โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

แบบทดสอบบุคลิกภาพ MBTI คืออะไร มารู้จักความถนัด 4 ชุดและบุคลิกภาพ 16 แบบกัน

StartDee

อัพเดต 10 พ.ย. 2564 เวลา 13.57 น. • เผยแพร่ 10 พ.ย. 2564 เวลา 13.57 น. • StartDee

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการล็อกดาวน์หรือเปล่า หนุ่ม ๆ สาว ๆ ทั้งวัยเรียนและวัยทำงานต่างหันมาสนใจเกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะการค้นหาตัวตน ทำให้แบบทดสอบบุคลิกภาพ MBTI กลายเป็นสิ่งฮอตฮิตติดลมบน (ขนาด Lisa วง BlackPink ก็ยังทำแบบทดสอบเลยนะ !) วันนี้ StartDee จึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จัก MBTI ความถนัดทั้ง 4 ชุด และบุคลิกภาพทั้ง 16 แบบกัน

MBTI คือ ศาสตร์ที่มุ่งเน้นให้ตัวเราเข้าใจตัวเองและผู้อื่น จากประเภทของบุคลิกภาพที่ต่างกัน ด้วยชุดความถนัดของบุคลิกภาพ 4 ชุด ได้แก่

  • ความถนัดด้านการได้รับพลังงาน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ความถนัดจากการรับพลังงานจากโลกภายนอก (ใช้ตัวย่อ E = Extraverting) และความถนัดจากการรับพลังงานจากโลกภายใน (I = Introverting)
  • ความถนัดด้านการรับรู้สิ่งต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 2 แบบได้แก่ ความถนัดด้านการรับรู้จากประสาทสัมผัสทั้งห้า (ใช้ตัวย่อ S ย่อมาจาก Sensing) และความถนัดในการมองความเป็นไปได้ในอนาคต (ใช้ตัวย่อ N ย่อมาจาก Intuiting) 
  • ความถนัดด้านการตัดสินใจ แบ่งออกเป็น 2 แบบได้แก่ ความถนัดด้านการใช้ตรรกะและการคิดวิเคราะห์ (ใช้ตัวย่อ T ย่อมาจาก Thinking) และความถนัดในการตัดสินใจโดยใช้ค่านิยมส่วนตัวและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้อื่น (ใช้ตัวย่อ F ย่อมาจาก Feeling)
  • ความถนัดด้านไลฟ์สไตล์ แบ่งออกเป็น 2 แบบได้แก่ ความถนัดด้านการตัดสินใจและการทำสิ่งต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นลง (ใช้ตัวย่อ J ย่อมาจาก Judging) และความถนัดด้านเฟ้นหาทางเลือก (ใช้ตัวย่อ P ย่อมาจาก Perceiving)

โดยรวมแล้วเราสามารถนำตัวอักษร E/I, S/N, T/F และ J/P มาเรียงต่อกัน เกิดเป็นบุคลิกภาพทั้งหมด 16 แบบ แต่ก่อนอื่น เราจะขอพูดถึงความถนัดทั้ง 4 ชุดกันก่อน

ความถนัดชุดที่ 1 Extraverting VS Introverting

ใคร ๆ ก็มักมองว่าคนเป็น Extravert นั้นต้องร่าเริงแจ่มใส ชอบพบปะผู้คน มีงานโรงเรียนทีไรเสนอตัวช่วยตลอด แล้วก็มักจะเป็นเด็กกิจกรรมที่เป็นจุดเด่นของห้องอยู่เสมอ ในขณะที่คนที่เป็น Introvert จะดูหงอย ๆ ไม่ค่อยชอบพูดชอบคุย เก็บตัว ดูมีภาพลักษณ์เป็นเด็กเรียนเด็กเนิร์ด แม้ว่าการตัดสินจากบุคลิกภาพแบบนี้อาจไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ได้ถูกทั้งหมด ดังนั้น เราจึงอยากชวนทุกคนมาสะท้อนตัวตนของตัวเอง ด้วยคำถามปลายเปิดด้านล่างนี้เลย ลองเขียนคำตอบลงในกระดาษดูนะ

