ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญกว่า 600 จุด หลุดระดับ 40,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ท่ามกลางความวิตกของนักลงทุนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่ส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจน โดยล่าสุด ณ เวลา 21.05 น. ตามเวลาไทย ดาวโจนส์อยู่ที่ 39,843.77 จุด ลดลง 683.85 จุด หรือคิดเป็น 1.69%
โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2568 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -0.3% ในไตรมาสดังกล่าว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าขยายตัว +0.2% หลังจากขยายตัว +2.4% ในไตรมาส 4/2567
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -2.7% ในไตรมาส 1/2568 เศรษฐกิจสหรัฐที่หดตัวในไตรมาส 1/2568 สร้างความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐจากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ ในปี 2567 เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1, 3.0% ในไตรมาส 2, 3.1% ในไตรมาส 3 และ 2.4% ในไตรมาส 4
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.5% ในไตรมาส 1/2568 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.1% หลังจากปรับตัวขึ้น 2.6% ในไตรมาส 4/2567