แนะนำหนังที่ดูตอนเด็ก แต่ควรกลับมาดูตอนโต แล้วจะเห็นมุมมองที่เปลี่ยนไป!

หนังบางเรื่องที่เราเคยดูตอนเด็กๆ เราอาจจะดูมันแบบผ่านๆ ก็สนุกดี แต่เราอาจจะไม่ได้เข้าใจมิติ หรือเหตุผลของตัวละครได้ลึกซึ้งขนาดนั้น บางทีอาจจะต้องอาศัยช่วงวัยที่โตขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น พอกลับมาดูแล้วอาจจะเข้าใจในอารมณ์ของหนังมากขึ้น วันนี้ LINE TODAY จะมาแนะนำหนังที่ถ้าเคยดูครั้งหนึ่งแล้ว ควรลองกลับมาดูอีกรอบ เพื่อเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไป หรือ ถ้ายังไม่เคยดู ก็ลองไปดูกันได้

1.Devil wears prada 

แอนเดรีย แซคส์ นักศึกษาจบงานทั่วไปที่ใฝ่ฝันอยากทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์ เธอได้ส่งจดหมายสมัครงานไปยังที่ต่างๆมากมายเเต่ไม่มีที่ใดตอบรับกลับมาเลย จนกระทั่งนิตยสารแฟชั่นอันดับหนึ่ง อย่าง รันเวย์ ได้เรียก แอนเดรียไปสัมภาษณ์ แต่เป็นตำแหน่ง ผู้ช่วยของ มิแรนด้า พรีสท์ลี่ บรรณาธิการบริหาร แอนเดรียผู้ไม่สนใจในเรื่องแฟชั่นเลยก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้ช่วยของ มิแรนด้า แต่สิ่งที่เธอต้องเจอก็คือ ความร้ายกาจ เข้มงวด และจู้จี้ของมิแรนด้า แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ รันเวย์ครองอันดับ 1 มาจนได้ จึงกลายเป็นความท้าทายใหม่ของแอนเดรีย เมื่องานในวงการแฟชั่น ไม่ได้ต้องการแค่คนที่ตั้งใจ แต่ต้องทุ่มเทและรักในงานแฟชั่นอย่างจริงจัง

2. Blue Valentine 

น่าจะเป็นหนังรักนอกกระแสอีกเรื่องที่หลายๆคนรู้จัก และพูดได้ว่าเป็นหนังรักที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้คุณได้ทบทวนความจริงของชีวิตคู่แบบว่า เรียลสุดๆ เมื่อ หนังได้พูดถึงชีวิตคู่ของพระเอก (ดีน) และนางเอก (ซินดี้) ในช่วงจีบกันใหม่ๆ ความรักยังบานสะพรั่ง ตัดสลับกับ ความจริงที่โหดร้ายของชีวิตคู่หลังแต่งงาน เมื่อทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน และใช้เวลาหนึ่งคืนในโรงแรมเพื่อจะย้อนนึกถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองเริ่มตกหลุมรักกัน เพื่อที่จะรักษาชีวิตคู่ไว้

3. Forrest gump

“Run Forrest Run”! น่าจะเป็นวลีเด็ดของหนังเรื่องนี้ถ้าใครเคยดู เป็นหนังที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิตคุณว่า เราสามารถลิขิตชีวิตได้ โดยดูผ่านตัวละครที่ชื่อ ฟอร์เรสท์ กัมพ์ (ทอม แฮงค์) เด็กสมองช้าที่มีไอคิวไม่ถึง 80 และไม่สามารถเดินได้เหมือนเด็กทั่วไปแต่ต้องใช้เครื่องช่วยดามขา แต่จิตใจที่ใสสื่อและดีงาม และเมื่อตัดสินใจจะทำอะไรแล้ว ฟอร์เรสท์จะไม่หยุดวิ่งในเส้นทางที่เขาเลือกและวิ่งไปอย่างไม่ย่อท้อ จนทำให้เขาสามารถก้าวผ่านข้อจำกัดทางร่างกายไปทำสิ่งที่ตัวเองฝันได้ 

4. The Terminal

เป็นเรื่องราวชีวิตของ วิกเตอร์ นาวอร์สกี้ ชาวยุโรปตะวันออกที่เดินทางมายัง นิวยอร์กซิตี้ แต่ทว่าที่บ้านเกิดของเขาดันเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย ทำให้วิกเตอร์ต้องติดแหง่กอยู่สนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนตี้ พร้อมกับพาสปอร์ตไร้สังกัด ทำให้เขาไม่สามารถเข้าประเทศสหรัฐได้และต้องใช้ชีวิตอยู่ในสนามบิน อาคารผู้โดยสารที่รอเปลี่ยนเครื่องจนกว่าสงครามที่บ้านเกิดจะสงบ ระหว่างนั้นเขาได้พบเจอกับโลกของอาคารผู้โดยสารที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ทั้งความทะเยอทะยาน ความมีโชค และความรัก แต่กลับมีเจ้าหน้าที่ประจำสนามบินเริ่มมองว่าวิกเตอร์เป็นตัวปัญหา และต้องการกำจัดเขาทิ้งซะ

5. Notting hill

เมื่อ วิลเลี่ยม แธคเกอร์ (ฮิวจ์ แกรนท์) เจ้าของร้านหนังสือเล็กๆย่านน็อตติ้งฮิลล์ ที่ใช้ชีวิตเงียบเหงาเรื่อยเปื่อน แต่วันหนึ่งชีวิตเขาก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อได้พบเจอกับซุปตาร์สาวสวยอย่าง แอนนา สก็อต (จูเลีย โรเบิร์ตส์) ซึ่งทั้งสองมีชีวิตที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ทำให้ความรักครั้งนี้ไม่ง่ายนักและต้องอาศัยการปรับตัวกันค่อนข้างมาก แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้ยังมีเพลงดังสุดๆจนถึงทุกวันนี้อย่าง when you say nothing at all และวลีเด็ดสุดโรแมนติกของนากเอกที่ใครเคยได้ดูก็ต้องหลั่งน้ำตา เมื่อนางเอกพูดกับพระเอกว่า Don't forget I'm just a girl, standing in front of a boy, asking him to love her.” "อย่าลืมว่าฉันน่ะ ก็ยังเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าผู้ชาย อ้อนวอนให้เขารักเธอ" 

บางทีเมื่อเราโตขึ้นเข้าใจโลกมากขึ้น จะทำให้เรามองเห็นอะไรที่ลึกซึ้งมากขึ้น

แล้วคุณละ มีหนังเรื่องไหนในดวงใจที่คิดว่าควรกลับมาดูอีกสักรอบ แล้วจะทำให้มุมมองของเราเปลี่ยนไปบ้าง?