โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดอก!“ไก่ ขอนแก่น”หนุ่มวัย33ปีเลิกยาบ้าได้เด็ดขาดเพราะ“กัญชา”

Manager Online

เผยแพร่ 29 พ.ย. 2565 เวลา 07.06 น. • MGR Online

ศูนย์ข่าวขอนแก่น-หนุ่มขอนแก่นวัย 33 ปี ยอมเปลือยชีวิตตัวเองว่าเสพติดยาบ้าอย่างหนักตั้งแต่ อยู่ ม.2 ชีวิต

ทำงานในผับตั้งแต่หัวค่ำยันรุ่งสาง แต่ด้วยความบังเอิญเมื่อคืนหนึ่งหายาบ้าเสพไม่ได้ต้องหันไปเสพกัญชาโดยยัดไส้มวนเป็นบุหรี่สูบแทนเพื่อให้หายลงแดง นับแต่คืนนั้นทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยน เลิกยานรกได้เด็ดขาด ปัจจุบันนอกจากปลูกผักออแกนิกส์ขายแล้วยังเป็นเปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์อีกด้วย

นายพงษ์พัฒน์ นามูลน้อย หรือชื่อเล่น “ไก่” ชาวบ้านบ้านหัวถนน ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ปัจจุบันอายุ 33 ปี เล่าว่าเขาเริ่มเสพยาบ้าตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.2 ด้วยนิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบเที่ยว ชอบแสงสียามค่ำคืน จึงสมัครเข้าทำงานรายได้พิเศษในร้านเหล้าชื่อดังกลางเมืองขอนแก่น คือร้านปาร์ตี้เฮ้าส์ ทำงานเป็นเด็กส่งอาหาร เข้างานตั้งแต่ 18.00 น.จนถึงตีสองตีสามบางวันถึง6โมงเช้า ทำงานด้วยดื่มเหล้าด้วย แล้วต้องไปเรียนหนังสือต่อ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาก เพื่อนในร้านที่เสพยาอยู่แล้วแนะนำให้กินยาบ้า ตัดสินใจลองดู และตั้งใจว่าจะลองครั้งเดียว

โดยครั้งแรกกินแค่ 1 ขา (เศษ1ส่วน4เม็ด) รู้สึกกระปรี่กระเปร่า มีแรงทำงาน ไม่ง่วงนอน แต่พอหมดฤทธิ์ยาในวันรุ่งขึ้นแล้ว อาการเหนื่อยล้าก็กลับมาเหมือนเดิม ก็เลยลองกินอีก ก็สดชื่น คึกคัก มีพลังในการทำงานได้ทั้งคืน

หลังจากนั้นต้องกินเป็นประจำไปโดยปริยาย และนับวันยิ่งเสพหนักขึ้น จากวันละ 1 ขาเพิ่มเป็น2 ขา จนกินวันละเม็ด เพราะร่างกายมันดื้อฤทธิ์ยา เพิ่มมากสุดกินถึง 4 เม็ดต่อวันและในที่สุดเมื่อใช้ยาบ้า มากขึ้น เงินรายได้ก็ไม่พอใช้ พอดีกับได้เลื่อนขั้นเป็นระดับหัวหน้างานในร้าน จึงผันตัวเป็นผู้ขายไปด้วย เพื่อจะได้มียาเสพ ขายให้กับลูกน้อง พนักงานในร้าน รวมถึงลูกค้าในผับด้วย ช่วงนั้นประมาณปี 2547-2548 ยาบ้าราคาเม็ดละ 400-500 บาท

นายพงษ์พัฒน์บอกว่าเมื่อเสพหนักขึ้น วันละ 2-3 เม็ดหรือบางวันต้องอัดถึง 4 เม็ด ความรู้สึกนึกคิด เริ่มจะเบลอๆ ไม่รู้จักตัวเอง ไม่มีความคิดอะไร อยู่ไปวันๆ หนังสือก็ไม่ไปเรียน ร่างกายทรุดโทรมหนัก นิสัยก้าวร้าวมาก หงุดหงิดง่าย เห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด ใครมองหน้าไม่ได้ ต้องเข้าไปหาเรื่องทุบตีเขา

