"ในวันที่ให้คำปรึกษาตัวเองไม่ได้ "
สวนสาธารณะที่จำชื่อไม่ได้แล้ว – Tokyo
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเก่งในการออกความเห็นในทุกเรื่องของชีวิตคนอื่นเสมอ และมักตกม้าตายด้วยเรื่องขี้หมูขี้หมาของตัวเอง โดยที่นึกไม่ได้เลยว่า เรื่องแบบนี้ก็เคยให้คำแนะนำคนอื่นมาก่อน
ผมเอาตัวเองมาวางอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว (ใช้คำว่าแห่งหนึ่งเพราดันจำชื่อมันไม่ได้แล้ว) ด้วยอุณหภูมิประมาณ 2 องศาในบ่ายวันอาทิตย์ ทำให้ทุกคนที่มาที่นี่ใส่เสื้อกันหนาวที่ไม่ได้หลากสีมาก ส่วนใหญ่คุมโทนที่ดำ น้ำตาล เทา ถ้าใครเดินใส่สีแดงแหลมเข้ามาที่นี่ อาจเป็นเป้าสายตาชาวโตเกียวได้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ผมชอบนั่งดูคนไปเรื่อยๆ เวลาที่ได้มาในสถานที่แบบนี้ ชอบดูว่าพวกเขากำลังทำอะไร พวกเขาพูดคุยกันเรื่องอะไรบ้าง ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ แล้วที่นี่จะนำพาพวกเขาไปยังที่ไหนกันต่อ
นอกจากเสียงน้ำในสระที่กระทบฝั่งตามแรงที่เรือเป็ดนับสิบลำแล้ว เสียงบทสนทนาของคนที่นี่ก็ดังพอที่จะทำให้แต่ละคนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ยินว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน
ไม่ได้มีใครสนใจใครหรอก พวกเขาต่างแลกเปลี่ยนบทสนทนากับคนที่อยู่ตรงหน้า มีแต่ผมเท่านั้นแหละที่ดันไปสังเกตสังกาว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่
เห็นแล้วก็นึกถึงตัวเองในวันที่นั่งคุยกับเพื่อนสนิท วันที่ตัวเองเจอเรื่องดีร้ายมามากมาย แล้วพรั่งพรูเล่าให้มันฟัง แบบที่ไม่ได้สนใจเลยว่า มันพร้อมที่จะรับเรื่องหนักหนาสาหัสที่เราเล่าออกไปมั้ย
ตอนนั้นเหมือนคนที่เมาไปด้วยอารมณ์ และความรู้สึกที่จุกอยู่ที่คอ พร้อมที่จะทะลักล้นออกมาให้เลอะเทอะ ปล่อยให้เพื่อนคนสนิทเป็นคนตามเช็ดตามล้างความรู้สึกนั้นแทน
เคยเป็นที่ปรึกษาให้คนอื่นมั้ย
จำวันที่เราแนะนำพวกเขาในสิ่งที่เรามองเห็นว่ามันควรจะเดินไปในทิศทางไหนได้รึเปล่า
เพื่อนผมมักบอกผมเสมอว่า ทีเรื่องคนอื่นนะ เก่งจัง ที่เรื่องตัวเองไปไม่รอดทุกที
ได้แต่ยิ้มแล้วคิดอยู่ในใจคนเดียวว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถ้าเราจะมองภาพที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองไม่ออก เพราะเราไม่เคยเปลี่ยนความคิดหรือความรู้สึกไปมองมุมอื่น มุมที่รู้อยู่แก่ใจ แต่ทำใจไปมองที่นั่นไม่ได้สักที
เรื่องของเรา ก็เหมือนเรื่องของคนอื่นนั่นแหละ ต่างกันแค่ตัวละคร และฉากหลังที่มันเปลี่ยนไปตามชีวิตของแต่ละคน
ถ้าจะหาส่วนที่ต่างให้ละเอียดขึ้นมาอีก ก็น่าจะเป็น เราต่างหาทางออกให้ตัวเองไม่ค่อยได้ เมื่อถึงเวลานั้น เวลาที่สิ่งที่ยากจะยอมรับมันเกิดขึ้น เวลาที่ความเศร้าและความเสียใจล้นหัวใจเกินกว่าที่จะบอกกับตัวเองว่า สู้ต่อ หรือควรทำอย่างไรต่อไปดี
ผมชอบความรู้สึกแบบนั้นนะ ความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ความรู้สึกที่ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครดี ความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าจะเอาคำตอบมาให้ตัวเองได้ยังไง
เพราะความรู้สึกแบบนี้มันจะบอกกับผมว่า ผมไม่ใช่ใครเลยที่เก่งมาจากไหน ไม่ใช่คนที่แก้ปัญหาให้ใครในโลกนี้ได้ เป็นแค่คนคนหนึ่งที่อ่อนแอ และบอบบางกับทุกความรู้สึกที่เข้ามากระทบ
และเป็นความรู้สึกที่ผมต้องบอกกับใครสักคนว่าผมกำลังรู้สึกยังไง
คนคนนั้นอาจเป็นเพื่อนที่ห่างไกล แต่ไว้ใจ คนในครอบครัว คนที่เราพร้อมที่จะเปิดใจให้กับเขาเสมอ
เมื่อมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น ผมว่ามันถึงเวลาแล้วแหละ ที่เราจะต้องโทรไปหา หรือออกไปสวนสาธารณะกันสักที่ แล้วอัพเดทชีวิตกันชุดใหญ่
สถานที่ดีๆ กับคนที่เราเปิดใจ ทุกข์ที่ยิ่งใหญ่ อาจกลายเป็นเรื่องนิดเดียว
ติดตามบทความของ บันทึกนึกขึ้นได้ บน LINE TODAY ทุกวันศุกร์
ความเห็น 5
JIRAPRON4️⃣4️⃣6️⃣5️⃣
🙄🙄🙄
27 ก.ย 2562 เวลา 15.50 น.
เมื่อวันนันมาถึง... เหตุผลคงไม่มีความหมาย..... ... . .
30 ก.ย 2562 เวลา 12.01 น.
Pü 🐳
สวนสาธารณะ Inokashira แถว Kichijoji รึเปล่าคะ
28 ก.ย 2562 เวลา 15.02 น.
ขอบคุณนะคะ 🖤
27 ก.ย 2562 เวลา 15.59 น.
คิดว่าถ้าเราไม่เก็บเอาในเรื่องที่ไม่ทำให้เกิดประโยชน์มาคิดให้มากจนเกินไป ก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องหาใครเพื่อให้มารับฟังกับในสิ่งที่เรากำลังคิดก็ได้.
27 ก.ย 2562 เวลา 08.31 น.
ดูทั้งหมด