โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

[อ่านฟรีทุกวัน] มุ่งสู่ความมั่งคั่งในยุค 80 [มี E-BOOK]

นิยาย Dek-D

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • ฮัน
[อ่านฟรีทุกวัน] มุ่งสู่ความมั่งคั่งในยุค 80 [มี E-BOOK]
ซีอีโอสาวแกร่งกำลังชื่นชมความงามของภูเขาหลงหู่ซาน บนเรือสำราญลุ่มแม่น้ำแยงซี สถานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดลัทธิเต๋าของจีน ดันเมาเหล้าตกน้ำ ย้อนเวลามาอยู่ในร่างหญิงสาวชาวบ้านยุค 80 !!!

ข้อมูลเบื้องต้น

ซีอีโอสาวแกร่งแห่งวงการธุรกิจขนส่งระดับโลก

ครอบคลุมทั้งภายใน และระหว่างประเทศ

ระหว่างกำลังเฉลิมฉลองความสำเร็จบนเรือสำราญลุ่มแม่น้ำแยงซี

ขณะชื่นชมความงามของภูเขาหลงหู่ซาน

ดันเมาเหล้าตกน้ำ ร่างเธอในยุคนั้นเป็นตายอย่างไรไม่ทราบ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาถรรพ์ของสถานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดลัทธิเต๋าของจีนหรือไม่

แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้เธอย้อนยุคอยู่ในร่างหญิงชาวบ้านคนหนึ่ง

ในยุคทองหลังการปฏิรูปประเทศจีนปี 80 !!!!

สตรีผู้นี้เป็นหญิงสาวป่วยหนักและตรอมใจตาย สาเหตุเกิดจากถูกชายคนรักดูถูกฐานะ

เธอที่มาอยู่แทนร่างเจ้าของเดิมโดยไม่รู้อิโหน่ง
อิเหน่จึงต้องเข้าสวมรอยทันที!!!

แต่ให้ตายเถอะ …กับผู้ชายใจโสมมเช่นนั้น
เธอจะทำใจแย่งกลับมาให้เจ้าของร่างเดิมได้หรือไม่?

เอ๊ะ! แต่นี่คือร่างของเธอแล้วไม่ใช่หรือ บุญคุณความแค้นอันใด ฉันขอไม่ยุ่งเกี่ยวจะดีกว่า…

ไหนไหนก็ได้ย้อนเวลามายังยุคทองหลังการปฏิรูปประเทศทั้งที เธอที่มักอิจฉาชีวประวัติเศรษฐีนักธุรกิจระดับท็อปทั้งหลายในยุคปัจจุบันอย่างมาก เพราะเกือบร้อยละแปดสิบล้วนมีรากฐานอันมั่นคงที่จากยุค 80 นี้ทั้งนั้น !!!

คราวนี้แหละ เธอจะต้องได้มีธุรกิจมั่งคั่งร่ำรวยเป็นของตัวเองสักที

นามบุคคล ชื่อสถานที่ และเหตุการณ์บางอย่าง แม้มีอยู่จริง แต่ก็เป็นการนำมาประกอบเพื่อเพิ่มอรรถรส
เนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องสมมติ และจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้นค่ะ

รายตอน อ่านฟรี อัพทุกวัน จนจบค่ะ
E-Book เล่มละ 15 ตอนค่ะ

มุ่งสู่ความมั่งคั่งในยุค 80 เล่ม 1

มุ่งสู่ความมั่งคั่งในยุค 80 เล่ม 2

มุ่งสู่ความมั่งคั่งในยุค 80 เล่ม 3

มุ่งสู่ความมั่งคั่งในยุค 80 เล่ม 4

มุ่งสู่ความมั่งคั่งในยุค 80 เล่ม 5

มุ่งสู่ความมั่งคั่งในยุค 80 เล่ม 6

มุ่งสู่ความมั่งคั่งในยุค 80 เล่ม 7 (เล่มจบ)

นิยายเรื่องนี้ได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามผู้ใดทำซ้ำ ดัดแปลง ลงในเว็บไซต์อื่น หรือนำไปให้ผู้ใดเช่า และจัดจำหน่าย โดยมิได้รับอนุญาติจากผู้เขียน

ติชมอย่างสุภาพ ขอคอมเม้นท์ และกำลังใจ ด้วยนะคะ

บทนำ เปิดเจิมก่อนจ้า

บทนำ

อวี่จือหลิน ซีอีโอหญิงแกร่งแห่งวงการธุรกิจขนส่งของจีน ครอบคลุมกิจการทั้งภายใน และระหว่างประเทศ

แม้ชีวิตจะเริ่มต้นจากศูนย์ พ่อแม่แยกทางทิ้งเธอไว้กับญาติที่ไม่ได้สนใจเธอมากนักเพราะก็มีครอบครัวเป็นของตนเอง

แต่ด้วยความมุ่งมั่นใฝ่รู้จึงตัดสินใจหาเงินส่งตัวเองเรียนอย่างยากลำบาก จนเธอสอบติดมหาลัย และเริ่มเข้าทำงานประจำทั่วไป จากพนักระดับล่าง มุ่งมั่นสู่ตำแหน่งซีอีโอที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคารพเชื่อฟัง

ระหว่างกำลังเฉลิมฉลองความสำเร็จกับคู่ค้านักธุรกิจบนเรือสำราญลุ่มแม่น้ำแยงซี ขณะดื่มด่ำชื่นชมความงามของภูเขาหลงหู่ซาน ดันเมาเหล้าตกน้ำไปทั้งอย่างนั้น ร่างเธอในยุคนั้นเป็นตายอย่างไรไม่ทราบ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาถรรพ์ของสถานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดลัทธิเต๋าของจีนหรือไม่ แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้เธอย้อนยุคอยู่ในร่างลูกสาวคนใช้คนหนึ่ง ในยุคทองหลังการปฏิรูปประเทศจีน ในยุค 80 !!!!

