ปัจจุบันในโลกโซเชียลมีเหล่าบล็อกเกอร์หน้าใหม่เกิดขึ้นรายวัน แถมมาพร้อมกับคอนเทนต์ที่น่าสนใจและมีความแตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่แต่ความถนัดของแต่ละบุคคล แต่เชื่อเลยว่าคอนเทนต์ที่ฆ่าไม่ตายและทำสาวน้อย สาวใหญ่ทรัพย์จางกันไปตาม ๆ นั้นคือ ‘สายบิวตี้’
เมื่อพูดถึงบล็อกเกอร์สายบิวตี้ หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักผู้สร้างตำนานการแต่งหน้า‘ไฮไลท์หน้าเงาหนังปลาทู’ หรือสถาปนาเพจตัวเองให้ยืนหนึ่งด้วยประโยคเด็ดที่ว่า “เพจความงามบันเทิงอันดับ 1 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นั่นก็คือ‘เอแคลร์’ เจ้าของเพจจือปากและยูทูบชาแนล Juepak ที่เบื้องหน้าสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มผ่านการแต่งหน้า ครั้งนี้ INTERVIEW TODAY จะพาไปทำความรู้จัก ‘เอแคลร์ จือปาก’ จากเด็กสลัมสู่ความสำเร็จบนเส้นทาง “บิวตี้บล็อกเกอร์”
เติบโตจากสลัมและความยากจน
ชีวิตวัยเด็กของเอแคลร์ ก็เป็นเด็กธรรดาทั่วไป ที่ไม่ได้มีสีสันอะไรแปลกใหม่ เติบโตในสลัมคลองเตย ด้วยสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ก็เป็นอย่างที่ทราบกันดีว่าบางจุดในชุมนุมยังถือเป็นแหล่งมั่วสุม ซึ่งตั้งแต่เด็ก ๆ ครอบครัวมักจะปลูกฝังให้ทำงานเกี่ยวกับราชการ ‘ไม่เป็นทหาร ก็เป็นหมอ’ เพื่อความมั่นคงในอนาคตและหวังที่จะให้ครอบครัวมีสถานภาพทางการเงินที่ดีขึ้น ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เรามีแรงผลักดันมุ่งมั่นในการเรียนเพื่อให้ได้คะแนนตามที่หวังในทุก ๆ เทอม เพื่อเป็นใบเบิกทางสู่สายงานราชการดั่งครอบครัวหวัง
ความฝันวัยเด็กที่อยากเป็น ‘หมอ’
อย่างที่เผยไปข้างต้นว่าครอบครัวเอแคลร์อยากให้ก้าวเข้าสู่สายงานราชการ ส่วนตัวแท้จริงก็อยากเป็น ‘หมอ’ นับเป็นอีกมุมที่หลายคนอาจจะไม่รู้มาก่อน แต่ความฝันก็ต้องดับลง เนื่องด้วยอาชีพดังกล่าวมีการสอบหลายด่านกว่าจะสมหวัง ซึ่งฐานะทางบ้านก็ไม่ดี และการสอบแต่ละครั้งต้องหาเงินมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองบ้าง ยืมญาติบ้าง ต้องยอมรับตรง ๆ ว่าช่วงนั้นเหนื่อยและท้อใจสุด ๆ บวกกับแอดมิชชั่นคณะที่หวังไว้ไม่ติด จึงตัดสินใจเข้า ม.เอกชน กับคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ เพื่อแลกกับสังคมและอนาคตที่ดีขึ้น รวมถึงรู้จักตัวเองดีว่าเป็นคนชอบพูดชอบคุยสามารถตอบโจทย์ที่สุด ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยนับว่าเป็นสาเหตุหลักคือสามารถกู้เรียนเพราะจะได้แบ่งเบาภาระที่บ้าน
จุดเริ่มต้นเพจจือปาก
ก่อนอื่นต้องเท้าความว่าก่อนที่จะเป็น‘เพจจือปาก’ ในทุกวันนี้ เอแคลร์เคยทำงานเบื้องหลังให้กับเน็ตไอดอลหลาย ๆ คน จนถึงจุดหนึ่งมีคนเห็นแววว่าตัวเราสามารถผลักดันตัวเองให้มาอยู่เบื้องหน้า ประกอบกับเป็นคนที่คุยสนุก จึงตัดสินใจยกหูโทรศัพท์หาแม่ที่กำลังทำงานอยู่ในโรงงานปลาหมึกโดยด่วน เพื่อที่จะขอซื้อกล้อง 1 ตัว แต่ด้วยฐานะที่บ้านยากจนไม่มีเงิน จึงมีวิธีเดียวเพื่อที่จะได้มาคือการทำเรื่องผ่อนจากบัตรอิออน ซึ่งเรื่องราวในวันนั้นเป็นอะไรที่ฝังใจเราสุด ๆ เพราะเมื่อแม่มาถึงระบบของเครื่องไม่สามารถทำรายการได้ จึงต้องใช้วิธีเขียนเอกสารด้วยตัวเองโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง สำหรับการเริ่มต้นทำเพจ ถึงแม้จะเป็นหนี้ แต่ก็พึงนึกเสมอว่ากล้องตัวนี้จะต้องหาเงินมาให้เราได้ จนเกิดเป็น “เพจความงามบันเทิงอันดับ 1 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ถึงทุกวันนี้
