คอลัมน์ : นอกรอบ ผู้เขียน : ชนาภา มานะเพ็ญศิริ Bnomics:ธนาคารกรุงเทพ
ในขณะที่ทองราคาขึ้นเอา ๆ แต่สงสัยกันมั้ยทำไมราคาเพชรช่วงนี้ถึงตกลงเรื่อย ๆ จนราคาลดลงมาต่ำสุดในรอบปี ทั้งที่ก็เป็นทรัพย์สินมีค่าเหมือน ๆ กัน ในบทความนี้ Bnomics จะมาไขข้อข้องใจให้ฟัง
คนต้องการซื้อเพชรน้อยลง
ด้วยความที่เพชรนั้นเป็นสินค้าที่กลไกราคาตลาดขึ้นอยู่กับผู้บริโภค ความต้องการซื้อเพชรของผู้บริโภคจะเป็นตัวที่มีผลต่อการกำหนดราคาเพชรดิบในตลาด ในขณะที่ทางฝั่งผู้ค้าปลีกเพชรก็จะกระตุ้นความต้องการซื้อของผู้บริโภคผ่านทางการทุ่มเงินไปกับงบฯโฆษณา ทำให้ช่วงปี 2021 และ 2022 ความต้องการเพชรทุบสถิติสูงที่สุด ก่อนที่ในปีนี้ความต้องการนั้นจะตกลงมา
เนื่องจากในช่วงการแพร่ระบาดโควิด ผู้บริโภคไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปกินอาหารนอกบ้าน ท่องเที่ยว พอมาถึงตอนนี้คนจึงมีเงินเหลือมาซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นได้มากขึ้น แต่สินค้าไม่จำเป็นที่ผู้บริโภคเลือกจะซื้อนั้น กลับเป็นการใช้เงินเพื่อซื้อประสบการณ์ เช่น กินอาหารนอกบ้าน ท่องเที่ยว มากกว่าจะซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยพวกจิวเวลรี่อย่างเพชร
เพชรแล็บ (lab grown diamonds) เทรนด์ใหม่สำหรับคนรักสิ่งแวดล้อมที่กำลังมาแรงในตลาด
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เพชรดิบราคาตกลง ก็เนื่องจากความต้องการ “เพชรแล็บ” สูงขึ้นในกลุ่มคนอเมริกันที่เริ่มนิยมเลือกใช้เพชรแล็บเป็นแหวนหมั้นแทน โดยเพชรแล็บนั้นมีคุณสมบัติเทียบเท่าเพชรธรรมชาติ แต่มีราคาถูกกว่าถึง 80% และยังได้รับความนิยมกลุ่มคนรักสิ่งแวดล้อม เนื่องจากกระบวนการผลิตนั้นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเหมืองเพชรธรรมชาติ ทำให้เพชรแล็บเริ่มกลืนกินตลาดเพชรธรรมชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ
และสัญญาณที่บอกว่าเพชรแล็บนั้นเข้ามามีบทบาทมากขึ้นคือ สัดส่วนการส่งออกเพชรจากอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งเจียระไนที่ใหญ่ที่สุด โดยกว่า 90% ของเพชรทั่วโลกถูกส่งมาเจียระไนที่นี่ พบว่า “เพชรแล็บ” มีสัดส่วนการส่งออกในเดือนมิถุนายนถึง 9% เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อนหน้าซึ่งอยู่แค่ 1% เท่านั้น
แบบนี้แปลว่าเราจะซื้อแหวนเพชรในราคาที่ถูกลงหรือไม่ ?
อย่างไรก็ตาม ราคาเพชรดิบที่ตกลงไปนั้น อาจไม่ได้แปลว่าผู้บริโภคจะได้ซื้อเพชรในห้างที่ราคาถูกลงเสมอไป…
เพราะผู้ค้าปลีกเพชรส่วนใหญ่มักจะไม่ปรับราคาหน้าร้าน โดยอิงจากราคาเพชรดิบในตลาดในระยะสั้น
ถึงแม้ราคาเพชรดิบจะถูกลง ก็อาจไม่ได้หมายความว่าในตอนนี้คุณจะสามารถซื้อแหวนแต่งงานแบบลดราคาได้ เพราะผลกระทบนี้เกิดขึ้นในตลาดเพชรดิบเท่านั้น
การจะซื้อเพชรกลม 1 กะรัต ตามหน้าร้านก็ยังราคาสูงกว่าเมื่อปี 2020 โดยเฉลี่ยประมาณ 3%
แต่คำถามที่สำคัญตอนนี้คือ การที่ความต้องการเพชรธรรมชาติตกลงไปนั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรหรือไม่ และจะกระทบกับเพชรราคาแพง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่คนเอเชียนิยมซื้อหรือไม่ ?
ทั้งนี้ ทาง De Beers ผู้นำรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเพชร มองว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นปัญหาเชิงเศรษฐกิจมหภาคมากกว่า
โดยทาง De Beers ก็ได้ปรับกลยุทธ์การขายด้วยการลดราคาเพชรดิบกลุ่ม select makeables (เพชรกลุ่มความสะอาดไม่สูง) ลงกว่า 40% โดยเป็นเพชรดิบขนาด 2-4 กะรัต ที่เมื่อเจียระไนแล้วเนื้อเพชรจะหายไปประมาณครึ่งหนึ่ง ทำให้ได้เพชรขนาดเป็นแหวนหมั้นได้พอดี แต่ไม่ถึงระดับที่ไร้ตำหนิ
จากในเดือนมิถุนายน ปี 2022 เพชรดิบกลุ่ม select makeables ราคาอยู่ที่ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัต แต่ในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ปรับลดเหลือ 850 ดอลลาร์สหรัฐ และยังมีช่องว่างที่อาจจะลดราคาลงไปได้อีก
ก่อนที่อาจได้เห็นราคาขายปลีกของเพชรพุ่งขึ้นอีกครั้งในช่วงวันหยุดฤดูหนาว และจนถึงในช่วงต้นปี 2024 เนื่องจากเป็นช่วงที่คนนิยมหมั้น และเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสวาเลนไทน์พอดี แต่โดยรวมก็ยังคาดว่ายอดขายเพชรก็ยังมีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าอยู่ดี