คำถาม : ต้องล็อกดาวน์ในช่วงโควิด 19 ระบาดแบบนี้ คุณรู้สึกอย่างไร

เขียนคำตอบเรียบร้อยแล้ว ลองมาเช็กดูดีกว่า ว่าคุณเป็นแบบไหนมากกว่ากันระหว่าง

A) ดีจัง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปเรียนหรือไปทำงาน คอยดูนะจะนอนตื่นสาย ๆ เลย แต่เอ…นอนนาน ๆ ก็เบื่อเหมือนกันนะ อ่านการ์ตูนกับเล่นเกมก็แล้วแต่ก็ยังเบื่ออยู่เลยอ่ะ งั้น Video Call หายายจุ๊บจิ๊บหน่อยดีกว่า จะแชตคุยเรื่องงานมันต้องเห็นหน้ากันนิดนึงป่ะ อยากออกไปตีแบด ไปชอปปิง กินหมูทะ หรือขอแค่ไปเดินวัตสันหน้าปากซอยก็ยังดี คิดถึงแม่ค้าขายยำแถวนั้นด้วยอ่ะ อยากคุย

และ

B) จริงๆ แล้ว WFH หรือเรียนออนไลน์นี่ก็น่าเบื่อเหมือนกันนะ ขี้เกียจเปิดกล้องให้คนอื่นมาดูอ่ะ ให้ไปออฟฟิศหรือโรงเรียนนั่งมุมเงียบ ๆ แอบมองคนนู้นคนนี้ก็สนุกดี แต่อย่างน้อย…ได้อยู่บ้านก็ทำให้มีเวลาพักระหว่างวันมากขึ้น ไม่ต้องทักทายคนอื่นทั้งวัน ได้มีเวลาออกกำลังกายด้วย จะได้มีหุ่นแซบ ๆ (ก็ไม่ได้คิดจะเอาให้ใครดูหรอกนะ ขอดูกล้ามท้องตัวเองในกระจกก็พอ)  

 

ถ้าคุณเลือก A) คุณมีแนวโน้มจะมีความถนัดแบบ Extraverting สังเกตได้จากการต้องการรับพลังงานจากโลกภายนอก ทั้งการ Video Call หาเพื่อน การออกไปเห็นสีสันและความคึกคักต่าง ๆ หรือแม้แต่การฟังแม่ค้าขายยำพูดเรื่อยเปื่อย ต่างก็ช่วยชาร์จพลังงานได้ทั้งนั้น…คนที่เลือก A) ขอให้เขียนตัว E ตัวใหญ่ ๆ ลงไปในกระดาษได้เลย

แต่ถ้าคุณเลือก B) คุณมีแนวโน้มที่จะมีความถนัดแบบ Introverting สังเกตได้จากการโฟกัสอยู่ที่ตัวเอง ยิ่งได้อยู่กับโลกภายในของตัวเอง ได้ใส่หูฟังฟังเพลงแล้วคิดใคร่ครวญอยู่คนเดียว หรือแม้แต่การออกกำลังกาย ก็ถือเป็นการชาร์จพลังจากโลกภายในของตัวเองได้เช่นกัน…คนที่เลือก B) ขอให้เขียนตัว I ตัวใหญ่ ๆ ลงไปในกระดาษได้เลย

 

และหากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าคนที่ถนัดแบบ Extraverting ไม่ได้หมายความว่าต้องพูดคุยอยู่ตลอดเวลา ในบางโอกาสก็ต้องการการพักผ่อนนอนหลับเช่นเดียวกัน ในขณะที่คนที่ถนัดแบบ Introverting ก็ไม่ใช่คนที่เอาแต่หมกตัวอยู่บ้าน แต่สามารถเข้าสังคมได้บ้าง เพียงแต่ต้องการชาร์จพลังงานด้วยการอยู่คนเดียว

 

