"เวลาแค่ 3 วินาที มันเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปหมดเลย มันทำให้ชีวิตเราพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา จนเราไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากแค่ประคองให้อยู่รอดไปเท่านั้น"
คำพูดของ ‘ศรัญญา ชำนิ’ หรือแม่ของน้องการ์ตูน เหยื่อกระบะแต่งซิ่งเสียหลักพุ่งเข้าชนร้านสเต็ก เป็นเหตุให้สามี ซึ่งก็คือคุณพ่อของน้องการ์ตูนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนน้องการ์ตูนได้รับบาดเจ็บสาหัส เวลาแค่ 3 วินาทีนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้หญิงสองคนไปอย่างสิ้นเชิง
7 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2557) มีข่าวใหญ่ที่ทำให้ทุกคนที่รู้ข่าวนี้อดสงสารไม่ได้ กับอุบัติเหตุครั้งใหญ่ของครอบครัวคุณแม่น้องการ์ตูน ที่เกิดขึ้นจากรถกระบะแต่งซิ่งขับมาด้วยความเร็วเสียหลักพุ่งเข้าชนร้านสเต็ก ซึ่งมีคุณพ่อและน้องการ์ตูนยืนอยู่ โดยคุณพ่อได้ยินเสียงรถจึงโผเอาตัวเข้าบังน้องการ์ตูนและกอดลูกไว้ ทำให้คุณพ่อเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนน้องการ์ตูนบาดเจ็บสาหัส สมองเปิด ภายหลังพบว่าสมองถูกทำลาย 25% มีโอกาสพิการตลอดชีวิต
ก่อนหน้าเหตุการณ์นี้ ครอบครัวของคุณแม่น้องการ์ตูนแทบไม่ต่างจากครอบครัวอื่น คุณแม่น้องการ์ตูนเล่าว่าชีวิตของครอบครัวเธอเรียบง่าย ปกติสุขเสียจนไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
“ก่อนหน้าที่จะเปิดร้านสเต็ก แม่เป็นแม่บ้าน คุณพ่อน้องการ์ตูนก็เลยไปซื้อแฟรนไชส์ร้านสเต็กมาเปิดให้แม่เป็นคนดูแล ตอนนั้นคุณพ่อเค้าทำธุรกิจส่วนตัวอยู่อีกที่หนึ่ง เสร็จจากงานช่วงเย็น ๆ ก็จะมาช่วยงานที่ร้านสเต็ก เป็นแบบนี้ทุกวัน ซึ่งแม่จะเป็นหลักอยู่ที่ร้าน เตรียมของ เปิดร้าน รับลูกค้า แล้วคุณพ่อก็มาช่วยช่วงเย็น
“ตอนนั้นชีวิตก็เรียบง่าย ขายของ ทำงาน อยู่กันเป็นครอบครัวปกติ ไม่ได้ปัญหาเรื่องเงินหรืออะไร เรียกว่าความเป็นอยู่ค่อนข้างโอเค มีความสุขดี พ่อกับแม่ทำงาน ส่วนน้องการ์ตูนก็ร่าเริง วิ่งเล่นอยู่ที่ร้านแทบทุกวัน แต่พริบตาเดียวที่เกิดอุบัติเหตุก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกเลย”
หลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งคดีความ ขึ้นศาล การรักษาพยาบาล และต้องเป็นหนี้ค่ารักษาพยาบาลก้อนโต ซึ่งคู่กรณีต้องรับผิดชอบ แต่กลายเป็นว่าคุณแม่ต้องรับผิดชอบเสียเอง เป็นหนี้จนถูกฟ้อง แต่ผู้ใจบุญจากทั่วประเทศบริจาคเงินเพื่อใช้หนี้ ทำให้คุณแม่ไม่ต้องโดนยึดบ้าน ขณะที่คู่กรณีติดต่อไม่ได้ และไม่เคยมาเยี่ยม ทุกวันนี้เรื่องเหล่านี้ยังคงอยู่ในชั้นศาล คุณแม่ต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้คุณแม่ต้องยิ่งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
“ถึงจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เรื่องเดิม ๆ มันวนเวียนอยู่ในหัวแม่ตลอดเวลา แต่แม่ไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ทุกวันนี้คิดอย่างเดียวว่าจะอยู่กับน้องยังไงให้มีความสุข จะทำยังไงให้มีเงินมารักษาน้องไปเรื่อย ๆ
