โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

กินมะละกอทุกวัน ร่างกายจะเป็นอย่างไร

LINE TODAY

เผยแพร่ 30 ก.ค. 2562 เวลา 10.28 น.

มะละกอ เป็นผลไม้ใกล้ตัวที่มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะกินสุกหรือดิบ มะละกอล้วนมีสารอาหารและวิตามินอัดแน่นด้วยกันทั้งนั้น

อย่างที่เรารู้กันว่ามะละกอเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำ ไม่มีไขมันหรือคอเลสเตอรอล จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้มะละกอสุกยังถูกจัดเป็น 1 ใน 9 สุดยอดผลไม้ที่มีกากใยสูง มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยทำให้ขับถ่ายเป็นปกติ และยังเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของวิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม โฟเลต และเส้นใยอาหารด้วย

ที่สำคัญ มะละกอมีสารพาเพน (Papain) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันได้เป็นอย่างดี เป็นผลดีต่อกระบวนการย่อยสลายอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ที่ถูกรับประทานเข้าไป และยังมีสารคาร์เพน (Carpain) ที่คาดว่าอาจมีฤทธิ์ในการฆ่าทำลายปรสิต และส่งผลดีต่อระบบประสาทได้อีกด้วย

กินได้กินดี แต่ต้องกินให้ปลอดภัย

แม้มะละกอจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย แต่ถ้ามะละกอมาพร้อมกับสารเคมี ต่อให้มีประโยชน์มากแค่ไหนก็หายไปสิ้น ดังนั้นควรเลือกมะละกอสดปราศจากสารเคมี วิธีสังเกตก็คือ ควรสุกพอดี มีผิวสีเหลืองบางส่วน หรือทั้งผล และไม่นิ่มเหลวตรงบริเวณขั้วที่ติดกับลำต้น ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการกินมะละกอบริเวณที่มีเนื้อนุ่มเหลวเละ

ตามหลักแล้ว สามารถเก็บรักษามะละกอสดไว้ได้ประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อบริโภคในภายหลัง แต่ในความเป็นจริงควรกินมะละกอภายใน 1-2 วันหลังเก็บจากต้น เพื่อให้ได้สารอาหารที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย

นอกจากนี้ ควรเลือกรับประทานมะละกอที่มีคุณภาพ ถูกสุขอนามัย ในปริมาณที่พอดี เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงการเกิดผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

กินทุกวัน ร่างกายจะเป็นอย่างไร

ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลทางโภชนาการถึงปริมาณที่เหมาะสมชัดเจนในการรับประทานมะละกอ ดังนั้นจึงต้องระวังการบริโภคให้อยู่ในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป และไม่ควรกินทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะแม้จะมีประโยชน์มาก แต่ถ้ากินทุกวันติดต่อกันก็มีโทษไม่น้อยเช่นกัน

สำหรับคนปกติ ร่างกายแข็งแรง แม้มะละกอจะมีประโยชน์มาก แต่การกินมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ เพราะมะละกอจะมีวิตามินเอสูง ถ้ากินมากไป มีความเสี่ยงต่อกระดูกและข้อต่อ อาจมีอาการเบื่ออาหาร เซื่องซึม นอนไม่หลับ กระวนกระวาย ผมร่วง ปวดศีรษะ ท้องผูกด้วยก็ได้

นอกจากนี้ ผู้ที่รับประทานมะละกอสุกติดต่อกันเป็นจำนวนมากเป็นเวลานาน อาจทำให้สารมีสีพวกแคโรทีนอยด์ไปสะสมในร่างกายมากเกินไป ทำให้ผิวมีสีเหลือง ฝ่ามือเหลืองได้ แต่เมื่อหยุดกินก็จะกลับมาเป็นปกติ

สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แม้ผัก ผลไม้จะมีประโยชน์ แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องปริมาณความหวานในผลไม้ด้วยเหมือนกัน ซึ่ง มะละกออาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ไขมันต่ำ สามารถบริโภคได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ระบุว่าสารที่อยู่ในมะละกอหมักอาจมีประสิทธิผลทางการรักษาที่สำคัญ เช่น อาจลดและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาจช่วยลดกระบวนการอักเสบ ลดระดับไขมันในเลือด รวมถึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจได้ด้วย

ดังนั้น ไม่ว่าจะยังไง น้ำตาลในผลไม้หรือความหวานจากธรรมชาติเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถกินได้ เพียงแต่ต้องระวังเรื่องปริมาณให้เหมาะสม

ที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็คือผู้ที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากงานวิจัยบางชิ้นระบุว่า สารเคมีพาเพนในมะละกออาจเป็นพิษต่อทารกในครรภ์หรือทำให้เกิดภาวะพิการแต่กำเนิดได้ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงมะละกอเปลี่ยนเป็นกินผลไม้อื่นแทน

ดังนั้น แม้มะละกอจะมีประโยชน์มาก แต่การกินมะละกอทุกวันกลับไม่ได้มีผลดีต่อร่างกายอย่างที่คิด อย่าลืมว่าอะไรที่มากหรือน้อยเกินไป ล้วนไม่ดีทั้งนั้น เดินสายกลาง กินแต่พอดี..คือคำตอบที่ดีที่สุด

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 24

  • กะเพา
    กินมากขี้แตก ครับ ลองมาแล้ว
    30 ก.ค. 2562 เวลา 13.08 น.
  • อธิคม ส.
    ง่ายๆนะ เอาแบบบ้านๆ นะ 1. ยาระบาย 2. วิตามินซีสูง ซึ่งวิตามินซีเนี่ย เขาว่ากันว่ามันช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เป็นมะเร็ง และวิตามินซี มันก็ช่วยเรื่องผิวพรรณด้วย แต่ผมไม่แน่ใจว่ามะละกอสุก มันเป็นสีไม่ละลายน้ำมั้ย ถ้าใช่ก็ตัวส้มกันล่ะ ถ้ากินทุกวันต่อกันเป็นเดือน แบบฟักทองตัวเหลือง มะเขือเทศตัวแดง
    30 ก.ค. 2562 เวลา 14.45 น.
  • กินแล้วเพลินแป๊บเดียวหมดลูกละ
    30 ก.ค. 2562 เวลา 16.30 น.
  • ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ร่างกายคนเราเมือกินเข้าไปแล้วจะไม่มีโทษถ้าเกินความพอดีมัชฌิมาปฎิปฎา..ทางสายกลางดีที่สุดครับ.ใช้ชีวิตให้เป็นอยู่ให้เป็นไปมาให้เป็นที่แน่ๆชีวิตมนุษย์.ถ้าขาดธรรม.ศีล.สมาฐิ.จะอยู่ลำบากครับ.
    31 ก.ค. 2562 เวลา 00.10 น.
  • Mongkol
    ดีๆๆๆๆ
    30 ก.ค. 2562 เวลา 15.27 น.
ดูทั้งหมด