สตรีผู้นี้เป็นหญิงสาวป่วยหนักและตรอมใจตาย สาเหตุเกิดจากถูกชายคนรักดูถูกฐานะ

เธอที่มาอยู่แทนร่างเจ้าของเดิมโดยไม่รู้อิโหน่ง
อิเหน่จึงต้องเข้าสวมรอยทันที!!!

แต่ให้ตายเถอะ …กับผู้ชายใจโสมมเช่นนั้น
เธอจะทำใจแย่งกลับมาให้เจ้าของร่างเดิมได้หรือไม่?

เอ๊ะ! แต่นี่คือร่างของเธอแล้วไม่ใช่หรือ บุญคุณความแค้นอันใด ฉันขอไม่ยุ่งเกี่ยวจะดีกว่า…

ไหนไหนก็ได้ย้อนเวลามายังยุคทองหลังการปฏิรูปประเทศทั้งที เธอที่มักอิจฉาชีวประวัติเศรษฐีนักธุรกิจระดับท็อปทั้งหลายในยุคปัจจุบันอย่างมาก เพราะเกือบร้อยละแปดสิบล้วนมีรากฐานอันมั่นคงที่จากยุค 80 นี้ทั้งนั้น !!!

คราวนี้แหละ เธอจะต้องได้มีธุรกิจมั่งคั่งร่ำรวยเป็นของตัวเองสักที

ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

10 กุมภาพันธ์ 1984 เมืองอิงถาน มณฑลเจี่ยงซี

อวี่จือหลินลืมตามองเพดานไม้บนห้องที่เต็มไปด้วยหยากไย่ ผ่านมุ้งกระดำกระด่างที่ถูกปะชุนมากกว่าสิบจุด เป็นสวัสดิการห้องคนใช้เท่าที่เจ้านายใจดีครอบหนึ่งนะให้ได้

นัยน์ตาสะท้อนความสับสนอันเลือนรางขณะเรียงลำดับเหตุการณ์ที่ผ่านมาของทั้งสองชาติภพ!

เสียงเพลงกระหึ่มบนเรือสำราญแล่นบนแม่น้ำหลูซี ในลุ่มแม่น้ำแยงซี เมื่อวานเธอยังดื่มด่ำชื่นชมความงามของภูเขาหลงหู่ซาน สถานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดลัทธิเต๋า และศาสนาพุทธของจีน

ความสำเร็จที่เรียกได้ว่าเริ่มจากมือเปล่า กลายเป็นซีอีโอสาวแห่งวงการธุรกิจขนส่งที่รุ่งเรืองในยุคสองพัน ด้วยหน้าตาที่เรียกได้ว่าจืดจางออกจะขี้เหร่ด้วยซ้ำ แต่ความสามารถที่ไม่เป็นรองใครทำให้จือหลินเลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้บริหารในที่สุด

เป็นเพราะความมึนเมา หรือคลื่นที่แรงเกินไปในช่วงเย็น แต่แม่น้ำจะมีคลื่นขนาดนั้นหรือไม่ ยังคงเป็นปริศนาที่ไร้คำตอบในความรู้สึก แต่เธอที่ออกมายืนรับลมบริเวณหัวเรือได้ร่วงดิ่งลงไปในแม่น้ำนั้น คือความจริงแน่นอน

นี่ไม่ใช่การย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีต แต่เป็นการสิงสู่? หรือไม่นั้นยังไม่แน่ใจนัก อวี่จือหลินเป็นเด็กที่เกิดในยุค 90 ที่ใช้ชีวิตมาจนถึงยุคสองพันยี่สิบ มีความอดทนบนความทะเยอทะยานทุกวัน ขาดพ่อแม่ที่อุ้มชู แต่ก็ได้เติบโตมากับญาติที่ก็ต้องรับผิดชอบครอบครัวตนเองในหางโจว

เก็บความรู้สึกน้อยใจในวัยเยาว์เป็นแรงผลักดันเพื่อมุ่งมั่นที่จะต้องมีชีวิตที่ดี ไม่มีเงินส่งเรียนหรือ? ไม่เป็นไร เธอจึงสมัครเป็นพนักงานช่วยร้านขายของได้ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเสื้อผ้า สารพัดงานขอแค่เป็นงานสุจริตที่ได้เงิน เธอพร้อมทำ

ไม่รู้ว่าเพราะสังคม หรือสภาพแวดล้อมต่างบอกเธอเองว่า ต้องเรียนจบปริญญาเท่านั้น จึงจะเป็นจุดเริ่มต้นของการประสบความสำเร็จในชีวิต และในที่สุดความพยายามไม่เคยทรยศใคร อวี่จือหลินสามารถเรียนจบ ด้วยเกียรตินิยมในคณะเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยฟูตันของเซี่ยงไฮ้