“ก่อนหน้านี้แม่เปิดร้านสเต็ก และร้านขายกะเพรา แต่ตอนนี้ปิดร้านกะเพราะไปเนื่องจากสถานการณ์โควิด แล้วก็ขายน้ำพริกออนไลน์ในเพจร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน Mother's Grill Steak House "ย่างด้วยรัก หมักด้วยใจ"
“ช่วงโควิดแบบนี้คนที่ติดตามเพจก็จะสั่งน้ำพริกออนไลน์ สั่งข้าวให้แม่เอาไปแจก ไปตามโรงพยาบาลบ้าง หรือเอาไปให้บุคลากรทางการแพทย์ตามสถานที่ต่าง ๆ บ้าง ซึ่งก็เป็นรายได้หลักของครอบครัวแม่ ที่ต้องนำมาใช้รักษาน้องการ์ตูน
“มีสถานการณ์โควิดแบบนี้ แม่รู้ว่าทุกคนได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด แม่เองก็ได้รับผลกระทบ ตอนนี้เรียกว่าขายหน้าร้านแทบไม่ได้เลย ยิ่งไม่ให้นั่งกินที่ร้าน ก็ยิ่งไม่มีคนเลย แต่ก็ยังต้องเปิดขาย เพื่อให้มีเงินหมุนเข้ามาใช้จ่ายในครอบครัว
“ล่าสุดร้านสเต็กคุณแม่น้องการ์ตูน เพิ่งจะมีบริการเดลิเวอรี่ ทั้งจากแอปฯ เดลิเวอรี่ต่าง ๆ และบริการส่งของที่ร้านเอง ให้เด็กที่ร้านขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่ง เพิ่งจะเริ่มทำได้ไม่นาน ระยะทางจากร้านไม่เกิน 15 กิโลเมตร คิดค่ารถ 10-30 บาท อย่างน้อยก็ยังได้กำไรมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ขายได้ 700-1,000 บาท พอมีบริการส่งก็ขายดีขึ้นเป็น 4-5 พันบาทก็ถือว่าดีขึ้นมาก ช่วยให้เรามีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว”
คุณแม่น้องการ์ตูนทำงานหนัก เปิดร้านอาหาร 2 ร้าน ทำน้ำพริกขายอีก แล้วใครดูแลน้องการ์ตูน คุณแม่เล่าว่าโชคดีที่มีคุณตา คุณยายของน้องการ์ตูนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้แม่สามารถทำงานหนักได้เต็มที่เพื่อค่ารักษาของน้อง
“คุณตา คุณยายเป็นคนดูแลน้องที่บ้านให้ เพื่อให้แม่ได้ออกมาทำงานอย่างเต็มที่ ปกติแล้วแม่จะเข้าไปหาน้องทุกวัน วันธรรมดาไปตอนบ่ายสองถึงสี่โมงเย็น แล้วก็จะกลับมาขายของที่ร้านต่อจนดึก แล้วก็นอนที่ร้านเลย จะกลับไปนอนบ้านกับน้อง กับตายาย ช่วงวันศุกร์ เสาร์ ที่เป็นวันหยุดของร้าน ก็อยู่ด้วยกัน ขลุกอยู่ด้วยกันทั้งวันแบบเต็มที่
“ตั้งแต่โควิดระบาดรอบนี้ ทำให้ไม่กล้าเข้าบ้านเลย เพราะแม่ต้องทำกับข้าวไปส่งตามโรงพยาบาล ไปส่งตามที่ต่าง ๆ หลายที่ เราก็ป้องกันตัวเองอย่างดี แต่ไม่อยากเสี่ยงที่จะกลับบ้าน กลัวว่าจะเอาเชื้อเข้าบ้าน ก็เลยต้องย้ายมานอนที่ร้านทุกวัน เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของน้องกับตายาย เพราะตายายก็ไม่ได้ออกไปไหน อยู่กันแต่ในบ้าน แต่แม่ต้องไปโน่น มานี่ ก็กลัวว่าถ้าไปอยู่ด้วยช่วงนี้จะมีความเสี่ยง แม่เลยต้องที่จะนอนที่ร้านแทน
“ช่วงนี้แม่จะแค่ดูแลเรื่องของใช้ ของกินในบ้าน ซื้อกับข้าว ซื้อของใช้ของน้อง แล้วเอาไปแขวนไว้หน้าบ้าน เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เวลาคิดถึงน้องก็อาศัยดูจากกล้อง หรือคุยกับตายาย”
