รีวิวซีรีส์ Monstrous (2022) | พระพุทธรูปอาถรรพ์ ห้ามสบตาถ้าไม่อยากพบความสยอง

Monstrous เป็นซีรีส์สั้น จำนวน 6 ตอน ความยาวรวมประมาณ 3 ชั่วโมงที่ดีไซน์ความระทึกขวัญสั่นประสาทผ่านปรากฏการณ์ธรรมชาติและสิ่งลี้ลับตามแบบศาสนาพุทธได้อย่างลงตัว ซีรีส์ชูคำพูดที่ถูกพูดติดปากกันมาช้านานอย่าง ‘ไม่เชื่ออย่าลบหลู่’ ออกมาได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง และทุกอย่างในเรื่องล้วนมีที่มาที่ไป ที่เสริมให้ทุกอย่างในเรื่องที่เกิดขึ้นมันสมเหตุสมผลขึ้นเป็นทวีคูณ บางอย่างถ้าเราไม่รู้จริง เราพิสูจน์ไม่ได้ เรามองไม่เห็น ปล่อยให้มันเป็นอดีตหรืออย่าเข้าไปยุ่งจะดีที่สุด บางอย่างที่ไม่เห็นก็ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่มี ไม่ว่าจะภูติผี วิญญาณ หรือเทพาอารักษ์ เทพเจ้า ที่คอยปกปักษ์รักษาเราก็ตาม

ติดตามซีรีส์ Monstrous ได้ที่

“ใครก็ตามที่มองตาของพระพุทธรูปผีสิงจะได้เห็นแผนที่ไปนรกของพวกมัน คนที่เห็นจะหูแว่วและเห็นภาพหลอน”

สายฝนสีดำโหมกระหน่ำตกลงมาจากฟากฟ้าที่มืดครึ้ม มันปั่นป่วนราวกับกำลังกู่ร้องว่าจะเกิดอาเพศร้ายแรงขึ้น ทั้งเมืองจินยางที่เคยสว่างสไวถูกปกคลุมด้วยสายฝนสีดำในทันที สายฝนนี้ถือเป็นคำเตือนจากพระเจ้าว่าภัยร้ายกำลังจะปรากฏตัว มันจะคลืบคลานเข้าสู่จิตใจของคนในเมืองนี้อย่างไม่รู้ตัว ใครที่ได้สบตากับพระพุทธรูปผีสิงจะต้องพบเจอกับจุดจบที่ยากจะคาดเดา ความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต จิตใต้สำนึกที่เรียกร้องจะปะทุออกมา ความโกรธแค้นที่ถูกกักเก็บเอาไว้ จะถูก‘มัน’ ควบคุม

ดวงตาจะถูกเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน พฤติกรรมจะเริ่มก้าวร้าวรุนแรง หูจะแว่วได้ยินแต่เสียงที่ไม่อยากได้ยิน ภาพในหัวจะเห็นแต่เหตุการณ์ที่ไม่อยากนึกถึง เรี่ยวแรงจะมีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และความตายจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ต้องพบเจอ เรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากทางเมืองจินยางต้องการที่จะโปรโมตให้เมืองจินยางเป็นเมืองท่องเที่ยว การบังเอิญขุดพบพระพุทธรูปที่มีผ้าปิดตาขนาดยักษ์ในพื้นที่เก่าของวัดโฮรันที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์โครยอจึงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง ที่จะเอาพระพุทธรูปองค์นี้มาทำเป็นมาสคอตประจำเมืองดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวให้แวะเวียนเข้ามา