เหตุผลน่ะหรือ หนึ่งคืออยากออกจากหางโจว และสองก็เพราะคิดว่าต้องการทำงานด้านการเงินเท่านั้น

สรุปง่ายๆก็เพราะเงินน่ะสิ

ไม่ใช่ว่าที่เรียนไม่ดี แต่โลกความเป็นจริงของตลาดแรงงานในปีที่จบ มีบัณฑิตมากกว่าสิบล้านคนวิ่งแย่งชิงงานที่ดี บริษัทที่คิดว่ามั่นคงกันอย่างโหดร้าย

แล้วบัณฑิตปีแล้ว และปีที่แล้วๆอีกล่ะ? ด้วยเพดานรายได้และฐานเงินเดือนอันน้อยนิด ใครจะให้เด็กจบใหม่อย่างเธอได้บริหารเงินอย่างที่เรียนมา

จือหลินตัดสินใจเลือกที่จะกลับมาพนักงานขาย ในหางโจวของบริษัทอีคอมเมิร์ซเจ้าดัง เพราะหน้าตาที่ไร้เสน่หา จึงต้องเตรียมตัวมากว่าคนอื่น ทั้งยังต้องศึกษาเรียนรู้ตลอดเวลา เพื่อสามารถมีเรื่องคุยกับลูกค้าที่เป็นเจ้าของธุรกิจได้ กว่าจะเลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการสาขา

ใช้โปรไฟล์ทั้งหมดเพื่อย้ายสายงาน มายังบริษัทเอาท์ซอร์ซ ดูแลระบบขนส่งที่เป็นหัวใจหลักของธุรกิจอย่างแท้จริง

ขณะทำงานก็จำต้องต่อโทบริหารเพื่อเข้ารับตำแหน่งที่สูงกว่า กระทั่งเข้าใจภาพรวมระบบทั้งในและระหว่างประเทศ จนกระทั่งเหล่าป่าน[1] ไว้วางใจมอบตำแหน่งซีอีโอให้ในท้ายที่สุด

ความเหนื่อยยากตลอดสิบปีในสายงานธุรกิจขนส่งที่เธอเพิ่งได้ดื่มด่ำความสำเร็จไม่กี่วัน จบลงด้วยการเมาเหล้าตกเรือ แล้วกลายมาเป็นอวี่จือหลินอายุ 17 ปี ในปี 1984 นี่น่ะหรือ

“จือหลิน ตื่นแล้วหรือลูก”

ประตูเก่าๆในห้องเล็กคับแคบนี้ ถูกมือด้านมีรอยบาดและแห้งกร้านเหมือนคนทำงานหนักเปิดออก

พร้อมการปรากฎตัวของสตรีที่เหมือนหญิงวัยกลางคน หน้าตาซูบผอมหมองคล้ำ ดวงตายังมีรอยแดงช้ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ในชุดเหมาเก่าๆที่เคยนิยมในยุค 70 ชายเสื้อมีรอยขาดเหวิน และถูกปะชุนหลายรอย

จือหลินลุกนั่งช้าๆ ด้วยยังมีอาการมึนหัวเพราะเจ้าของร่างเดิมก็เสียชีวิตไปเพราะตกน้ำเช่นกัน

หากแต่อวี่จือหลินคนนี้ ตั้งใจกระโดดลงแม่น้ำเพื่อประชดรักชายคนรักที่ดูถูกตัวเองว่าเป็นลูกคนใช้ ปัญหาหนักใจที่ไม่อาจคิดได้ตก จึงกลายเป็นการเลือกที่จะจบชีวิตอย่างน่าเสียดายเบ้าหน้าอันงดงามเช่นนี้

“แม่แอบเอามันเผามาให้ รีบกินเถอะ”

แม่พูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา และรีบยัดมันเผานั้นให้เธอ เพราะไม่กล้าจุดเตาทำอาหารที่อาจจะเป็นแค่ต้มข้าวมาให้ลูกสาวกินได้ มีแต่มันเผาที่มักถูกโยนไว้ในกองไฟ เธอจึงแอบหยิบออกมาให้ลูกสาว

อวี่จือหลินเรียก แม่ ไปหนึ่งคำ สร้างความสะเทือนใจให้ทั้งคนฟังและคนพูด ด้วยเธอเองก็ไม่เคยได้เรียกใครว่าแม่ตั้งแต่จำความได้ หรือจำได้ก็เลือนลางเต็มที อีกทั้งจากความทรงจำของร่างเดิมที่เรียกได้ว่า ไม่สนใจใยดีมารดาทั้งยังดูถูกแม่ที่อ่อนแอคนนี้ด้วยซ้ำ

นอกจากหน้าตาที่ทะลุสิบดาว แตกต่างจากมันสมองที่สวนทางอย่างคิดไม่ได้ ต้องการความยอมรับจากคนภายนอก กระทั่งชายคนรักยังแอบทำอะไรลับหลังกับคุณหนูของบ้านเธอไม่พอ ยังเลือกที่จะดูถูกเจ้าของร่างเดิมที่มีปมเรื่องการมีแม่เป็นคนใช้อยู่ จึงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายในชีวิต

ส่วนฟางเจินที่ได้ยินเสียงแหบๆของลูกสาวอีกครั้ง ความตื่นกลัวก่อนหน้าจึงได้สงบลง เพราะนอกจากอวี่จือหลิน เธอก็ไม่เหลือใครให้รักอีกแล้ว

ตระกูลอวี่หลังแม่เฒ่าอวี่ตายไปก็ได้แยกบ้านกันนานแล้ว และยิ่งบิดาของอวี่จือหลินตายไปด้วยโรคไข้ป่าเมื่อห้าปีก่อน เมื่อไร้ซึ่งเสาหลักของบ้าน เธอจึงต้องหางานทำในเมือง กลายมาเป็นคนใช้ของครอบครัวเจ้าหน้ารัฐครอบครัวหนึ่ง

ไม่คิดว่าจะได้เจอกับเจ้านายที่เอาแต่ใจและชอบวางอำนาจแบบนี้ แต่ข้อดีเดียวคือยอมให้ลูกสาวเธอได้เรียน นั่นทำให้ฟางเจินยอมรับใช้มาตลอดห้าปี

ยังไม่ทันที่จะหักมันเผาเพื่อกินเนื้อด้านใน ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ก่อนมีคนตามเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจเกรี้ยวกราด

“นังลูกคนใช้ไร้ยางอาย ปล่อยให้ผู้ชายลูบคลำไปทั่วไม่พอ ยังสำส่อนหมายปองว่าที่เขยของเจ้านาย นี่หล่อนยังกล้าขโมยมันเผามาให้มันกินอีกหรือ ทำไมไม่จมน้ำตายๆไปเสีย”

คุณนายของบ้านที่ขึ้นชื่อเรื่องความร้ายกาจ นัยน์ตาแข็งกร้าว สาดวาจาไร้ความเมตตาต่อคนใต้อาณัติจนเคยชิน อย่างแม่มดชั่วร้าย

“คุณนายคะ จือหลินเพิ่งฟื้นขึ้นมา เมตตาลูกของฉันด้วย…”

ฟางเจินคุกเข่าอ้อนวอนตัวสั่น

“เมตตามันทำไม หน้าตาก็เหมือนนังจิ้งจอกยั่วยวนผู้ชาย จิตใจก็ไม่อยู่กับร่องกับรอยอยากแย่งแฟนคนอื่นเขา”

อวี่จือหลินมองหัวมันที่ถูกแย่งกลับไปอย่างพูดไม่ออกอยู่บ้าง มองแม่ที่คุกเข่าขอร้องแทนเธอด้านข้างอย่างเวทนา

ความทรงจำนับไม่ถ้วนที่เกิดเหตุการณ์คล้ายกัน ทุกครั้งที่คุณนายของบ้านไม่พอใจเจ้าของร่าง ก็มักจะมีมารดาอ่อนแอผู้นี้คุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาให้เสมอมา

แต่อวี่จือหลินผู้นี้กลับตอบแทนด้วยความสมเพชดูถูกมารดาอย่างไม่เคยเห็นใจสักครั้ง เพราะเธอก็รับไม่ได้กับการที่มีแม่เป็นคนใช้

นอกจากความหมกมุ่นเปรียบเทียบกับผู้อื่นตลอดมา ก็เป็นความซื่อสัตย์มั่นคงต่อกงลู่เจ๋อนักศึกษาหนุ่มอนาคตไกลที่สอบติดมหาลัยได้

ทั้งยังมีพ่อทำงานเป็นพนักงานรัฐในสำนักอุตสาหกรรมทองแดงของเมืองอิงถาน เรียกได้ว่าเป็นชายในฝันของนักเรียนทุกคนในโรงเรียนเทียนลู่

อวี่จือหลินมีหน้าตาที่โดดเด่นเหนือนักเรียนทั่วไป ย่อมไม่แปลกที่เธอจะกลายเป็นดอกไม้งามที่กงลู่เจ๋อสะดุดตา

แต่เมื่อเทียบกับเหอซูเมิ่งที่หน้าตาเรียบง่ายธรรมดาลงมาหน่อย แต่มีกิริยาที่อ่อนโยนอ่อนหวาน เป็นดั่งแม่ดอกบัวขาวที่น่าถนุถนอม ทั้งยังมีผลการเรียนยอดเยี่ยมในโรงเรียนจนกระทั่งสอบติดด้วยกัน

ที่สำคัญคือเป็นลูกข้าราชการพนักงานรัฐในสำนักอุตสาหกรรมทองแดงด้วยกัน ย่อมมีภาษีมากกว่าลูกคนใช้ที่มีแค่ความสวยคนนี้

นี่มิใช่คู่รักฟ้าประทานหรอกหรือ

กับสตรีโง่งมที่เดินตามเขาอย่างไร้สมอง เมื่อต้องตัดสินใจเลือกก็ไม่ยากเลย

อวี่จ่ง[2]ที่ถูกสายตากดดันจนอยากกลอกสายตาขึ้นไปข้างบนบ้าง

พฤติกรรมหลายอย่างของเจ้าของร่างก็ชวนให้ถูกคนเขาตามด่าจริงๆ ด้วยสตรีเช่นเจ้าของร่างเดิมที่มีแม่อ่อนแอที่ได้เข้าเรียนโรงเรียนในเมือง ไม่มีคนคอยชี้แนะย่อมไม่อาจทันเล่ห์กล แบบหมาหยอกไก่เช่นกงลู่เจ๋อ ที่เพียงอยากบริหารเสน่ห์ตัวเองเท่านั้น

