ช่วงนี้อาจจะยังมีน้องๆเด็กจบใหม่บางคน หรือ กำลังใกล้จะจบ กำลังมองหางานกันอยู่ แน่นอนว่าการสมัครงานครั้งแรก คงเป็นอะไรที่มืดแปดด้าน มีคำถามอยู่ในหัวเต็มไปหมด..จะต้องเตรียมตัวอย่างไร พูดอย่างไรให้ประทับใจ และได้งาน จะได้เงินเดือนเท่าไหร่ ? วันนี้ LINE TODAY ได้รวบรวมคำถามที่เด็กจบใหม่หลายคนสงสัยมาช่วยตอบให้ พร้อมกับแนะนำเทคนิคการสมัครงานจนถึงสัมภาษณ์ ที่จะทำให้คุณดูน่าสนใจในสายตาบริษัทที่คุณใฝ่ฝันแน่นอน!!
Q: เกณฑ์หลักในการคัดคนเข้าทำงาน?
A: - มีประสบการณ์การทำงาน/ฝึกงาน หรือ มีทักษะที่สอดคล้องกับงาน
- มีทัศนคติที่ดี
- ดูแล้วสามารถทำงานร่วมกับทีมได้
- ดูมีความสามารถที่จะเติบโตต่อไปได้
- มีวิธีการคิดที่ดี มีความซื่อตรง ซื่สัตย์ ซึ่งสามารถบอกได้จากสิ่งที่คุณพูดตอนสัมภาษณ์ว่าคุณมีแพชชั่นในงานนี้แค่ไหน
Q: บุคลิกภาพแบบไหนที่โดดเด่นและสามารถสร้างความประทับใจได้?
A: ความประทับใจแรกเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งสามารถบอกได้ ตั้งแต่คุณก้าวเท้าเข้ามา เริ่มทักทาย จนกระทั่งนั่ง บุคลิกท่าทางที่ดี พูดจาฉะฉาน ไม่ตะกุกตะะกักเป็นสิ่งที่จะช่วยสร้างความประทับใจและทำให้เห็นถึงวิธีคิด ทักษะด้านการสื่อสาร อีกเรื่องคือ มารยาทพื้นฐาน อย่างการใช้สายตา สบตากับผู้สัมภาษณ์ น้ำเสียง คำพูด
Q: ควรแต่งกายอย่างไร?
A: ขึ้นอยู่กับที่ๆเราไปสมัครงาน แต่ควรดูน่าเชื่อถือ ไม่อย่างนั้นลองอะไรที่เบสิคแต่ดูโปร อย่าง สีขาว ดำ น้ำเงิน ผู้หญิงก็แต่งหน้าโทนสีสุภาพ ไม่จัดเกินไป แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือ ทัศนคติ ต่อให้คุณจะใส่ชุดที่ดูเยอะเกินไป แต่ทัศนคติคุณได้ ดูสมาร์ทก็ถือว่าผ่าน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเป็นตัวของตัวเองแต่ก็ต้องสุภาพ
Q: ส่วนใหญ่จะถามเกี่ยวกับอะไรบ้าง การตอบคำถาม?
A: คำถามส่วนใหญ่ก็จะโฟกัสจาก job description เนื้องานที่เราต้องรับผิดชอบ
Q: เราควรตอบคำถามแบบเป็นตัวเองเลย หรือ ต้องตอบสิ่งที่คิดว่าดี ?
A: เป็นตัวเองดีที่สุด! ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการที่เราโกหก แล้วเค้ามารู้ที่หลัง ไม่ใช่ทุกที่จะใช่กับเรา และไม่ใช่ว่าเราจะใช่กับทุกที่ แต่หาที่ๆใช่ที่สุดสำหรับเราแล้วพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นจะเป็นผลดีกับเราในระยะยาวมากกว่า
Q: ทำ Resume ยังไงให้ไม่เหมือนใครและตรงใจ HR?