ความถนัดชุดที่ 2 Sensing VS Intuiting

ความถนัดชุดนี้อาจดูสับสน และแยกออกจากกันยากหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง เรามาทดสอบง่าย ๆ ด้วยรูปภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Amelie ด้านล่าง หลังจากนั้นให้จดสิ่งที่เราเห็นจากภาพลงในกระดาษ

จากนั้นลองมาเช็กคำตอบกันดูว่าคุณเลือกตอบแบบไหนมากกว่ากัน ระหว่าง

A) โคมไฟสีฟ้าเด่นมากกกกก เอ…ตัวหนังสือในกระดาษมันอ่านว่าอะไรนะ บนโต๊ะมีกระดาษ 4 แผ่น มีกาว UHU ผู้หญิงถือกรรไกรด้วย เอ๊ะ ๆ มีเทปกาวด้วยนี่นา

และ

B) เดี๋ยวผู้หญิงคนนี้จะต้องตัดกระดาษแน่นอน มีแผนทำอะไรบางอย่างหรือเปล่านะ สีหน้านางดูมุ่งมั่นแปลก ๆ ประหลาด ๆ แต่ไม่ได้ไปในทางร้าย แต่ถ้าฉันเป็นผู้หญิงคนนี้ นี่ต้องเป็นนิยายแย่ ๆ จนฉันอยากตัดทิ้งแน่ ๆ ส่วนโทนของภาพก็ดูตื่นเต้น ลุ้นดีอยู่เหมือนกัน

หากคุณเลือก A) เพราะมองรายละเอียดปลีกย่อยของรูปภาพก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือสี มีแนวโน้มว่าคุณจะมีความถนัดแบบ Sensing คือการรับข้อมูลผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งเป็นข้อมูลที่อยู่ในโลกของความจริง มองเห็น ได้ยิน ลิ้มรส สัมผัส และดมได้ จึงมักสนใจสิ่งที่เป็นรูปธรรมอย่างเหตุการณ์ปัจจุบัน สภาพอากาศ ผลการเลือกตั้ง แฟชั่น อาหาร เป็นต้น เรียกว่าชอบอะไรตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม คนที่เลือกข้อนี้ ให้เขียนตัวอักษร S ต่อท้ายตัว E หรือ I ที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ได้เลย

แต่หากคุณเลือก B) มีแนวโน้มว่าคุณจะมีความถนัดแบบ Intuiting ที่ใส่ใจเรื่องความเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกัน จริงๆ แล้วคุณก็เห็น กรรไกร กระดาษ กาวแบบคนกลุ่ม Sensing นั่นแหละ แต่จะมีความสามารถในการคาดการณ์ล่วงหน้าหรือตีความว่าผู้หญิงในภาพมีจุดประสงค์หรือมีความหมายแฝงอะไร รวมไปถึงสังเกตสีหน้าท่าทางของผู้หญิงในภาพด้วย อาจเรียกได้ว่า เป็นการอ่านความหมายที่ซ่อนอยู่ในรูปภาพก็ได้ หรืออาจเป็นการคิดไปไกลกว่าสิ่งที่รูปภาพบอก เพื่อน ๆ คนไหนที่เลือกข้อนี้ ให้เขียนตัวอักษร N ต่อท้ายตัว E หรือ I ที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ได้เลย

อย่างไรก็ตาม ทั้งคนที่มีความถนัดแบบ Sensing และ Intuiting ต่างก็มีจุดอ่อนด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีใครเก่งกว่าใคร กลุ่ม Sensing อาจละเลยความหมายแฝงจนทำให้พลาดโอกาสบางอย่าง หรือตกที่นั่งลำบากจากการไม่ได้สนใจสัญชาตญานของตัวเองก็ได้ รวมไปถึงอาจใส่ใจรายละเอียดมากเกินไปจนเกินพอดี เช่น เลือกพิมพ์งานใหม่ทั้งเล่ม เพราะหัวข้อในหน้าที่ 4 ไม่ได้เป็นตัวอักษรหนาเหมือนหน้าอื่น ๆ เป็นต้น ส่วนกลุ่ม Intuiting อาจใช้ความถนัดด้านการตีความและมองภาพรวมจนกลายเป็นการคิดเองเออเองได้ รวมถึงอาจกลายเป็นคนฝันกลางวัน จนไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างด้วย