เพียงได้รับคำหวานเล็กน้อยก็กลายเป็นรักฝังใจ คอยตามราวีผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้ จนผู้ชายเขาเอือมระอา ท้ายที่สุดจนมารักกับคุณหนูของตัวเองเป็นสิ่งที่เจ้าของร่างไม่อยากจะยอมรับ และเมื่อเธอต้องมาอยู่ในร่างนี้ก็ไม่อยากสนใจด้วย

หากแต่ทุกคนกลับรับรู้ว่าทั้งสองคือคู่รักชูชื่นตุนาหงัน สตรีหน้ามืดตามัวคนนี้จึงต้องกลายเป็นนังแพศยา ใฝ่สูงที่อยากแย่งแฟนของคนอื่นอย่างไม่อาจยอมรับได้

แต่คำว่า สำส่อน นั้นอวี่จ่งขอเถียงขาดใจ แม้พฤติกรรมที่ปฏิบัติต่อกงลู่เจ๋อนั้น เกินคำว่ารักนวลสงวนตัวแต่ก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์เกินเลย และที่ปล่อยให้ผู้ชายลูบคลำไปทั่ว เจ้าของร่างตัดสินใจกระโดดน้ำตายประชดชีวิตไปแล้ว ยังจะสนใจอยู่หรือว่าชายที่งมไปลากตัวเองขึ้นมานั้นเป็นใคร

อวี่จ่งผู้ยิ่งใหญ่ที่กลายมาเป็นอวี่จือหลินไร้สมองคนนี้ไปแล้ว ชะตากรรมดังกล่าวเธอคงต้องฝืนรับมันทั้งหมดเสียแล้ว

“จือหลิน ขอโทษคุณนายสิลูก”

ฟางเจินสะกิดลูกสาวที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ แน่นอนว่าเธอต้องมีความรู้สึกอับอายต่อสายตาของทุกคน แต่นี่คือลูกสาวเพียงคนเดียวที่เธอรักสุดหัวใจ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเพื่อให้คุณนายของบ้านให้อภัย และให้ที่ซุกหัวนอน เธอต้องรองรับอารมณ์ของเธอจนกลายเป็นเรื่องที่คุ้นชิน

“ไม่ต้องมาขอโทษฉัน คนที่ควรขอโทษคือลูกสาวของฉันต่างหาก ที่ต้องมาตกใจเพราะนังลูกคนใช้ชั้นต่ำอย่างเธอ”

ซ่งซูฮวาแผดเสียงใส่ด้วยคำด่าที่ไม่ซ้ำ

อวี่จ่งที่ได้ยินเสียงแล้วรู้สึกเสียดเข้าไปในหัวจนต้องย่นหน้าผาก หากแต่เมื่อกอปรบนในหน้านี้ ไม่ว่าจะขมวดคิ้วหรือย่นหน้าผากมากเพียงใดก็ยังให้ความรู้สึกงดงามชวนมอง จนน่าริษยาขัดสายตาคุณนายเหอ

“คุณนาย! เรื่องที่มันเกิดขึ้นแล้วฉันก็ไม่อยากพูดให้มันมากความ แต่ถ้าว่าฉันให้คนทั้งอิงถานได้ยินว่าตระกูลเหอมีลูกคนใช้สำส่อน แพศยา ไร้ยางอาย แล้วฉันจะทำอะไรได้ แต่คุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองที่อยู่ในวัยออกเรือน ต้องบ้านเดียวกับฉันก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอกจริงไหม”

แน่นอนว่าคุณหนูใหญ่ตัวดีของเธอย่อมเป็นเหอซูเมิ่งอายุ 20 ปี ส่วนคุณหนูรองก็คือเหอหรงซิงอายุ 17 ปีเท่ากับเธอ

เหอซูเมิ่งที่ได้ชื่อว่ามีคนรักที่เพียบพร้อมอย่างกงลู่เจ๋อแล้ว กับเหอหรงซิงที่ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องออกเรือนกับใครย่อมได้รับผลกระทบที่สุด สิ้นคำพูดของอวี่จือหลิน คุณนายย่อมมีหน้าตาน่าเกลียดจนไม่อาจระงับได้

หากสายตาฆ่าคนได้ อวี่จ่งคงได้ตายไปนับพันครั้งแล้ว

[1] เหล่าป่าน เจ้านาย, ในที่นี้หมายถึงเจ้าของบริษัท

[2] จ่ง มาจาก "จ่งไฉ" 总裁 zǒng-cái = ประธานผู้บริหาร
การใช้งานที่เป็นที่นิยมมากคือการนำแซ่มาวางไว้หน้าตัวอักษร "จ่ง" 总 zǒng
ใช้ในการเรียกขาน รูปแบบ "(แซ่) + 总 จ่ง" เช่น อวี่จ่ง = ประธานอวี่

ติชมอย่างสุภาพ ขอคอมเม้นท์ และกำลังใจ ด้วยนะคะ

ตอนที่ 2 / ประกาศ E-Book เล่ม 1

ตอนที่ 2

“ยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างไหม ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนทำเรื่องงามหน้าอย่างนี้ ทุกคนจึงต้องมาอับอายไปด้วยหรือ เหตุใดไปตายๆไปจริงๆ”

