คืนวันที่ 2 กันยายน 2010 ก็เหมือนคืนทั่วไป รถด่วนสายโมริยะทะยานผ่านห้วงราตรี เหมือนตะขาบยักษ์ที่เลื้อยเข้าไปในป่าแห่งเบงกอลตะวันตก อินเดีย
พิษณุ เศรษฐา นั่งฟังเสียงล้อเหล็กเสียดรางไปตลอดทาง สองข้างทางคือความมืดของพงไพร มันคือกลิ่นของชนบทที่เขาคุ้นเคย
เขากำลังเดินทางจากเมืองรานจี เมืองหลวงของรัฐจาคัน เจ็ดกิโลเมตรจากสถานีต้นทาง ไปเมืองโกรักปุระ โดยรถด่วนสายโมริยะ ระยะทาง 847 กิโลเมตร
เขาอายุสามสิบห้า เป็นทหารกุรข่าในกองทัพบกอินเดีย กองพันที่ 7 สังกัดกองกำลังกุรข่าที่ 8 เขาเป็นทหารมาหลายปีแล้ว ผ่านสงครามและสมรภูมิและงานพิเศษต่าง ๆ
เขาเกิดที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในภาคตะวันตกของเนปาล หลังจากเขาทำงานในกองทัพ ก็พาครอบครัวย้ายมาที่เมืองโพคระ
เป็นเวลาใกล้เที่ยงคืน เขากำลังเคลิ้มหลับ ขณะที่ขบวนรถมุ่งใกล้เมืองจิตตะรันจัน ในเขตเบงกอลตะวันตก พลันรถไฟหยุดกะทันหัน กระชากผู้โดยสารเซคะมำไปข้างหน้า เขาลุกขึ้น สัญชาตญาณของเขาบอกว่าบางสิ่งไม่ชอบมาพากล ปกติรถไฟไม่หยุดกะทันหันกลางที่รกร้างเช่นนี้
เขาได้ยินเสียงตะโกนเอะอะโวยวาย ไม่นานก็เห็นชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ขึ้นมาบนขบวนรถ ทุกคนถืออาวุธทั้งมีดและปืน เขารู้ทันทีว่านี่เป็นการหยุดขบวนรถไฟเพื่อปล้นชิงทรัพย์
โจรราวสี่สิบคนปลดทรัพย์สินผู้โดยสาร เงินสด นาฬิกา สร้อย เครื่องประดับ ไม่มีใครคิดต่อสู้
พิษณุรู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะขัดขืน จึงยอมให้โจรปลดทรัพย์สินไป
▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪
โจรหลายคนเดินไปหยุดที่หญิงสาววัย 17-18 คนหนึ่ง เป็นหญิงสาวหน้าตาดี โจรลากตัวเธอออกมา พ่อแม่เธอร้องห้าม พิษณุรู้ทันทีว่าโจรกำลังจะข่มขืนหมู่เด็กสาวต่อหน้าทุกคน เด็กสาวตกใจ ร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีพลเมืองดีสักคนคิดขยับตัวช่วย
ใครเล่าจะสู้กับฝูงโจรอาวุธครบมือ ?