โดยทุกคนไม่รู้เลยว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีความชั่วร้ายสิงสู่อยู่ มันพร้อมที่จะเล่นงานทุกคนที่ได้สบตากับมัน มันจะแอบแฝงเข้าไปในจิตใจของคน รื้อฟื้นความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุดขึ้นมา และยุแยงให้ผู้คนเข่นฆ่ากันเอง หลังจากขุดพระพุทธรูปขึ้นมาไม่นานก็เกิดเหตุฝนสีดำขึ้น รัฐบาลก็ได้สั่งปิดตายเมืองจินยางทันที เพราะมองว่าฝนสีดำอาจจะเป็นการโจมตีทางเคมีของผู้ก่อการร้าย มีเพียงพระสงฆ์ 2 รูปจากแล็บวิจัยศาสนาพุทธเจชอน และ ดร.จองกีฮุน (รับบทโดย คูคโยฮวาน) ศาสตราจารย์ที่เชี่ยวชาญศาสนาพุทธโบราณ เท่านั้นที่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองจินยางตอนนี้มันเกิดจากอะไรกันแน่

กีฮุนจึงต้องหาทางผนึกมันและช่วยภรรยาของเขา ดร.อีซูจิน (รับบทโดย ชินฮยอนบิน) ที่ติดอยู่ในเมืองจินยางให้ได้ ในระหว่างที่กำลังหาทางเข้าหมู่บ้านเขาก็ได้เจอกันฮันซอกฮี (รับบทโดย คิมจียอง) หัวหน้าสายตรวจ ที่ต้องการเข้าหมู่บ้านเพื่อเข้าไปช่วยลูกชายเพียงคนเดียวฮันโดกยอม (รับบทโดย นัมดารึม) พิธีกรรมสยบคำสาปร้ายจากพระพุทธรูปผีสิงจึงเริ่มต้นขึ้น

การดีไซน์ความหลอนที่น่าทึ่ง

ด้วยความที่ซีรีส์นั่นโยงกับหลายอย่างไม่ว่าจะความเชื่อ ศาสนา เทพเจ้า หรือแม้กระทั่งวิญญาณผีปีศาจ ในตอนแรกก่อนที่จะรับชมเราจึงนึกไม่ออกว่าซีรีส์จะทำออกมาในรูปแบบไหน แต่เมื่อได้ดูแล้วซีรีส์กลับไม่ทำให้ผิดหวัง การดีไซน์การแสดงอิทธิฤทธิ์ของพระพุทธรูปผีสิงที่เป็นแกนหลักของเรื่องและการทำหน้าที่ของเหล่าเทพเจ้าในเรื่องที่สื่อถึงความเชื่อทำออกมาได้สมเหตุสมผล น่ากลัวและชวนหลอนสุด ๆ Monstrous สามารถเอาความเชื่อและตำนานมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเนี๊ยบกริบ

ทั้งการเนรมิตให้คำเตือนจากเทพเจ้าให้กลายเป็นฝนสีดำที่โหมกระหน่ำตกลงมาเพื่อเตือนมนุษย์ ไม่พอเทพเจ้ายังเปลี่ยนลูกเห็บธรรมดาให้กลายเป็นลูกเห็บหน้าคล้ายมนุษย์อีก การใช้ 2 สิ่งนี้เพื่อสื่อถึง ‘เทพเจ้า’ ถือว่าเขียนบทได้ฉลาดมากเพราะเมื่อนึกถึงเทพเราก็ต้องนึกธรรมชาติทั้งหลายอยู่แล้ว ลูกเห็บหน้าคนและฝนสีดำ มันเลยเป็นการบิดเบือนดินฟ้าอากาศที่อยู่ในเงื้อมือของเทพเจ้าเพื่อส่งสัญญาณเตือนมนุษย์ให้รู้ว่าจะเกิดอาเพศร้ายแรงในอีกไม่นาน

ในส่วนของผีที่สิงอยู่ในพระพุทธรูปก็แสดงอภินิหารซะแอบขนลุก ฉากที่ฝูงอีกาตัวเกือบเท่าคนแถมมากันเป็นฝูงบินโฉบทำร้ายซอกฮีกับกีจุนคือฉากที่เนรมิตออกมาได้ระทึกขวัญ สั่นประสาทมาก การใช้ฝูงอีกาทมิฬ เข้ามาเพื่อแทนความชั่วร้ายที่กำลังเกิดขึ้นก็ทำได้ดี เพราะหากนึกถึงสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้าย สิ่งที่ไม่ดี อีกาก็คงเป็นสิ่งแรก ๆ ที่ผู้คนจะนึกถึงเหมือนกัน และอีกาในเรื่องนี้ก็น่ากลัวมากสมคำร่ำลือค่ะ แค่เสียงของอีกาก็ทำหลอนแล้ว ตัวก็ใหญ่ แถมขนกันมาเป็นฝูง!!!!!

