โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ย้อนรอย L.A.Noire เกมสืบสวนย้อนยุคที่ล้ำด้วยเทคโนโลยี

GamingDose

เผยแพร่ 18 ก.ค. 2562 เวลา 04.36 น. • GamingDose - ข่าวเกม รีวิวเกม บทความเกมจากเกมเมอร์ตัวจริง

Rockstar Games ถือเป็นค่ายที่เหล่าเกมเมอร์ต่างมั่นใจทุกครั้งที่มีเกมออกมาใหม่ เพราะคุณภาพของเกมที่พวกเขาทำเอาไว้นั้นสูงลิ่วและทุ่มทุนไปในแต่ละเกมอย่างมหาศาล ถือเป็นค่ายที่ทุกคนพร้อมใจรอเกมออกแม้ว่าจะถูกเลื่อนหลายต่อหลายครั้งก็ตาม หรือต่อให้ไม่ได้สุดยอดขนาดนั้น มันก็ไม่ใช่เกมที่น่าเสียดายเงินเท่าใดนัก และหนึ่งในเกมที่ว่านั้นก็คือเกมสืบสวนน่าทึ่งอย่าง L.A. Noire นั่นเอง

สำหรับเหล่าเกมเมอร์ โดยปกติแล้วเราจะไม่ค่อยเห็นเกมที่เน้นไปในด้านการสืบสวนในสไตล์หนัง Hollywood กันเท่าใดนัก จะมีก็แต่เกมแบบ Point & Click ที่เน้นการเล่าเรื่องมากกว่า Gameplay กันเสียเยอะ ไม่ก็รูปแบบการสอบสวนนั้นจะไปแทรกอยู่ในเกมแนวสยองขวัญมากกว่า ซึ่งผู้เขียนเองก็เคยสงสัยว่า เราจะมีเกมที่เน้นการสืบสวนแบบเร้าใจ แต่มีการนำเสนอ Gameplay ที่เข้มข้นไปด้วยได้หรือไม่

ซึ่ง L.A. Noire ก็สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวนี้ได้เป็นอย่างดี

แถมยังเป็นผลงานพัฒนาร่วมกันระหว่างค่ายน้องใหม่ที่มีความตั้งใจอย่าง Team Bondi และ Rockstar Games อีกด้วย ทำให้เกมเมอร์ทั่วโลกต่างจับตาเกมนี้อย่างไม่วางตา

L.A.Noire เป็นเรื่องราวในช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งจบลงไป เราจะได้รับบทเป็น Cole Phelps อดีตทหารผ่านศึกในสงครามแปซิฟิก ที่กลับมายังเมืองลอสแองเจลิสและรับหน้าที่เป็นตำรวจในหน่วยลาดตระเวน หลังจากการไขคดีฆาตกรรมครั้งหนึ่งได้สำเร็จ ก็ได้รับการเลื่อนขั้นไปเป็นตำรวจในแผนกอื่น ๆ เช่นหน่วยสืบสวน คดีฆาตกรรม และอื่น ๆ อีกมากมาย และเข้าไปข้องเกี่ยวกับคดีใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล

ซึ่งเมื่อเรามาดูพลอตเรื่องของเกมเราจะเห็นได้ว่านี่เป็นเรื่องราวที่แทบไม่เคยมีใครทำมาก่อนในวงการวิดีโอเกม

จริงอยู่ที่ภาพยนตร์สไตล์สืบสวนสอบสวนแบบย้อนยุคนั้นจะมีให้เห็นกันเกลื่อน แต่ในวงการเกมเราแทบไม่เคยเห็นเกมที่มีธีมแบบนี้มาก่อน และหลังจากเปิดตัวไป ทาง Rockstar และ Team Bondi ก็นำเสนอเกมการเล่นในส่วนของการสืบสวนแบบจัดเต็มและน่าสนใจอย่างยิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครหลายคนจะเฝ้ารอเกมนี้ในช่วงนั้น

และที่สำคัญคือความทะเยอทะยานของทาง Team Bondi ผู้สร้างเกมเองที่ยอมทุ่มเงินในส่วนของการทำ Motion Capture และ Motion Scan ไปมากมายระดับหลายล้านเหรียญ เพื่อให้การแสดงสีหน้าและท่าทางต่าง ๆ ของตัวละครออกมาดูดีที่สุด และผลที่ได้ออกมานั้นน่าทึ่งจริง ๆ เหล่าตัวละครในเกมทั้งหมดมีท่าทางและการขยับของใบหน้าที่สมจริงแบบที่ไม่เคยมีเกมไหนเคยทำมาก่อน แม้ของเหล่านี้จะเป็นเหมือนเรื่องปกติไปแล้วในเกมยุคนี้ แต่สมัยปี 2011 นั้นถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากจริง ๆ