A: ขึ้นอยู่กับบริษัทและตำแหน่งงานที่เราไปสมัคร เราต้องเรียนรู้ที่จะขายตัวเองและทำตอนสัมภาษณ์ให้ดี เหมือนกับการขายงาน
อย่างแรก ต้องทบทวนกับตัวเองให้ดีก่อนว่าเราเคยทำอะไรมา ผ่านอะไรมาบ้าง เพื่อที่จะหาจุดเด่นของตัวเองมาขาย
อย่าโกหก หรือ ใช้คำที่เกินจริงมากเกินไป
นำเสนออย่างชาญฉลาด แน่นอนว่าจบใหม่คงยังไม่มีประสบการณ์ทำงานที่จะเอาไปใส่ เราก็เอาวิชาที่เราเรียน กิจกรรมที่ทำ และประสบการณ์ที่ฝึกงานนั้นแหละมาใส่ ลองดูด้วยว่าสิ่งไหนที่เราเขียนลงไปแล้วเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่ไปสมัคร
จะทำให้เราดูน่าสนใจมากขึ้น แล้วก็อย่าลืมยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพในสิ่งที่คุณทำ แต่จำไว้ว่า เรซูเม่เป็นเพียง 20 % ของทั้งหมด อีก 80% อยู่ที่การสัมภาษณ์
Q: ถ้าต้องแนะนำตัวควรพูดอะไรบ้าง?
A: เราต้องเตรียมตัวให้ดีว่าจะพูดอะไร เพราะนี่เป็นคำถามคลาสิคที่ HR จะถามคุณ ถ้าเรายังไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนก็อาจจะพูดถึงประวัติการศึกษา กิจกรรมที่เราเคยทำที่จะสอดคล้องกับตำแหน่งงานและแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่อยากจะร่วมงานกับบริษัทนั้น พูดให้ชัดเจน ขายตัวเองให้เป็น และการถามกลับ จะทำให้คุณดูฉลาดขึ้น แต่คำถามที่ไม่ควรถาม คือคำถามที่คุณสามารถไปค้นหาคำตอบได้ในอินเตอร์เน็ต
Q: เงินเดือนสตาร์ทเท่าไหร่?
A: ฐานเงินเดือนปัจจุบันของเด็กจบใหม่ อยู่ที่ 15,000 ขึ้นไป
รู้อย่างงี้แล้วก็มาเริ่มขั้นตอนต่อไปกันเลย คือการสมัครงาน และ สัมภาษณ์ยังไงให้เราดูโปรถึงแม้จะเป็นเด็กจบใหม่!
การสัมภาษณ์งานก็เหมือนการขายของ โดยลูกค้าของเราก็คือ HR วันนี้เราจะแนะนำ 4 ขั้นตอนในการขายตัวเองให้ได้งาน!!
ขั้นแรก เริ่มจากการ pre-sale
First Impression จะเริ่มขึ้นตั้งแต่คุณเริ่มติดต่อ HR ไม่ว่าจะทางอีเมล หรือโทรศัพท์
อีเมลที่จะส่งถึง HR ควรใส่อะไรบ้าง?
- ควรระบุหัวข้อให้ชัดเจนว่าเราจะมาสมัครตำแหน่งอะไร Application for (ตำแหน่ง) มากกว่าที่จะเขียนแค่ I want to apply for a job
- ไม่ควรเริ่มต้นด้วยคำว่า Hi , Hello หรือ Dear Admin เพราะจะทำให้เราดูไม่โปร ควรจะใช้คำว่า Dear Human Resource Department หรือ Dear…(ชื่อบริษัท) หรือDear khun… (ถ้ารู้ชื่อของคนที่เราจะส่งอีเมลหา)
- การแนบ Resume ใส่ในอีเมลมาอย่างเดียวเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ อย่างน้อย ควรจะเขียนแนะนำตัวและบอกตำแหน่งที่เราจะสมัคร และควรส่ง Resume มาเป็นไฟล์ pdf.
ขั้นสอง ก่อนขาย การเตรียมตัวไปสัมภาษณ์งาน
- ศึกษาบริษัทที่เราจะไปสัมภาษณ์งานด้วย
- “รู้เขารู้เรารบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ด้วยความที่เป็นเด็กจบใหม่ ก็คงยังไม่มีประสบการณ์หรืออะไรให้ไปพูดเยอะ อย่างน้อยถ้าเราทำการบ้าน หาข้อมูลของบริษัทที่เราจะไปสัมภาษณ์มาก่อน จะทำให้เราดูเตรียมตัวและน่าสนใจมากขึ้น
เรื่องที่ควรรู้
1.บริษัทนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร?