คุณนายเหอรู้สึกเหมือนแสบอยู่ในอก

“คุณนายคะ อภัยให้ลูกสาวฉันเถอะ เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมานะคะ”

ฟางเจินรู้สึกเดือดร้อนไม่พอใจทันที นอกจากท่าทางขึงขังได้ทีแรก แต่เมื่อถูกจ้องตาเพียงเสี้ยววิก็หลบลงอย่างใจเสาะเช่นเคย จนอวี่จือหลินต้องดึงมาหลบอยู่ด้านหลังแทน

“ทีแรกฉันก็อยากจะตายอยู่หรอก แต่นรกไม่ต้อนรับและส่งกลับแบบนี้จะให้ทำอย่างไรได้ ก็อย่างที่บอกว่าอดีตที่ผ่านมาฉันไม่สามารถแก้ไขมันได้ อย่างไรแม่กับฉันกับรับใช้ครอบครัวคุณนายมาตั้งนาน มานึกดีดีก็มีคุณหนูใหญ่สามารถสอบเป็นนักศึกษาในรั้วมหาลัยได้ แม้อนาคตฉันจะไม่ดีเท่าไร แต่อนาคตฉันจะคอยรับใช้ครอบครัวคุณหนูใหญ่ต่อเอง”

อวี่จ่งตั้งใจพาลไปหาทุกคนที่เกี่ยวข้อง จงใจพูดถึงข้อเสียของการมีเธออยู่ร่วมบ้านหลังนี้

ในชาติที่แล้วเธอก็สามารถยืนหยัดด้วยขาของตัวเองได้ ครั้งนี้ก็ต้องได้เช่นกัน

อีกทั้งยังย้อนกลับมาในยุคทองหลังการปฏิรูปตลาดของจีนอย่างยุค 80 กว่าครึ่งของเศรษฐีพันล้านหยวนขึ้นไปต่างมีรากฐานอันมั่งคั่งจากยุคนี้ทั้งนั้น

เธอที่มาพร้อมความทรงจำในอนาคต และชีวประวัติการสร้างตัวของเศรษฐีตั้งหลายท่าน จะขอนำมาเป็นบทเรียนสร้างเส้นทางมั่งคั่งของตัวในชาตินี้ก็แล้วกัน

แล้วครอบครัวดั่งกะลาครอบ ที่หยิ่งยโส เอาแต่ใจเช่นนี้มีสิ่งใดให้เธอเสียดายกัน

“แกนับเป็นตัวอะไรได้ อย่ามาฉุดรั้งอนาคตลูกสาวฉันนะ”

คุณนายเหอบ่นใส่ทันที แล้วเดินหนีไปเพราะไม่อยากเห็นหน้า ไม่คิดว่านังแพศยานี้จะกล้าหน้าด้านเอ่ยปากเหมือนจะเกาะติดลูกสาวของเธอ เธอยิ่งรู้สึกกลัวว่านังจิ้งจอกนี่จะยัวยวนว่าที่ลูกเขยของเธอในอนาคต แล้วลูกสาวเธอจะเจ็บช้ำใจ

ตั้งแต่นังจือหลินฟื้นขึ้นมา เธอรู้สึกว่าเริ่มรับมือกับนังเด็กคนนี้ไม่ไหว นอกจากจะไม่สะทกสะท้านแล้วยังหน้าไม่อายอีกด้วย

ที่สำคัญคือนังจิ้งจอกนี่หมายตาว่าที่ลูกเขยผู้เพียบพร้อมของเธอ จึงตัดสินใจแล้วว่าจะต้องให้สองแม่ลูกนี้ออกจากบ้านซะที

“แม่เลิกคุกเข่าและร้องไห้ได้แล้ว ต่อไปแม่ฟังหนูก็พอ”

อวี่จือหลินเดินกลับไปปิดประตูไม้พุๆ ก่อนมองมารดาที่ยังคงตามเรื่องราวไม่ทัน เพราะกำลังโล่งใจที่คุณนายของบ้านยอมกลับออกไป

โดยไม่รู้เลยว่าถูกลูกสาววางยาสร้างเรื่องเพราะอยากออกจากบ้านหลังนี้ เพื่อไม่ต้องเกี่ยวข้องกับครอบครัวนี้ในอนาคต จึงจำต้องให้ฝั่งนั้นออกปากและจัดการตัดขาดด้วยตัวเอง

“จ้ะ จ้ะ”

ฟางเจินรีบเช็ดน้ำตา พร้อมพยักหน้าติดกันหลายทีด้วยความรู้สึกแปลกไปเล็กน้อย เพราะปกติลูกสาวไม่ค่อยพูดคุยกับเธอเท่าไรนัก หลายครั้งมักมีอาการไม่พอใจ และไม่เคยสนใจว่าเธอจะเป็นอย่างไร

ผ่านไปไม่นานคุณนายเหอก็เดินกลับเข้ามา

“ฉันให้ข้าวให้ที่พัก เลี้ยงดูพวกเธอมาห้าปีแล้ว ฉันก็มีลูกสองคนที่ต้องเลี้ยงดู และต่อไปก็ไม่อาจเลี้ยงดูพวกเธอสองแม่ลูกได้อีก