ปมหลังตัวละครที่น่าเสียดาย

สิ่งที่ผู้เขียนเสียดายที่สุดในเรื่องนี้ก็คงจะเป็น การที่บทไม่เน้นขยี้ปมหลังตัวละครหลักมากเท่าที่ควร ทั้งๆที่ตัวละครหลักในเรื่องถูกรับบทโดยนักแสดงมากฝีมือ และคาแรคเตอร์ตัวละครก็ถูกปูทางมาให้มีอะไรแบบสุดฤทธิ์ ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่าหากซีรีส์ขยายเวลาออกไปอีกสักครึ่งชั่วโมงให้ซีนอดีตของตัวละครหลักแต่ละตัวมากกว่านี้ เนื้อเรื่องของ Monstrous จะสมบูรณ์มากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเรื่องราวอดีตครอบครัวที่แสนอบอุ่นของกีฮุนและซูจิน เพราะยิ่งเราเห็นภาพความสุขของครอบครัวนี้มากเท่าไหร่ การแตกสลายจนพังยับของสามีภรรยาที่ต้องสูญเสียลูกสาวก็ยิ่งทวีความน่าสงสารขึ้นเป็นเท่าตัว

เรื่องราวความสัมพันธ์ของดงจูและโดกยอง จากคนสนิทจนเหมือนเป็นพี่น้องคลานตามกันมา กลายมาเป็นคู่แค้นที่ไม่เผาผี คู่นี้เป็นคู่ที่ปมอดีตถูกตัดจบได้อย่างน่าเสียดายที่สุดแล้ว ซีรีส์สร้างปมให้คนดูค้างคาค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะการมาสนิทกันของดงจูและโดกยอง ชีวิตในวัยเด็กที่สร้างปมให้กับดงจูคืออะไร อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ดงจูติดคุก เพราะอะไรดงจูถึงได้อาฆาตโดกยองขนาดนั้น ทำไมโดกยองถึงได้ทำตัวเย็นชากับแม่ขนาดนั้น ปมเรื่องราวของตัวละครที่ผู้เขียนเขียนไปข้างต้นหากซีรีส์ลงลึกกว่านี้อีกนิดจะทำให้ซีรีส์มันกลมกล่อมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

**คำเตือนสำหรับใครที่กลัวภาพที่มีความรุนแรง หรือกลัวเลือด อาจจะต้องระวังในการดูเรื่องนี้นะคะ เพราะภาพแรงมาก มีฉากฆ่าตัวตายด้วยสารพัดวิธี มีฉากเลือดสาดอยู่หลายฉาก และมีฉากการฆ่ากันอย่างรุนแรงอยู่หลายฉากเลยทีเดียว

“วัตถุโบราณหรือเหตุการณ์ในอดีต ปล่อยให้มันเป็นอดีตต่อไปอาจจะดีกว่า หากมันเป็นสิ่งที่เราไม่เข้าใจหรือตีความไม่ได้”

บทความโดย โชว์มีเดอะซีรีส์ สามารถติดตามการวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นต่างๆในซีรีส์และการวิเคราะห์ตอนต่อตอนได้ทางเพจ โชว์มีเดอะซีรีส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ซีรีส์ใหม่ ‘Monstrous’ ผลงานเขียนบทโดย ผกก. Train To Busan เผยไลน์อัปนักแสดงนำมากคุณภาพน่าตื่นตาเปิดลิสต์ซีรีส์เกาหลีมาใหม่ ประจำเดือนเมษายน 2022

ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่

Facebook Fanpage : facebook.com/korseriesTwitter : twitter.com/korseriesWebsite : korseries.comYoutube :Korseries

ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