นอกจากนั้น การค้นหาตัวเองสำหรับความถนัดคู่นี้ ยังต้องใช้เวลาและการสังเกตทั้งพฤติกรรมและแรงจูงใจของตัวเองเป็นระยะเวลานาน แถมผู้ที่มีความถนัดแบบ Intuiting ยังมีสัดส่วนที่น้อยกว่าผู้ที่มีความถนัดแบบ Sensing เป็นอย่างมาก (ในสหรัฐอเมริกา มีผู้ที่ถนัดแบบ Sensing ถึง 65-70%) จึงทำให้ผู้ที่ถนัดด้าน Intuiting ถูกกล่อมเกลาแกมบังคับจากสังคมโดยรวมให้ใช้ความถนัดแบบ Sensing บ่อย ๆ อีกด้วย ดังนั้น ภาพเพียงแค่ภาพเดียวอาจบอกไม่ได้ว่าคุณถนัดแบบไหน การสังเกตตัวเองจึงบ่อย น่าจะช่วยให้คุณรู้จักตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

 

ความถนัดชุดที่ 3 Thinking VS Feeling

ความถนัดชุดนี้ค่อนข้างแยกได้ไม่ยากนัก ซึ่งเราจะวัดด้วยคำถามปลายเปิดอีกเช่นเคย เตรียมกระดาษกับปากกาให้พร้อม

คำถาม : หากมีบริษัท 2 แห่งรับคุณเข้าทำงานพร้อมกัน คุณจะใช้เกณฑ์อะไรบ้างในการตัดสินใจเลือก

เมื่อตอบเรียบร้อยแล้ว มาเช็กดูกันว่า เพื่อน ๆ เป็นแบบไหนมากกว่ากันระหว่าง

A) ต้องดูข้อดีและข้อเสียของแต่ละบริษัทก่อนเลย เดี๋ยวจะลองเช็กดูว่าที่ไหนผลประกอบการดีกว่า นอกจากนั้นต้องดูสถานที่ทำงานด้วยนะว่าอยู่ใกล้หรือไกล แต่ที่สำคัญที่สุดต้องดูด้วยว่าจะช่วงส่งเสริมความก้าวหน้าในการทำงานของเราหรือเปล่า

และ

B) ต้องลองคาดการณ์ดูว่าที่ไหนกันนะที่เหมาะกับเรา ถ้าบริษัทอบอุ่นเหมือนครอบครัว พนักงานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็คงดี นอกจากได้งานแล้ว อาจจะได้เจอเพื่อนใหม่ด้วย 

 

หากคุณเลือก A) มีแนวโน้มที่คุณจะใช้ความถนัดแบบ Thinking ซึ่งก็คือการใช้ตรรกะและการคิดวิเคราะห์ โดยใช้ความรู้สึกส่วนตัวให้น้อยที่สุด สังเกตได้จากการประเมินบริษัทด้วยข้อดีข้อเสีย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึกนะ (อกหักก็เสียใจอยู่…ฮือ) คุณแค่มองว่า การใช้อารมณ์ความรู้สึก มาตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง น่าเชื่อถือน้อยกว่าการใช้ตรรกะเท่านั้นเอง คนที่เลือกข้อนี้ เขียนตัวอักษร T ตามหลังตัวอักษรที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ได้เลย

แต่ถ้าคุณเลือก B) มีแนวโน้มที่คุณจะใช้ความถนัดแบบ Feeling ซึ่งไม่ได้หมายถึงคนที่ใช้อารมณ์ตลอดเวลา หรือทำอะไรตามใจตัวเองแบบโนสนโนแคร์ แต่แค่ใช้ค่านิยมส่วนตัวในการตัดสินใจเลือก ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสมกับนิสัย หรือสิ่งแวดล้อมที่ตนเองชอบ เพื่อน ๆ ที่เลือกข้อนี้ เขียนตัวอักษร F ตามหลังตัวอักษรที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ได้เลย