ดึงความชอบมาเป็นคอนเทนต์และหาจุดเด่นที่ต่างจากคนอื่น
ส่วนตัวเอแคลร์แล้ว เป็นคนที่ชื่นชอบในการแต่งหน้าตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย ชอบดูคลิปการแต่งหน้าของบล็อกเกอร์ทั้งไทยและต่างชาติ แล้วรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นการเปิดโลกใหม่ แต่ถ้าเราจะมาทำคลิปแล้วมานั่งบรรยายเหมือน ๆ คนอื่น ก็จะไม่มีจุดขาย เราจึงหยิบคาแรคเตอร์ดีเจรถบั๊มพ์ที่มักจะแซวคนบ่อย ๆ จึงดึงเสียงนี้ละที่จะทำให้เราเป็นที่รู้จักในโลกโซเซียลและตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ ‘ คือเน้นความบันเทิงและสนุกสนานเป็นหลัก’
ซึ่งคลิปที่ทำให้คนรู้จักเอแคลร์ และเป็นที่พูดถึงจนทุกวันนี้คือคลิป แต่งหน้ารับสงกรานต์ เมื่อปี 2560 พร้อมชื่อคลิปที่แซ่บอย่าง ‘สงกรานต์นี้ แต่งหน้ายังไง? ให้ผัวปล่อยน้ำใส่หน้า’ ซึ่งคลิปนี้เองที่เปรียบเสมือนตัดสายสะดือเข้าสู่วงการ ‘สายบิวตี้’ อย่างเต็มตัว ถึงแม้คลิปจะปล่อยมานานนับปีแล้ว แต่ยอดวิวก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
แต่เอาเข้าจริงวันที่ปล่อยคลิปก็ตรงกับวันสงกรานต์พอดิบพอดี ขณะนั้นเราก็กำลังสาดน้ำเล่นอยู่ ซึ่งไม่รู้หรอกว่าจะมีคนดูหรือติดตามเราเยอะขนาดนี้ จนกระทั่งมีคนเริ่มเดินเข้ามาทักทายว่าติดตามผลงานอยู่ ถือเป็นความสำเร็จแรกและจุดเริ่มต้นของเพจจือปาก หลังจากนั้นก็รังสรรค์การแต่งหน้าที่หลากหลายมากขึ้น ถือเป็นการพัฒนาฝีมือของเราไม่ให้หยุดอยู่กับที่
ชอบขนาดไหนก็ยอมเปลี่ยนเพื่อคนติดตาม
ถ้าพูดถึง ‘เพจจือปาก’ เอแคลร์เชื่อเลยว่าหลายคนจะนึกถึงแต่คลิปแต่งหน้า ซึ่งส่วนตัวก็ยอมรับตรง ๆ ว่าการทำคลิปแต่งหน้าเป็นอะไรที่แฮปปี้สุด ๆ เพราะมันเกิดจากความชอบและเราสนใจมาตั้งแต่แรก ถือเป็นการให้ความรู้กับผู้ติดตาม แต่อย่างว่าปัจจุบันมีเหล่ายูทูบเกิดขึ้นมากมายแถมมากับคอนเทนต์ที่หลากหลาย เราจึงเลือกที่จะทำคอนเทนต์อื่น ๆ ขึ้นมาเสริมทัพเพื่อให้เห็นถึงความสามารถและไลฟ์สไตล์ ผ่านการถ่าย vlog ท่องเที่ยว รวมถึงรีวิวอาหาร เพื่อให้ชาวโลกออนไลน์ได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ของเพจ ถึงต่อจะให้รักการแต่งหน้าขนาดไหน เราก็ต้องพลันเปลี่ยนตามกระแสโลกออนไลน์ เพื่อเราจะได้ใกล้ชิดกับผู้ติดตามมากขึ้น
โลกโซเซียล = สปอตไลท์ที่สอดส่อง
เอแคลร์ยอมรับเลยว่าการวางตัวในโลกออนไลน์ถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ต้องปรับอะไรมาก แค่เป็นตัวของตัวเอง แต่ด้วยความที่ผ่านช่วงต่าง ๆ มาเยอะ ได้เจอผู้คนมากมาย มันเลยทำให้เรารู้ว่าควรที่จะพูดในสิ่งไหนหรือแสดงออกในสิ่งไหน และกาลเทศะถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าเราจะโพสต์ข้อความบนโลกออนไลน์ ก็ควรคิดวิเคราะห์ว่าหนึ่งโพสต์จะกล่าวถึงคนกลุ่มไหนเพื่อที่จะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว ดังนั้นถ้าเราประพฤติตัวดี คอมเมนต์ในแง่ลบก็คงจะไม่เกิดขึ้น