จากอุบัติเหตุในครั้งนั้นที่ทำให้น้องการ์ตูนบาดเจ็บสาหัส จนถึงวันนี้แม้จะผ่านมาแล้ว 7 ปี แต่น้องการ์ตูนก็ยังคงรักษาตัวอยู่ ยังต้องหาหมอเป็นประจำ ยังต้องผ่าตัด ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนั้นไม่ได้ทำให้น้องการ์ตูนเจ็บเพียงคนเดียว แต่ยังทำให้จิตใจของคนทั้งบ้านแตกสลายไปด้วย
“หลังจากเกิดอุบัติเหตุ น้องการ์ตูนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตาบอดทั้งสองข้าง ผลพวงจากรถชน น้องรับรู้ได้บางครั้งบางคราว จากการที่แม่เข้าไปสัมผัส โดยที่เขาบอกอะไรเราไม่ได้เลย
“น้องก็มียิ้มบ้าง มีร้องไห้บ้าง แต่น้องก็บอกอะไรไม่ได้ ตัวโตขึ้น แม่คิดว่าน้องน่าจะได้ยินในสิ่งที่เราพูด คิดว่าน้องจำเสียงแม่ได้ จำเสียงตายายได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก
“ตอนที่น้องโดนรถชนใหม่ ๆ เค้าบาดเจ็บสาหัสมากจนแทบจะไม่รอดอยู่แล้ว ตอนนั้นแม่พูดกับเค้าตลอดว่าน้องไหวไหม สู้ไหม เค้าบาดเจ็บขนาดนั้น เค้าบอกอะไรไม่ได้เลย เค้าต้องทุกข์ทรมานกว่าร่างกายจะฟื้นตัวมาได้ขนาดนี้ แต่เค้าก็ยังสู้มาจนถึงทุกวันนี้
“ในขณะที่แม่มีสติ มีครบ 32 สามารถทำอะไรได้อีกตั้งหลายอย่าง แม่ก็ต้องสู้เพื่อน้อง เค้าคือแรงบันดาลใจ เค้าคือทุกอย่าง แม่ทำได้ทุกอย่างเพื่อเค้า”
ถึงแม้คนเป็นแม่จะอยากทำทุกอย่างเพื่อลูก แต่อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่มีใครกำหนดได้ ถ้าเลือกได้ แม่จะให้น้องไปก่อน เพื่อไม่ให้เป็นภาระของคนอื่น
“อุบัติเหตุครั้งนั้นมันบอกแม่ชัดเจนเลยว่าตอนที่เรามีความสุข ตอนที่น้องยังไม่โดนรถ ตอนที่คุณพ่อน้องยังอยู่ มันเป็นเวลาที่สั้นมาก ถ้าตอนนั้นรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ก็คงทำอะไรให้ดีกว่านี้ ให้มากขึ้นกว่านี้ แต่พอมันเกิดขึ้นมาแล้ว มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เราก็ต้องอยู่กับความเป็นจริง ใช้ความเป็นจริงให้มีความสุขในทุกวัน
“สิ่งที่มันเกิดขึ้น จะอะไรก็แล้วแต่ มันทำให้รู้เลยว่าชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ อย่างครอบครัวแม่ เวลาแค่ 3 วินาที มันเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง มันสามารถทำให้ชีวิตเราพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา โดยที่เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากแค่ประคองให้อยู่รอดไปได้ ณ ขณะนั้น
“อย่างตอนที่พ่อของน้องโดนรถชน ตอนนั้นแม่เห็นกับตา แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย น้องการ์ตูนเอง แม่ก็ช่วยไม่ได้ แม่ทำอะไรไม่ได้เลย ตอนนั้นน้องการ์ตูนต้องรีบไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ส่วนแม่ก็ยืนกับอยู่กับศพคุณพ่อ ทำอะไรไม่ถูก ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าลูกตัวเองที่ไปโรงพยาบาล อาการเป็นยังไงบ้าง จนตีสี่ของอีกวัน ถึงเพิ่งจะรู้ว่าน้องเป็นยังไง อาการสาหัสแค่ไหน
“ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นแม่คิดว่าแม่ต้องดูแลตัวเองให้แข็งแรงเพื่อจะได้อยู่กับน้องได้นาน ๆ ตอนนี้ตายายอายุ 70 กว่าแล้ว ถ้าตายายไม่อยู่ แม่ดูแลน้องได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดแม่ไม่อยู่ ใครจะดูแลน้อง แม่เองก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนที่จะมาดูแลน้องการ์ตูนได้ ที่สำคัญมันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะต้องมาดูแลลูกเรา หรือเอาลูกเราไปเป็นภาระของใคร ถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมา
“ถ้าเป็นไปได้ ถ้าแม่รู้ว่าแม่จะต้องตาย แม่ยอมที่จะให้น้องกินยาแล้วไปก่อน แล้วแม่จะตามไป แม่ไม่อยากให้น้องทรมาน หรือให้น้องไปเป็นภาระของคนอื่น”
แต่ในเรื่องร้าย ๆ ก็ยังมีเรื่องดี ๆ ท่ามกลางปัญหาก็มีแสงสว่างจากคนไทยด้วยกันที่ให้ความช่วยเหลือจนครอบครัวของแม่ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนั้นมาได้
“ครอบครัวของแม่ต้องกราบขอบคุณคนไทยทั่วประเทศที่ส่งกำลังใจมาให้เยอะมาก ทั้งโทรมาหา ทั้งส่งของใช้จำเป็นของน้องมาให้เป็นจำนวนมาก ซึ่งบรรเทาค่าใช้จ่ายของเราไปได้มาก ทั้งก่อนหน้านี้ที่ช่วยกันบริจาค ตอนที่เราเป็นหนี้โรงพยาบาล ที่เราโดนฟ้อง โดนยึดบ้าน ต้องขอบคุณมากจริง ๆ ทุกคนมีน้ำใจมาก
“แต่ทั้งหมดทั้งมวลเลย มันไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนต้องมารับผิดชอบต่อการกระทำของคน ๆ หนึ่งที่ทำกับเรา คนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ คือคนที่ทำเรา แต่กลับกลายเป็นว่าทุกคนต้องเข้ามาช่วยครอบครัวเราเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ทั้ง ๆ ที่เค้าไม่ได้ก่อเรื่องอะไรเลย แต่เค้ามีจิตเมตตาที่จะช่วยเหลือเราตรงนี้ ต้องขอบคุณมากจริง ๆ ทั้งคนที่ช่วยบริจาค และคนที่มาอุดหนุนที่ร้าน
“ใจจริงแม่ขายของก็อยากให้ทุกคนได้กินของอร่อย ตอนแรกทุกคนอาจจะอยากช่วยครอบครัวแม่ แม่เข้าใจ แต่แม่ก็อยากจะตอบแทนด้วยการทำของให้ดี ให้อร่อยได้กินกัน ซึ่งถ้าอร่อยแล้วติดใจ ก็จะได้ซื้อไปกินอีก กลับมาเป็นลูกค้าประจำกันอีก อย่างน้อยก็เป็นการให้แม่ได้ค้าขายต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่การจะขอรับบริจาค หรือขอให้เค้าเอาเงินมาช่วยเราอย่างเดียว
“แม่ก็เลยอยากชวนมาอุดหนุนน้ำพริก อุดหนุนสเต็ก ลูกค้าก็ได้ของกลับไปทาน แม่เองก็จะได้มีรายได้มาใช้จ่ายในครอบครัว และดูแลน้องไปเรื่อย ๆ”
สำหรับใครที่อยากอุดหนุนร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน Mother's Grill Steak House "ย่างด้วยรัก หมักด้วยใจ" (คลิก) ร้านเปิดขายทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-22.00 น. (พัก 14.00-16.00 น.) เสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-22.00 น. (ไม่มีหยุดพัก) โทร. 088-081-5575, 0-2871-4784 หรืออยากร่วมบริจาคสิ่งของก็สามารถส่งไปที่ร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน ที่อยู่ 164 ถนนราษฎร์บูรณะ แขวง/เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ 10140 ได้เหมือนกัน มาร่วมเป็นกำลังใจให้คุณแม่และน้องการ์ตูนกันอีกครั้ง~