 

อย่างไรก็ตาม ตามค่านิยมที่มีมาทุกยุคทุกสมัย เรามักมองกันว่าผู้ชายนั้นคิดในเชิงตรรกะเก่งกว่า ส่วนผู้หญิงใช้อารมณ์ความรู้สึกมากกว่า ดังนั้นหนุ่ม ๆ ที่มีความถนัดในแบบ Feeling (ซึ่งตามสถิติแล้วมีจำนวนน้อยกว่าหนุ่ม ๆ แบบ Thinking มาก) อาจถูกมองว่าเหยาะแหยะ ไม่เข้มแข็ง ในขณะที่สาว ๆ ที่มีความถนัดแบบ Thinking อาจถูกมองว่าก้าวร้าว ไม่น่ารัก (ซึ่งตามสถิติแล้วมีจำนวนน้อยกว่าสาว ๆ แบบ Feeling มาก) ทำให้ในบางครั้งคนกลุ่มที่ถือว่าเป็นส่วนน้อยนี้ ต้องพยายามปรับตัวให้เป็นไปตามมาตรฐานคนทั่วไป จนบางครั้งอาจหลงลืมไปว่าตัวเองถนัดแบบไหนกันแน่

 

ความถนัดชุดที่ 4 Judging VS Perceiving

สำหรับความถนัดชุดสุดท้ายนี้ เราคิดว่าน่าจะตอบกันได้ง่าย เพราะเกี่ยวข้องกับการส่งงานให้หัวหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำกันบ่อย ๆ อยู่แล้ว แถมคราวนี้เป็นคำถามปลายปิด ไม่ต้องมานั่งเขียนด้วย

คำถาม : ถ้าหัวหน้าสั่งรายงานชิ้นหนึ่งที่ใช้เวลาทำ 1 วันเต็ม เพื่อให้คุณทำเป็นเวลา 3 วัน คุณจะเลือกทำตั้งแต่ วันแรก วันที่ 2 หรือวันสุดท้าย (และสมมติมีงานเดียวนะ ไม่มีงานอื่น ๆ แทรกเลย)

 

หากคุณเลือก

A) ลุยทำงานตั้งแต่วันแรก หรือวันที่สอง คุณมีแนวโน้มที่จะมีความถนัดแบบ Judging ซึ่งมักทำสิ่งต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และมักจะรู้สึกสบายใจเมื่อได้ตัดสินใจไปแล้ว คนที่มีความถนัดแบบนี้มักไม่ชอบอะไรคาราคาซัง และคงไม่สามารถสบายใจ ลอยชายไปมาอยู่ได้ถ้างานที่รับผิดชอบยังไม่เสร็จเสียที นอกจากนั้นยังชอบคำตอบที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ถ้าคนกลุ่มนี้เจอคนที่แอบชอบมาให้ความหวังแบบลม ๆ แล้ง ๆ แต่ไม่ยอมตัดสินใจคบกันเสียที คนกลุ่มนี้จะผลักดันจนได้คำตอบ จะคบหรือไม่คบก็บอกมา ! ซึ่งบางครั้งก็ถูกมองว่าเป็นคนเคร่งครัด ไม่ยืดหยุ่น และน่าเบื่อเอามาก ๆ เลยล่ะ ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นคนกลุ่มนี้ ให้เติมตัวอักษร J ลงไปเป็นตัวสุดท้ายได้เลย

B) แหม…อย่าเครียดเลยน่า ทำวันสุดท้ายก็ได้ คนที่มักทำงานใกล้ Deadline มีแนวโน้มที่จะมีความถนัดแบบ Perceiving แต่ไม่ใช่ว่าเพื่อน ๆ เป็นคนไม่เอาการเอางานนะ หลาย ๆ คนมาทำวันสุดท้าย แต่ออกมาดีมากก็มี การที่คุณมาทำงานเอาวันท้าย ๆ อาจเกิดจากการที่ชอบเปิดรับทางเลือกหลาย ๆ ทางก่อนมากกว่า ซึ่งในบางครั้ง ลักษณะนิสัยนี้อาจทำให้พลาดอะไรไปบ่อย ๆ เพราะสายเกินกำหนดไปแล้ว ถ้าคุณคิดว่าตัวเองเป็นคนกลุ่มนี้ ให้เติมตัวอักษร P ลงไปเป็นตัวสุดท้ายได้เลย