แต่ทว่าช่วงหนึ่งเอแคลร์เองก็เคยหายไป 1 ปี เต็ม ๆ ที่ไม่ทำคลิปในช่องของตัว แต่อาจจะมีไปรวมงานกับบล็อกเกอร์ช่องอื่น ๆ จนหลายคนตั้งคำถามว่าหายไปไหน ซึ่งส่วนตัวเลือกที่จะให้คำตอบที่ว่าหายไปทำวิทยานิพนธ์ แต่แท้จริงแล้วเรารับไม่ได้กับคอมเมนต์ในแง่ลบ ซึ่งปัจจุบันเราเลือกที่จะปรับตัวเองให้ดีขึ้น คอมเมนต์แง่ลบจะได้ไม่มาทำร้ายจิตใจของเรา
แรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่
บอกเลยว่าในชั่วชีวิตที่ผ่านมาของเอแคลร์ ก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านที่ทำให้ จือปากมีทุกวันนี้ แต่แรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่และคำนึงถึงตลอดเวลาคือ‘แม่และยาย’ ซึ่งมีหนึ่งคำสอนที่แม่มักจะค่อยบอกเสมอว่า "เราไม่ได้จน เราแค่ไม่มีเงิน ถ้าวันนึงเรามีเงิน ขีวีตเราก็จะได้กิน ได้ใช้แบบปกติเหมือนคนอื่น"
ถึงแม้จะสอนให้ประหยัดมาก ๆ แต่ทุกครั้งที่ตนอยากทำอะไร อยากเรียนอะไร ผู้เป็นแม่ก็พร้อมที่จะสนับสนุนและส่งเสริมตนอย่างเต็มที่ถึง ถ้าไม่มีเงินก็กู้เขาโดยไม่สนดอกเบี้ย ซึ่งขณะนี้เอแคลร์ก็ได้ใช้หนี้ต่าง ๆ หมดเป็นที่เรียบร้อย และซื้อบ้านหลังใหญ่ เพื่อพาตัวเองและครอบครัวไปอยู่ในสังคมใหม่ ๆ โดยใช้ความรู้ ความสามารถเป็นตัวขับเคลื่อน แต่ก็ไม่เคยที่จะลืมว่าจุดเริ่มต้นของตัวเรามาจากจุดใด
พลังวิเศษที่ไม่ขอหยิบใช้
สมมติว่าถ้าเกิดเอแคลร์มีพลังวิเศษสามารถย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตได้จริง ๆ เราขอสละสิทธิ์ที่จะไม่ใช้มัน เพราะส่วนตัวไม่มีเรื่องราวอะไรที่จะต้องกลับไปแก้ไข เพราะเรามั่นใจว่าทุกย่างก้าวที่เราเหยียบย่ำมา เราคิดวิเคราะห์มาอย่างดีและคิดก่อนทำ ซึ่งเรื่องบางเรื่องอาจจะมีสิ่งที่เราทำพลาดไปก็จริง แต่ก็ไม่ถึงต้องกลับไปย้อนเวลาแก้ไข เพราะอาจจะเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากการเข้าใจผิด “แต่อย่างไรก็ตามเอแคลร์มั่นใจจริง ๆ ว่าทุกสิ่งที่เราทำมา ทุกคำที่เราพูดคือเราคิดมาอย่างดี”
ทิ้งท้ายกับ ‘เอแคลร์’
“สุดท้ายเอแคลร์ขอขอบคุณทุก ๆ ที่คอยสนับสนุนจนเป็น เอแคลร์ จือปาก ถึงทุกวันนี้ โดยหวังว่า INTERVIEW TODAYจะเป็นแรงผลักดันให้กับหลาย ๆ คน ที่อยากเป็นบล็อกเกอร์หรือยูทูบเบอร์ ไม่มากก็น้อย และเชื่อว่าทุกคนสามารถเป็นได้เพียงหยิบโทรศัพท์ที่เรามี แล้วถ่ายทอดเรื่องราวที่เราสนใจ โดยคำนึงถึงความเชื่อมั่นและความจริงใจถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
นับว่าหนทางกว่าจะเป็น ‘เอแคลร์ จือปาก’ นั้นไม่ได้โรยไปด้วยดอกกุหลาบที่แท้จริง ถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์อย่างก้าวกระโดด จากจุดเดิม สู่สังคมใหม่ที่ตัวเองหวังไว้ เพียงเริ่มต้นจากสิ่งที่เราชอบและถ่ายทอดออกมาเป็นตัวเองอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจ ทั้งนี้สามารถเข้าไปติดตามผลงานของเอแคลร์ ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ‘จือปาก’ และยูทูบชาแนล Juepak
ขอบคุณภาพ juepakofficial