2.วัฒนธรรมองค์กร หรือ วิสัยทัศน์ของบริษัท
3.ข่าวสารล่าสุดและผลงานของบริษัท
4.คนที่สัมภาณ์เรา (โดยเฉพาะถ้าเป็นระดับหัวหน้าที่จะเป็นคนตัดสินว่าเราจะได้งานนี้ไหมและเขาเคยออกสื่อบ้าง)
ข้อมูลเหล่านี้เราควรเริ่มจากไปหาตามหน้า เพจ หรือ เว็ปไซต์ของบริษัท แต่ถ้าหาไม่เจอก็ลองเอาชื่อ บริษัท ทั้งภาษาไทยและอังกฤษไปค้นหาใน googleได้
- ศึกษาตำแหน่งงานที่จะสมัคร
อย่างน้อยเราควรจะรู้คร่าวๆว่า งานที่จะไปทำ มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอะไรบ้างในแต่ละวันเพื่อที่เราจะได้หาจุดเด่นของตัวเองที่สอดคล้องกับงานที่ต้องทำ มาขายให้กับ HR
- เตรียมเอกสารและ ผลงาน portfolio
สิ่งที่ควรต้องมีก็คือ Resume กับ Transcript
และจะดีเข้าไปอีกถ้ามี portfolio โดยเฉพาะ portfolio ที่เอาบริษัทที่เราไปสัมภาษณ์งานมาทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
- เตรียมคำตอบ
ลองไปค้นหาคำถามที่ HR มักจะถามเวลาไปสัมภาษณ์งาน เช่น การแนะนำตัว จุดเด่น จุดด้อย
- เก็งคำถามเอง โดยดูจากตำแหน่งและเนื้องานที่เราจะไปทำ และลองคิดว่าถ้าเราเป็นหัวหน้าเราจะอยากถามคนที่มาสมัครงานกับเราว่าอะไร
ถามจากรุ่นพี่หรือเพื่อนที่เป็นนักล่างาน ถ้าเป็นสนามแรกของเรา ลองไปถามจากคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ว่าพวกเขาเคยโดนคำถามแบบไหนกันมาบ้าง อย่างน้อยเราจะได้มีไกด์คำถามไว้ในหัว ว่าที่ไหนเค้าถามแบบไหนกันบ้าง เพราะแต่ละที่อาจจะมีคำถามยิบย่อยที่แตกต่างกัน
หลังจากลองไกด์คำถามแล้ว เราก็ต้องมานั่งเตรียมคำตอบ เพราะบางที่เมื่อเราเข้าไปในห้องสัมภาษณ์อาจจะเกิดอาการประหม่า คิดไม่ออก ตอบไม่ถูก เพราะฉะนั้นการเตรียมไปก่อนจะทำให้เรารู้ว่าเรื่องไหนที่เราควรจะหยิบขึ้นมาพูด เรื่องไหนไม่จำเป็นต้องหยิบมา และจะได้มีเวลาเรียบเรียงประโยคให้ดูน่าสนใจและตรงประเด็น
- ซ้อมสร้างความมั่นใจ
การซ้อมคำตอบต่างๆที่เราคิดไว้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เชื่อเถอะว่าเมื่อเราเข้าไปในห้องสัมภาษณ์เราไม่สามารถพูดทุกอย่างได้อย่างไหลลื่น 100 เปอร์เซ็น เหมือนกับตอนซ้อมหรือตอนที่เขียนลงไปในกระดาษหรอก เพราะฉะนั้นการซ้อมจะช่วยลดความผิดพลาดในการพูดตะกุกตะกักและ การตอบได้อย่างไหลลื่นและครบถ้วนจะทำให้เราดูบุคลิกดีและมั่นใจ
ขั้นที่สาม ขายของ (สัมภาษณ์งาน)
- การแต่งตัว
การแต่งตัวให้สุภาพ เหมาะสมกับงานและสถานที่ก็ถือเป็น First Impression ที่ดีสำหรับการเจอกันครั้งแรก
- บุคลิก
อย่างน้อยๆ การมองหน้าคนสัมภาษณ์ พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ไม่ยุกยิก ก็ทำให้เราดูบุลิกดีขึ้นมาได้แล้ว