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าคนที่มีความถนัดแบบ Judging เป็นคนหุนหันพลันแล่น และรีบตัดสินใจเพื่อให้งานเสร็จสิ้นอยู่ตลอดเวลา คนกลุ่มนี้อาจใช้การคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือรวบรวมผลดีผลเสียสักระยะเวลาหนึ่งก่อนตัดสินใจก็ได้ สิ่งสำคัญที่จะบอกคุณได้ว่าคุณเป็นคนกลุ่มนี้ คือความรู้สึกโล่ง เมื่อได้ตัดสินใจหรือทำอะไรเสร็จสิ้นไปแล้วนั่นเอง ในขณะที่กลุ่ม Perceiving อาจรู้สึกสบายใจมากกว่าที่ได้มีทางเลือกต่าง ๆ อยู่กับตัวโดยที่ไม่ได้ถูกกดดันให้รีบตัดสินใจ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้อง “เลือก” คนกลุ่มนี้ก็สามารถเลือกได้อย่างสบายใจเช่นกัน

นอกจากนั้น  ในแต่ละพื้นที่ทั่วโลก ต่างก็ให้ความสำคัญกับความถนัดคู่นี้ต่างกัน อย่างเช่นญี่ปุ่นหรือสหรัฐอเมริกา อาจให้ความสำคัญกับความถนัดแบบ Judging มากกว่า เพราะให้ความสำคัญกับการตรงต่อเวลาและความรับผิดชอบต่อสิ่งต่าง ๆ ในขณะที่ประเทศในแถบละตินอเมริกากลับมองว่าผู้ที่มีความถนัดแบบ Judging นั้นตึงเครียดเกินไป

เอาล่ะ เมื่อเรารู้แล้วว่าตัวอักษรทั้ง 4 ตัวของเรามีอะไรบ้าง คราวนี้ก็ถึงเวลาทำความรู้จักกับบุคลิกภาพ 16 แบบกันแล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วรายละเอียดเยอะมาก แต่เราขอเสนอแบบย่อ ๆ แล้วกันนะ

ENTJ : ผู้บัญชาการ >> ทักษะการสื่อสารดี มีพลังงานและประสิทธิภาพ สามารถวิเคราะห์สิ่งที่เป็นนามธรรมได้เป็นอย่างดี เก่งด้านการวางแผน เป็นผู้นำที่ถนัดทั้งบู๊และบุ๋น แต่อาจมั่นใจในตัวเองจนเกินไป จนไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง และอาจจะเกรี้ยวกราดใส่คุณได้

ENTP : นักโต้วาที >> ฉลาดเฉลียวและมีวิสัยทัศน์ คิดและตัดสินใจได้รวดเร็ว มักตั้งคำถามและชอบการโต้แย้ง จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาพัฒนาสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น แต่อาจขี้เบื่อ และด้วยความที่ชอบการโต้แย้งและการเอาชนะ จึงอาจทำร้ายความรู้สึกผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ

INTJ : นักออกแบบ >> สนใจใคร่รู้ เด็ดขาด มักมีกลยุทธ์หรือแผนการ (รวมถึงแผนสำรอง) อยู่ในหัวเสมอ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดได้ มีความอดทนสูง แต่มักเก็บงำความรู้สึกและเรื่องต่าง ๆ ตัดสินคนอื่น และหยิ่งยโส ตัวร้ายในหนังและวรรณกรรมมักมีบุคลิกประเภทนี้