พิษณุรู้ว่าหากไม่ทำอะไรสักอย่าง ชีวิตที่เหลือของเขาคงจมใต้ความละอายใจ
ทหารกุรข่ามีภาษิตว่า ตายดีกว่าเป็นคนขี้ขลาด
ตลอดประวัติศาสตร์ยาวนานของกองทัพอินเดีย ทหารกุรข่าได้ชื่อว่าเป็นพวกไม่กลัวตาย อย่าว่าแต่ 1 ต่อ 40 หนึ่งต่อร้อย ก็ไม่กลัว
ประสาทของเขาคืนสู่สภาวะนิ่งสนิท ประสบการณ์เผชิญข้าศึกมาหลายปีทำให้เขารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
1 ต่อ 40 แปลว่าเขาพลาดไม่ได้
การตัดสินใจสู้กับโจรหลายสิบคนหมายถึงอันตรายถึงชีวิต เดิมพันด้วยความตาย
ในเมื่อต้องตาย ก็ต้องลงมือแบบเฉียบขาดและฉับพลัน
1 ต่อ 40
เขาชักมีดคูกูรีออกมาจากย่ามช้า ๆ เป็นมีดโค้งประจำตัวทหารกุรข่า
เขาลุกขึ้น ปราดเข้าหาโจรราวสายฟ้า เขากระชากร่างทรชนที่กำลังจะข่มขืนหญิงสาวออก มีดในมือปาดร่างนั้นให้บาดเจ็บ แล้วล็อกตัวโจรคนนั้นเป็นโล่กำบัง หันไปพิฆาตโจรคนถัดไป
มีดคูกูรีตวัดออก เลือดทะลัก ทรชนคนที่สองล้มลง
1 ต่อ 39
คราวนี้เหล่าโจรรู้ตัว หันมาจัดการเขา
เขากวาดตามองศัตรูทั้งหมด นาทีนี้ไม่มีความกลัวตาย เขารู้ว่าไม่พวกโจรก็เขาต้องสิ้น
แต่ถ้าจะต้องตาย ก็ขอจัดการพวกโจรให้มากคนที่สุด
พิษณุประเมินแล้วว่า พื้นที่แคบ ๆ ของตู้รถไฟ ซึ่งมีเก้าอี้ขวางกลับเป็นจุดดีสำหรับเขา เหล่าทรชนไม่สามารถบุกใส่เขาจากทุกด้านพร้อมกัน เขาสามารถเปลี่ยนพื้นที่คับแคบของตู้รถไฟเป็นจุดได้เปรียบ เกราะมนุษย์ทำหน้าที่แหวกวงรบ เพียงแต่การขยับตัวต้องคำนวณมั่นเหมาะและไม่พลาด
โจรคนหนึ่งแทงมีดใส่เขา แต่ในชั่วแวบเดียว คมมีดก็พุ่งไปปักใส่โล่มนุษย์ โจรที่เขาล็อคคอไว่ส่งเสียงร้องดัง เหล่าโจรลังเลที่จะแทง เพราะเกรงจะถูกเพื่อนของตน
ใครคนหนึ่งยิงปืนใส่เขา แต่กระสุนพลาดเป้า เขาถีบทรชนคนหนึ่งเซไปชนชายคนนั้น หลายคนล้ม แล้วคมมีดก็พุ่งวาบ
1 ต่อ 38
โจรอีกคนหนึ่งแทงเขา อีกครั้งคมมีดไปปักบนโล่มนุษย์
เขารุกต่อ ทำร้ายทรชนอีกหลายคน หลายคนตกใจ เพราะไม่ใช่คู่มือระดับเขา
แต่ละนาทีผ่านไป การต่อสู้ประชิดดำเนินไปอย่างเข้มข้น ทั้งสองฝ่ายใช้มีดและดาบสั้นเป็นอาวุธ ตะลุมบอนกัน เสียงหวีดร้องของผู้โดยสารบางคนถูกเสียงร้องของทรชนกลบ ผู้โดยสารทุกคนตกใจต่อภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า
เหล่าโจรต้องการกำจัดเขาให้เร็วที่สุด แต่เขาไม่ใช่หมูรอให้เชือด กุรข่ารุกไม่หยุด ทุกคมมีดที่ตวัดออก มีเลือดทรชนติดมาด้วย เหล่าโจรคาดไม่ถึงว่าผู้โดยสารจะสู้ ยิ่งคาดไม่ถึงว่าผู้โดยสารคนนี้มีฝีมือระดับนี้
ในจังหวะหนึ่ง ทรชนคนหนึ่งฟันดาบใส่แขนซ้ายของเขา เลือดทะลัก แต่มันไม่อาจหยุดเขา คมมีดในมือกุรข่าตวัดกลับ ร่างนั้นล้มหงายตึง