ห้าปีที่ผ่านมานี้ถือว่าครอบครัวฉัน ได้เลี้ยงดูพวกเธออย่างดี แต่พวกเรายอมรับพฤติกรรมหน้าไม่อายของอวี่จือหลินไม่ได้ เช่นนั้นพวกหล่อนก็กลับครอบครัวฟางของพวกหล่อนไปซะ”

คุณนายเหอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างเอาแต่ใจไหนจะคำพูดเอาดีเข้าตัว เรื่องชั่วนั้นให้คนอื่นได้อย่างลื่นไหล ทั้งไม่อาจให้ฟางเจินได้ปฏิเสธได้ เพราะเมื่อพูดเสร็จก็เดินออกไปทันที

“คุณนาย!”

ฟางเจินร้องเรียกอย่างตกใจ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงขับไล่พวกเธอสองแม่ลูก ขณะที่กำลังจะกลับไปอ้อนวอนยอมทำงานเป็นวัวเป็นควายเหมือนทุกที กลับถูกลูกสาวฉุดดึงแขนไว้

“แม่ บ้านหลังนี้ไม่มีที่ให้เรายืนอีกแล้ว ยื้อต่อไปตอนนี้เพราะแม่ยังยอมอยู่ แต่อนาคตถ้าฉันไม่มีแม่แล้วฉันจะอยู่อย่างไร ชื่อเสียงฉันก็ไม่ดี ถ้าครอบครัวนี้โขลกสับฉันจนตายเลยจะทำอย่างไร

อีกอย่างเขาคงกลัวว่าฉันจะสร้างปัญหาให้ชีวิตคู่ของคุณหนูใหญ่ คงไม่อยากเลี้ยงงูพิษอย่างฉันไว้หรอก แม่ทำใจเถอะ”

อวี่จ่งตั้งใจโจมตีจุดอ่อนความรักของฟางเจินที่มีต่ออวี่จือหลินได้อย่างแม่นยำ ทั้งสองเก็บของอันน้อยนิดแล้วจูงมือกันออกไปจากบ้านเพื่อไปหมู่บ้านอู้หยวน และกลับไปที่บ้านตระกูลฟาง

คุณนายเหอฉีกสัญญาจ้างงานของแม่ทิ้งอย่างไม่ไยดี เพื่อตัดขาดกัน

ครอบครัวเหอทั้งหมดก็เป็นครอบครัวข้าราชการ มีเหอจวินเป็นหัวหน้าครอบครัว และมีซ่งซูฮวาเป็นคุณนายเหอ ทั้งคู่มีลูกสาวสองคนชื่อ เหอซูเมิ่ง กับเหอหรงซิง

เหอจวินทำงานในตำแหน่งหัวหน้าแผนกของสำนักอุตสาหกรรมทองแดง เหมือนกับครอบครัวของกงลู่เจ๋อ

ดังนั้นพอทั้งสองครอบครัวรู้ว่าลูกของทั้งคู่คบหากันย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดี

พอเกิดเรื่องแบบนี้ คุณนายเหอจึงกล้าใช้คำว่าบุญคุณที่เลี้ยงดูมา และขับไล่สองแม่ลูกไปอย่างไม่จำเป็นต้องเห็นใจ

ซึ่งเธอก็ไม่ได้อาวรณ์อะไรอยู่แล้ว ภายหน้าจะได้ไม่ต้องมีสิ่งใดให้ทวงถามหรือติดค้างอีก

ตั้งแต่ปี 1976 รัฐบาลเริ่มอนุญาตให้ประชาชนค้าขายส่วนตัวได้ ยอมให้ชาวนาขายผลผลิตของตนเองได้อย่างเสรี เครื่องอุปโภคบริโภคจึงมีขายในท้องตลาดมากขึ้น และตั๋วคูปองที่เริ่มเลือนหาย แต่ชนบทห่างไกลนี้ยังคงไม่เข้าใจความเจริญนี้เท่าคนเมืองนัก

ตั้งแต่ปี 1977 ท่านผู้นำได้ฟื้นฟูการสอบเกาเข่าอีกครั้ง จากปี 1949 - 1966 ที่เคยได้มีการเปิดสอบมาก่อน แต่ตลอด 35 ปี จนถึงปัจจุบัน คนในเมืองอิงถานนับไม่เกินนิ้วฝ่ามือที่จะสอบผ่านได้ ดังนั้นจึงไม่เป็นที่แปลกใจว่าเหตุใดคุณหนูใหญ่เหอของเธอ จะกลายเป็นลูกรักของครอบครัวนี้

อากาศในยุค 80 ที่ไร้พีเอม 2.5 ที่มีดัชนีคุณภาพอากาศพุ่งสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 200 ยาวนานในปีสองพันยี่สิบ บางปีเคยสูงถึงหกร้อยด้วยซ้ำ ไม่ต้องบอกว่าอวี่จือหลินนั้นรู้สึกดีมากเช่นไร

นอกจากต้องอดทนสายตาชาวบ้านรอบข้าง ที่ชี้ไม้ชี้มือนินทาเธอตลอดทาง จนหลุดพ้นเข้าหมู่บ้านอู้หยวนแล้ว ด้วยความหน้าหนาของอวี่จ่งยอมไม่ได้รู้สึกรู้สากับความคิดเห็นคนอื่นถึงเพียงนั้น