INTP : นักตรรกะ >> ช่างคิด มีความคิดสร้างสรรค์ มองเห็นภาพรวมของสิ่งที่เกิดขึ้นและมักแสวงหาทางออกของแก้ปัญหาได้ไม่เหมือนใคร พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ แต่อาจจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่สามารถอธิบายความคิดตนเองให้คนอื่นฟังได้ และไม่อดทนต่ออารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ 

บนซ้าย - ENTJ (Doctor Strange) บนขวา - ENTP (Captain Jack Sparrow) ล่างซ้าย - INTJ (Katniss Everdeen) ล่างขวา - INTP (Bruce Banner / The Hulk)
บนซ้าย - ENTJ (Doctor Strange) บนขวา - ENTP (Captain Jack Sparrow) ล่างซ้าย - INTJ (Katniss Everdeen) ล่างขวา - INTP (Bruce Banner / The Hulk)

ENFJ : ผู้นำ >> เป็นผู้นำที่มีเสน่ห์ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองออกมาได้ดี เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นพัฒนาตัวเองได้เป็นอย่างดี แต่อาจไว้วางใจคนอื่นมากเกินไป ไม่สามารถแยกแยะระหว่างความรู้สึกและปัญหาที่เกิดขึ้นจริงได้

ENFP : นักรณรงค์ >> เก่งด้านปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น จินตนาการสูง และเปิดกว้างพร้อมรับความคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ มีอิสระและเป็นตัวของตัวเอง เก่งด้านการมองหาความหมายที่ซ่อนอยู่ แต่อาจอารมณ์ขึ้นลงได้ง่าย เครียดง่าย อาจทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากได้

INFJ : ผู้แนะนำ >> มีอุดมคติที่มาพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะทำให้เป็นจริง เก่งในการเข้าถึงหัวใจของปัญหา สุขุมนุ่มลึกและอ่อนโยนแต่ก็จริงใจและตรงไปตรงมา แต่อาจหลงลืมตัวเอง ก้าวเลยขีดจำกัดของตัวเองมากเกินไป และไม่สามารถยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบได้

INFP : ผู้ไกล่เกลี่ย >> มองโลกในแง่ดี สื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างถ่องแท้ เป็นคนที่ผู้คนมักอยากอยู่ใกล้เพราะรู้จักเสียสละ อีกทั้งยังประสานความขัดแย้งได้อย่างยอดเยี่ยม แต่อาจสูญเสียตัวตนได้ง่าย ชอบเก็บเรื่องต่าง ๆ มาคิดมาก โทษตัวเอง และโลกสวยจนเกินไป

บนซ้าย - ENFJ (Daenerys Targaryen) บนขวา - ENFP (Spider-Man) ล่างซ้าย - INFJ (John Snow) ล่างขวา - INFP (Frodo Baggins)
บนซ้าย - ENFJ (Daenerys Targaryen) บนขวา - ENFP (Spider-Man) ล่างซ้าย - INFJ (John Snow) ล่างขวา - INFP (Frodo Baggins)

ESTJ : ผู้บริหาร >> เป็นผู้นำที่สามารถนำพาทุกคนผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ ทุ่มเทและซื่อสัตย์ จัดวางระบบได้ดี ทำงานอย่างหนักเพื่อผู้อื่นอยู่เสมอ แต่อาจยึดติดกับความคิดของตัวเอง ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง และให้ความสำคัญกับสถานะทางสังคมมากเกินไป

ESFJ : ผู้ให้คำแนะนำ >> เป็นนักปฏิบัติที่ยินดีช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ มีจริยธรรมแต่ก็เป็นกันเอง พร้อมแก้ปัญหาด้วยความอบอุ่นและเข้าใจ แต่อาจเจ็บปวดเมื่อไม่มีคนเห็นค่าในสิ่งที่ตัวเองทำ และอาจสนใจความรู้สึกคนอื่นจนหลงลืมตัวเอง

ISTJ : นักคำนวณ >> ซื่อสัตย์และเป็นที่พึ่งพาได้ มีความรับผิดชอบ เฉียบแหลมและทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ จึงถนัดการตรวจสอบสิ่งผิดปกติต่าง ๆ และเป็นตัวของตัวเองสูง แต่อาจประสบปัญหาในการแสดงออกทางอารมณ์หรือความรัก ดื้อรั้น และไม่กล้าออกนอกกรอบ