และแน่นอนว่าด้วยการที่ตัวเกมเป็นเกมแนวสอบสวน ทางผู้พัฒนาจึงใส่ใจในจุดนี้อย่างมาก

ผู้เล่นจะได้ออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ เก็บรวบรวมหลักฐาน และซักถามพยานหรือผู้ต้องหาในสไตล์ที่ดุเดือดอย่างมาก ด้วยใช้ตัวเลือกการถามตอบที่มีอยู่สี่แบบและใช้หลักฐานเพื่อมัดตัวคนร้ายซึ่งการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Motion Scan ที่ถ่ายเก็บรายละเอียดใบหน้าของนักแสดง ทำให้การแสดงอารมณ์นั้นเหมือนคนจริง ๆ ไม่ใช่หน้าตาแบบประดิษฐ์ที่เขียนด้วยมือแต่อย่างใด และการเลือกตัวเลือกในการพูดคุยสอบสวนนั้นก็ต้องพึ่งพาการสังเกตอาการของผู้ต้องหาให้ดีด้วย ซึ่งไม่เคยมีเกมไหนทำมาก่อน

และแน่นอนว่าเนื้อเรื่องของเกมเองก็เข้มข้นน่าติดตามไม่แพ้กัน ซึ่ง Phelps ตัวเอกของเราต้องมาเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ต้องหาที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวแล้ว ยังต้องมาปะทะคารมกับเหล่าคนรอบตัว และการมองหาเบาะแสที่นำพาไปสู่คดีใหญ่ได้อีก ซึ่งถือได้ว่าเป็นเกมแนวกึ่ง Open World ที่มีเนื้อเรื่องยอดเยี่ยมไม่แพ้เกมอื่น ๆ ของ Rockstar เลยทีเดียว

L.A. Noire ทำผลงานในด้านยอดขายและคะแนนวิจารณ์ไปได้ดีเยี่ยม ซึ่งยอดขายนับตั้งแต่วันที่วางจำหน่ายจนถึงปี 2012 นั้นทำไปได้สูงถึง 5 ล้านชุด และยังเป็นเกมขายดีติดอันดับของปี 2011  ซึ่งมาดีขนาดนี้ ทำให้หลายคนคาดเดาได้ว่าตัวเกมจะต้องมีภาคต่อหรือผลงานใหม่จากทา Team Bondi ออกมาอีกแน่นอน

แม้หนทางของเกมจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ทาง Team Bondi กลับมีกระแสเรื่องดราม่าที่เกิดขึ้นในบริษัทออกมาหลายอย่าง

เช่นการบังคับให้พนักงานทำงานอย่างหักโหมเกินกว่าวันละ 12 ชั่วโมง รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ที่ถูกแฉโดยอดีตพนักงานที่เอาอีเมล์ที่ส่งกันภายในมาเปิดเผยถึงเรื่องเน่าเหม็นต่าง ๆ ของบริษัท และยังมีปัญหาขัดแย้งกับทาง Rockstar Games ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายอีกด้วย จนทำให้ในตอนนี้ทางบริษัทต้องถูกปิดและขายกิจการให้กับบริษัทอื่นไปในที่สุด

ปัจจุบันนี้ L.A. Noire เพิ่งถูกนำมาขายใหม่บนระบบ PS4, Xbox One และ Nintendo Switch ในปี 2017 และยังมีเวอร์ชั่น VR ที่โดนแฟนเกมด่ายับเพราะแทบไม่ได้เพิ่มอะไรใหม่แถมยังควบคุมยากอีกต่างหาก ส่วนภาคต่อของเกมนั้นทาง Take Two ก็เคยเปรยถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้อยู่ แต่ก็น่าจะยากเสียหน่อย เพราะที่เราทราบกันดีว่าตอนนี้ Rockstar มีโปรเจคการพัฒนาเกมจนล้นมืออยู่แล้วในตอนนี้ แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นภาคต่อของเกมนี้ออกมาให้เราได้เล่นกันอีกในอนาคตก็เป็นได้ครับ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...