มีสิ่งเดียวที่เสียดายคือมันเผาหัวนั้นที่ไม่อาจแย่งกลับมาได้ ทำให้กว่าจะถึงหมู่บ้านอู้หยวน อวี่จือหลินก็รู้สึกคล้ายจะเป็นลมขึ้นมาจริงๆ

“อาเจิน ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้”

ชาวบ้านคนหนึ่งของหมู่บ้านอู้หยวนที่จำฟางเจินได้ร้องทัก

“พวกเราจะกลับมาอยู่ที่หมู่บ้านอู้หยวนแล้วค่ะ”

อวี่จือหลินเห็นแม่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอะไรดี จึงตอบกลับไปอย่างเป็นกันเอง ท้ายที่สุดเรื่องที่สองแม่ลูกจากครอบครัวอวี่ต้องกลับมาหมู่บ้านอู้หยวนก็ต้องถูกลือออกไปอยู่ดี

ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่ให้เธอต้องหลบซ่อน พวกเธอไม่ได้ไปขโมยของบ้านใครเขาเสียหน่อย ต่อไปอาจจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน ทำตัวเป็นมิตรไว้หน่อยจะดีกว่า

“อ้าวเหรอ ฮาฮา เดินดีดีล่ะ”

ชาวบ้านกลุ่มนั้นหัวเราะกลบเกลือนทันที เมื่อได้ยินเสียงไพเราะจากปากสวยๆนั่น ทำให้ไปไม่เป็นอยู่บ้าง แต่ได้มีสาวสวยพูดจาดีลื่นหูก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องเสียมารยาทกลับ

ฟางเจินมองลูกสาวด้วยความรู้สึกแปลกตาออกไปอย่างบอกไม่ถูก ปกติอวี่จือหลินมักทำตัวเย่อหยิ่งกับชาวบ้านทั่วไป การที่จะพูดจาตอบโต้ดีดีนั้นพบเห็นได้ยาก คาดว่าตั้งแต่รอดพ้นความตายกลับมานั้นลูกสาวเธอคงคิดได้แล้วจริงๆ

ตากับยายของอวี่จือหลินได้เสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือเพียงป้าฟางซิน พี่สาวเพียงคนเดียวของฟางเจินแม่ของเธอ

ความจริงต้องไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่สามีในเมืองอิงถาน ตั้งแต่มีเหตุการณ์แท้งลูกครั้งหนึ่งลุงเขยของเธอก็ขอแยกบ้าน และพาป้าฟางซินมาอยู่บ้านเดิมตระกูลฟาง ซึ่งก็คือหลังนี้

ไม่คิดว่าครอบครัวฟางที่ไร้ลูกชายจะมีลูกสาวสองคนกลับมาอยู่ที่บ้านเพื่อกราบไหว้หลุมศพตลอดไป

“ช่างคุณนายใจแคบคนนั้นเถอะ กลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า”

ฟางซินที่ได้ฟังเรื่องราวจากหลานสาว แม้จะได้ยินเรื่องราวมาบ้าง แต่เมื่อน้องสาวกับหลานต้องถูกไล่กลับมาอย่างนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจความใจดำของครอบครัวนั้นเช่นกัน

แต่จะให้ว่าอย่างไรได้ เขาเป็นนายจ้าง จะเลิกจ้างเมื่อไรก็เป็นสิทธิของเขา

อีกทั้งการต้องอยู่ในบ้านที่มีคนใจร้ายกดขี่ และต้องไปอาศัยอยู่บ้านเขาเป็นเช่นไร ฟางซินที่เคยประสบพบเจอย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี ขอบคุณที่สามีรักและเลือกสร้างครอบครัวด้วยกัน จนกระทั่งเธอมีลูกชายอีกครั้ง

“อี้เฉิน ทักทายน้าเจิน และพี่จือหลินหรือยัง”

ฟางซินเรียกเหมาอี้เฉิน ลูกชายวัยหกขวบของเธอ

“สวัสดีน้าเจิน สวัสดีพี่จือหลินครับ”

เหมาอี้เฉินทักทายอย่างเรียบร้อย พลางแอบมองพี่สาวจือหลินคนสวยอย่างขวยเขิน

“อี้เฉิน พี่รีบออกมาเลยไม่มีลูกอมมาฝาก อย่าโกรธกันเลยนะ”

อวี่จือหลินกล่าวอย่างเอ็นดูน้องชายขี้อายคนนี้อย่างอารมณ์ดี

“ไม่เป็นไรครับ ผมโตแล้วไม่กินลูกอม”

เหมาอี้เฉินยืดอกขึ้น เพราะไม่อยากให้พี่สาวมองเขาเป็นเด็กน้อย

“ฮาฮา”

E-Book เล่มละ 15 ตอนค่ะ

มุ่งสู่ความมั่งคั่งในยุค 80 เล่ม 1 โปรโมชัน 39 บาท ถึงสิ้นเดือนกุมภา67 ค่ะ

มุ่งสู่ความมั่งคั่งในยุค 80 เล่ม 1

ติชมอย่างสุภาพ ขอคอมเม้นท์ และกำลังใจ ด้วยนะคะ

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0