- การตอบคำถาม
สิ่งสำคัญคือ การตอบให้ตรงคำถาม! ก่อนจะตอบลองคิดให้ดีก่อนว่าเค้าถามอะไรและตอบให้ตรงประเด็น
- การถามคำถาม
ไม่ใช่แค่คนที่สัมภาษณ์เราจะถามคำถามได้อย่างเดียว เราก็สมารถถามกลับได้เหมือนกัน เพราะสิ่งนี้ก็จะเป็นตัวสะท้อนความชาญฉลาดและทัศนคติของเราได้เช่นกัน สิ่งที่คุณไม่ควรถามเช่น จะได้งานนี้มั้ย ไม่งั้นจะดูไม่มีกาละเทศะเพราะเค้าก็ต้องใช้เวลาไปพิจารณาคนอื่น หรือ โบนัสกี่เดือน ลาได้กี่วัน เพราะจะทำให้คุณดูแคร์แต่ผลประโยชน์ของตัวเอง จริงๆเรื่องผลประโยชน์สามารถถามได้เพื่อความชัดเจน แต่ไม่ควรเอามาเป็นเรื่องแรกที่คุณจะถาม
และสิ่งที่ควรถามกลับคือ ความคาดหวังที่บริษัทมีต่อตัวคุณ 2. ลักษณะงานที่คุณจะได้ทำ (ถ้าบริษัทยังไม่ได้บอก) 3. กฏระเบียบของบริษัท และผลประโยชน์ต่างๆ
ของแถม (เตรียมตัวทำงานเมื่อได้รับเข้าทำงาน)
ก่อนที่จะเริ่มงานควรที่จะเตรียมตัว มาศึกษาเกี่ยวกับบริษัทและงานที่จะทำ เพื่อที่คุณจะได้ดูเป็นเด็กจบใหม่ที่พร้อมใข้งาน!
ถ้าลองทำตามเทคนิคเหล่านี้ก็คงเพิ่มโอกาสให้คุณเป็นคนที่โดดเด่นและน่าสนใจมากขึ้นแน่นอน!
ความเห็น 12
Say YO!🎏🎃🧸
ได้ไม่ได้อยู่ที่จำนวนผู้สมัคร เขาสัมภาษเป็นพิธี
27 พ.ค. 2562 เวลา 06.49 น.
มงคล LMC.
เด็กควรรู้ไว้บางบริษัทเขาดูตั้งแต่การเขียนใบสมัครบางคนเวลากรอกใบสมัครตอนแรกก็บรรจงดีแต่พอกรอกได้สักพักก็เริ่มหวัดแล้วอย่างนี้เขาถือว่าความอดทนมีน้อยอารมย์ขึ้นๆลงๆเขาไม่ค่อยพอจารณาควรหวัดก็หวัดตั้งแต่ต้นบรรจงก็บรรจงทั้งหมดอีกอย่างเขียนตัวหนังสือแบบวัยรุ่นบางที่ไม่เอาเลยเพราะเขาทำงานแบบมืออาชีพไม่ใช่เล่นๆเหมือนลายมือของผู้สมัคร
ขอให้ผู้ที่จะสมัครงานใหม่โชคดีได้งานทำทุกคนครับ
26 พ.ค. 2562 เวลา 02.27 น.
สมัยใหม่แล้ว แต่ผู้สัมภาษณ์ยังสัมภาษณ์แบบเดิมโบราณอยู่ มีทัศนคติแบบเดิม
บริษัท ต้องเปิดทัศนคติใหม่ๆบ้าง ไม่ใข่ดูแต่เรซูเม่ ดูคนแต่ประสบการณ์
ถ้าผู้สัมภาษณ์ยังคิดอะไรไม่ออก ก็ลองหันมาดูตัวเองเวลาหางานยากแค่ไหน คำถามแบบไร้สาระก็ยังมี
ผู้สัมภาษณ์และผู้สมัคร เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา
ต้องเปิดใจและยอมรับการเปลั่ยนแปลง
ถ้าไม่เปิดโอกาสให้คนจบใหม่ได้งาน แล้วเค้าจะไปทำอะไร
ห้ามคิดเลยใข้เส้นสาย ใช้คนรู้จัก เอาเปรียบคนอื่น
25 พ.ค. 2562 เวลา 12.57 น.
เลือกงานให้เป็นก็พอแล้ว แต่มึงอย่าไปรับเหมาก่อสร้าง 24ชม.นะเว้ย 55555😋😋😋😋😋
22 พ.ค. 2562 เวลา 23.18 น.
ยังไงก็ขอให้ตรงกับสายอาชีพที่ได้เล่าเรียนมาก็พอ ส่วนประสบการณ์หน้าที่การงานก็จะสอนให้กับตัวเราให้เอง.
22 พ.ค. 2562 เวลา 22.30 น.
ดูทั้งหมด