1 ต่อ 35
เขาหลบคมมีดของอีกฝ่ายอย่างหวุดหวิด ตวัดคูกูรีออกไป
1 ต่อ 34
ในนาทีแห่งความเป็นความตาย ชีวิตวัดกันที่ขนาดของหัวใจ
เขาสู้เพื่อรักษาหลักการ โจรสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
คมมีดทะลวงฟันไม่หยุดยั้ง เขารุกคืบขณะที่พวกโจรถอยกรูด ทว่าถึงจุดจุดหนึ่ง มีดคูกูรีของเขาก็หลุดจากมือ กลุ่มโจรยึดตัวเขาบนพื้น และใช้มีดของเขาเองฟันเขา เลือดไหลปรี่
เลือดของเขา
อาวุธ มือ และเท้าของเหล่าโจรประเคนใส่เขาไม่ยั้ง แต่กุรข่าดิ้นหลุด และสู้ต่อไป
1 ต่อ 30
1 ต่อ 29
หลังจากฆ่าโจรตายไปสามคน บาดเจ็บแปดคน เหล่าโจรก็ตัดสินใจถอยหนี
รถไฟเคลื่อนต่อไปที่สถานีถัดไป ตำรวจจำนวนหนึ่งรอพวกเขาอยู่แล้ว
ทหารกุรข่าถูกนำส่งโรงพยาบาล ใช้เวลาสองเดือนรักษาแขนซ้ายจนหาย
▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪
ตำรวจตามล่าจับโจรได้หกคน ได้ของกลาง เงินสด นาฬิกา โทรศัพท์มือถือหลายสิบเครื่อง พร้อมปืนสองกระบอก กระสุน มีด
ครอบครัวหญิงสาวมอบเงินจำนวนมากให้พิษณุ แต่เขาปฏิเสธ
เขามิได้กระทำเพื่อเงิน
หน้าที่ของทหารคือปกป้องแผ่นดิน แต่หน้าที่ของเขาบนรถไฟขบวนนั้นคือปกป้องมนุษยธรรม
เขากล่าวภายหลังว่า “ผมเป็นทหาร และได้เงินเดือนเพื่อปกป้องประชาชน ผมนั่งอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไร”
เรื่องบางเรื่องมิอาจไม่กระทำ
เรื่องบางเรื่องถึงต้องตาย ก็ต้องกระทำ
บางครั้งการพิทักษ์สันติราษฎร์ก็ต้องใช้คมมีดและเลือด
หมายเหตุ
พิษณุ เศรษฐา ได้รับเหรียญกล้าหาญ Sena Medal และ Uttam Jeevan Raksha Padak
▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪
วินทร์ เลียววาริณ
เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/
ติดตามบทความใหม่ ๆ จากวินทร์ เลียววาริณ ได้ทุกวันจันทร์ บน LINE TODAY
ความเห็น 13
adulmr
ยอดคนครับ
ยิ่งอ่านถึงตอนที่ปฏิเสธไม่ยอมรับเงินที่ครอบครัวหญิงสาวมอบให้
ผมถึงกับน้ำตาซึม
น่านับถือ
07 ก.ย 2563 เวลา 04.08 น.
ผมคิดว่าเป็นเรื่องราวที่ให้ข้อคิดที่ดีมากเลยครับ เพราะว่าเป็นการสื่อให้ได้รู้ถึงในเรื่องของการใช้สติ ปัญญาและความสามารถเท่านั้นที่จะช่วยทำให้ผ่านพ้นกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นมาไปได้ด้วยดี.
07 ก.ย 2563 เวลา 05.15 น.
T "curse my name"
เคยอ่านมาก่อนหน้านี้ ต้องยอมรับในมโนธรรมของเขาอย่างยิ่งครับ นับถือครับ
07 ก.ย 2563 เวลา 05.50 น.
✌✌😘😘
07 ก.ย 2563 เวลา 00.06 น.
KZ Warrior
1/40 ... ด้วยมีดเล่มเดียว
ใจโคตรใหญ่ ... นี่ จอห์น วิค ยังต้องยกมือไหว้
07 ก.ย 2563 เวลา 10.52 น.
ดูทั้งหมด