‘สภากทม.’ผ่านร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฯ วงเงิน 14,549 ล้าน จ่ายหนี้‘บีทีเอส’ ตั้งคณะกรรมการพิจาณา 45 วัน
22 พฤศจิกายน 2567 นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 1) ประจำปี 2567 โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายจักกพันธุ์ ผิวงาม นายวิศณุ ทรัพย์สมพล นายศานนท์ หวังสร้างบุญ นางสาวทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เข้าร่วมประชุม ณ อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกทม.ดินแดง
นายชัชชาติ ได้เสนอญัตติร่างข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เรื่องงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปี พ.ศ.2568 พ.ศ. … โดย กทม.เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. … จำนวน 14,549,503,800 บาท จากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร เนื่องจาก กทม.มีความประสงค์ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงสถานะการเงินการคลังของ กทม. ณ วันที่ 1 พ.ย. 67 กทม. มีเงินฝากธนาคารเป็นเงิน 96,010.04 ล้านบาท แบ่งเป็น รายรับหักรายจ่ายสุทธิ 4,326.23 บาท เงินนอกงบประมาณที่มีภาระผูกพัน 1,602.12 ล้านบาท เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีที่ยังไม่เบิก 1,696.22 ล้านบาทเงินสะสมกรุงเทพมหานครคงเหลือ 64,019.05 ล้านบาท ทุนสำรองเงินคงคลังกรุงเทพมหานคร 9,366.42 ล้านบาท
ขณะที่ ภาระหนี้ตามโครงการต่อเนื่องที่ได้ก่อหนี้ผูกพันแล้ว ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 67 มีรายละเอียด คือวงเงินสูงกว่า 1,000 ล้านบาท มี 5 หน่วยงาน 32 โครงการ มีภาระผูกพันตามสัญญาจำนวนคงเหลือ 61,659.69 ล้านบาท โครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 500-1,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 6 หน่วยงาน 29 โครงการ มีภาระผูกพันตามสัญญาคงเหลือจำนวน 11,516.85 ล้านบาท โครงการที่มีวงเงินต่ำกว่า 500 ล้านบาท จำนวน 21 หน่วย 117 โครงการ มีภาระผูกพันตามสัญญาคงเหลือจำนวน 7,348.13 ล้านบาท
สถานะเงินสะสมประจำปีงบประมาณ 2568 ณ วันที่ 1 พ.ย. 67 จำนวน 81,436.90 ล้านบาท แบ่งเป็น เป็นเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี 17,198.31 ล้านบาท, ภาระผูกพันและการสำรองเงินที่ทำให้ยอดสะสมเงินลดลง จำนวน 3,399.63 ล้านบาท, เงินสำรองสะสมกรุงเทพมหานคร ตามกฎหมาย จำนวน 6,500 ล้านบาท, กันไว้สำหรับจ่าย กรณีสาธารณภัย 5,433.89 ล้านบาท คาดการณ์การใช้จ่ายในปี2568 กรณีจัดเก็บรายได้ไม่เพียงพอ 10,600 ล้านบาท, เงินสะสมที่ปลอดภาระผูกพัน 38,305.07 ล้านบาท จึงอาศัยความในมาตรา 97 และมาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 เสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องงบประมาณรายจ่าย เพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. … จำนวน 14,549,503,800 บาท โดยจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร
“เรื่องสำคัญคือการยื่นเรื่องให้ศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่อีกครั้ง ศาลปกครองสูงสุดได้แจ้งว่า เรื่องการชี้มูลจาก ป.ป.ช.ได้พิจารณาอยู่ในหลักฐานการพิจารณาคดีเรียบร้อยแล้ว กทม.จึงไม่มีเหตุผลที่จะยื่นให้ศาลพิจารณาใหม่อีกครั้ง ส่วนเรื่องเอกสารชี้มูลจาก ป.ป.ช. ได้แจ้งขอเปิดเผยขอข้อมูลจาก ป.ป.ช.แล้ว แต่ ป.ป.ช.ไม่อนุญาตให้เปิดเผย ซึ่งการชี้แจงจากศาลปกครองสูงสุด ทำให้ กทม.มีความสบายใจที่จะชำระหนี้อย่างถูกต้อง ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด เพราะได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องแล้ว ทั้งนี้ กทม.ไม่ได้กังวลเรื่องดอกเบี้ย แต่ให้ความสำคัญกับการดำเนินการอย่างถูกต้องมากกว่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง” ผู้ว่าฯชัชชาติ กล่าว
ด้านนายนภาพล จีระกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตบางกอกน้อย กล่าวว่า นอกจากหนี้ส่วนดังกล่าวแล้ว ยังมีส่วนอื่นอีกรวมประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ที่ กทม.ต้องชำระ รวมดอกเบี้ยกว่าวันละ 7 ล้านบาท จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่สภากทม.ควรเห็นชอบในการอนุมัติวงเงินเพื่อให้ กทม.นำไปชำระหนี้ เพราะผู้ว่าฯกทม.ไม่มีอำนาจนำเงินไปใช้ และหากเรื่องนี้ยังดำเนินการช้า กทม.จะยิ่งเสียดอกเบี้ยมากขึ้น แต่หากเร่งชำระหนี้จำนวนดังกล่าวในวันนี้ จะช่วยประหยัดเงินกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้
ทั้งนี้ ที่ประชุมสภากทม. มีมติเห็นชอบร่างญัตติดังกล่าว จำนวน 37 คน พร้อมตั้งคณะกรรมการวิสามัญร่างข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เรื่องงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปี พ.ศ.2568 พ.ศ. … จำนวน 24 คน โดยใช้เวลาพิจารณา 45 วัน กำหนดแปรญัตติ 10 วัน
สำหรับการประชุมสภา กทม. เพื่อพิจารณาวาระดังกล่าวครั้งนี้ เป็นการพิจารณาร่างข้อบัญญัติ เรื่อง ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2568 เกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อชำระค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวนเงิน 14,549,503,800 บาท ซึ่งเป็นรายจ่ายพิเศษจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร โดยการเสนอขอพิจารณาเรื่องดังกล่าว สืบเนื่องจากกรุงเทพมหานครต้องการจะชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เป็นค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งสภากรุงเทพมหานครได้ให้ความเห็นชอบจ่ายขาดเงินสะสมดังกล่าวแล้ว จึงจำเป็นต้องตราข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร (กทม.) นี้
ความเห็น 0