่อวัตถุพยานอันตราย (Hazardous Evidence Response Team) หน่วยตอบสนองต่อวิกฤต (Crisis Response Team) หน่วยเจรจาต่อรอง (Negotiation Team) หรือแม้แต่หน่วยสืบค้นใต้น้ำ (Underwater Search Team) จากทุกสิ่งตั้งแต่ การต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมทางไซเบอร์ การค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติที่ก่อขึ้นเป็นองค์กร ความพยายามของ FBI ยังคงก้าวต่อไปข้างหน้าในปัจจุบันและดำเนินต่อไปในอนาคตอย่างไม่ลดละและหยุดยั้ง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...