ISFJ : ผู้ตั้งรับ >> มีเมตตาแต่ก็สามารถปกป้องครอบครัวและเพื่อนฝูงได้ และแม้จะชอบความมั่นคงแต่ก็เปิดกว้างและยอมรับความเปลี่ยนแปลง จึงสามารถเข้าสังคมได้ดีและไว้ใจได้ แต่มักไม่กล้าปฏิเสธ ไม่ให้ความสำคัญกับตัวเอง และอาจดื้อเงียบ

บนซ้าย - ESTJ (Boromir) บนขวา - ESFJ (Monica Geller From FREINDS) ล่างซ้าย - ISTJ (Hermione Granger) ล่างขวา - ISFJ (Captain America)
บนซ้าย - ESTJ (Boromir) บนขวา - ESFJ (Monica Geller From FREINDS) ล่างซ้าย - ISTJ (Hermione Granger) ล่างขวา - ISFJ (Captain America)

ESTP : มีอารมณ์ขัน เป็นศูนย์กลางของความสนใจ อยู่กับปัจจุบัน แม้จะกระตือร้อล้นและก็สงบนิ่งเมื่ออยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย ไม่มีอคติจึงสามารถสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ รอบตัวได้ถูกต้องแม่นยำ แต่อาจชอบเสี่ยงมากเกินไป และแหกกฎเกณฑ์อยู่บ่อยครั้ง

ESFP : ผู้มอบความบันเทิง >> สนุกสนานเป็นกันเอง มีทักษะทางสังคมสูง มีรสนิยมแต่ก็มีความสุขได้ง่าย มักเป็นคนแรกที่เข้าไปช่วยปลอบใจผู้ที่มีปัญหา และให้คำแนะนำที่ปฏิบัติตามได้จริง แต่กลับหนีปัญหาเมื่อเป็นเรื่องของตัวเอง อาจละเลยหน้าที่และความรับผิดชอบ

ISTP : ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ >> เป็นนักลงมือปฏิบัติ และเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมได้ดี สงสัยใคร่รู้และช่างสังเกต ยุติธรรม จัดลำดับความสำคัญและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี แต่อาจเป็นคนตลกร้าย ไม่ชอบการผูกมัดและกฎระเบียบ และคาดเดาพฤติกรรมได้ยาก

ISFP : นักผจญภัย >> ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และสภาพแวดล้อมได้ดี กระตือรือล้น ช่างสังเกตและไวต่อความรู้สึก มีเสน่ห์ เห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ แต่อาจละเลยการวางแผนเพื่ออนาคต ขาดความมั่นใจหรือไม่ก็เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางไปเลย

บนซ้าย - ESTP (Rocket) บนขวา - ESFP (Jack Dawson From Titanic) ล่างซ้าย - ISTP (James Bond) ล่างขวา - ISFP (Beatrix Kiddo From Kill Bill)
บนซ้าย - ESTP (Rocket) บนขวา - ESFP (Jack Dawson From Titanic) ล่างซ้าย - ISTP (James Bond) ล่างขวา - ISFP (Beatrix Kiddo From Kill Bill)

จบกันไปแล้วกับบุคลิกภาพทั้ง 16 แบบพร้อมตัวอย่าง หวังว่าอาจจบแล้ว ทุกคนจะสามารถค้นหาตัวตนของตัวเอง และพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้นนะ นอกจากนั้น อย่าลืมว่าแม้ว่าบุคลิกภาพตามแบบฉบับ MBTI จะมีอยู่ 16 แบบ แต่ทุกคนที่บุคลิกภาพแบบเดียวกัน ก็มักจะมีความต่างกันอยู่บ้าง ไม่ได้เหมือนกันเป๊ะ ๆ ทั้งหมด เพราะฉะนั้น อย่าเหมารวมพฤติกรรมของตัวเองและคนใกล้ตัวจนเกินไปล่ะ 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0