“ช่วงที่เสพหนัก วันละหลายเม็ดนั้น เพื่อนๆและคนใกล้ชิด ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตนมีอาการเปลี่ยนไปมาก บางวันเสพถึงวันละ 3-4 เม็ด ร่างกายเริ่มดื้อยาไปเรื่อยๆ สภาพร่างกายและอารมณ์เปลี่ยนไปมาก อารมณ์รุนแรง จากคนใจดี กลายเป็นคนก้าวร้าว ที่เลวร้ายหนักสุด เมื่อเสพยาแล้วกินเหล้าตามด้วย จะทำให้กล้าทำในสิ่งที่คนทั่วไปไม่กล้าทำ ในลักษณะทำแบบประชดตัวเอง ทำรุนแรงใส่ตัวเอง เช่น ปีนเสาไฟฟ้า เป็นพฤติกรรมของคนเสพยาบ้าแล้วกินเหล้าทั้งนั้น “

นายพงษ์พัฒน์หรือนายไก่ เล่าถึงเหตุที่มาของการได้มีโอกาสลองเสพกัญชาว่า….มุมมองของวัยรุ่นสมัยนั้น ใครที่ติดกัญชาจะถูกมองว่าเป็นคนติ๊งต๊อง ปัญญาอ่อน เป็นพวกเด็กไม่มีพลัง ไม่เก๋า แต่กลับมองคนที่ติดยาบ้า ที่มีอาการดีด ว่าเท่ เป็นคนกล้า แต่มีช่วงหนึ่งที่รัฐบาลขณะนั้นมีการปราบยาบ้าหนัก ไม่สามารถหายาบ้าได้ง่ายๆ มีอยู่วันหนึ่งหายาไม่ได้ เสี้ยนยาหนักมากถึงขั้นจึงมีอาการลงแดง ปากสั่น ซีด มือสั่น เหมือนจะตายให้ได้ เพื่อนในร้านที่สูบกัญชา เห็นอาการของตนแล้ว จึงทักบอกว่า…มาลองดูดกัญชาด้วยกันไหม.. จึงลองสูบกัญชาที่พันใส่มวนบุหรี่ที่เพื่อนยื่นให้

พอดูดกัญชาจากมวนบุหรี่ไปได้สักพัก ปรากฏว่า อาการลงแดง ความอยากยา มือสั่น ปากแห้ง ค่อยๆหาย และคลายออกไปหมดเลย อาการเหมือนล่องลอย ตัวเบา แต่มีความรู้สึกอยากกินน้ำ จากนั้นเพื่อนจึงเอาน้ำโค้กมาให้ดื่ม ดื่มเข้าไปแล้วรู้สึกได้ว่าเป็นน้ำโค้กที่อร่อยมากๆ ซึ่งคือจุดเปลี่ยนของตัวเองครั้งใหญ่ ผนวกกับช่วงนั้นไม่สามารถหายาบ้าได้เป็นระยะนานมากกว่า 2 สัปดาห์ จึงลองหันมาสูบกัญชาแทนแค่วันละมวนบุหรี่ หรือบางครั้งก็สูบเป็นบ้อง ความอยากยาบ้าหายไปเลย ไม่นึกถึงมันอีกเลย

นายพงษ์พัฒน์บอกอีกว่าผลจากการมาสูบกัญชาปรากฏว่า จากร่างกายที่ซูบผอมทรุดโทรม ก็กลายเป็นคนกินข้าวอร่อย กินได้มากขึ้น ร่างกายสมบูรณ์ สติเริ่มกลับมา ที่สำคัญช่วงที่สูบกัญชานั้น ความคิดในสมองจะเริ่มกลับมาคิดทบทวนพฤติกรรมของตัวเองย้อนหลัง ไปถึงช่วงที่เป็นทาสยาบ้า ว่าเงินทองสูญเสียไปมากมายกับมัน มีความคิดไตร่ตรองได้ละเอียดลึกซึ้งมาก มองเห็นโทษของยาบ้า จนไม่อยากกลับไปเสพอีก ขณะเดียวกันกัญชาก็ช่วยให้ตนเล่นดนตรี ได้ละเอียดกว่าช่วงปกติด้วย ถือเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก

“การใช้กัญชาก็เพียงสูบบุหรี่วันละมวนแค่นั้น ซึ่งช่วงที่สูบและกัญชาออกฤทธิ์ จะทำให้คิดย้อนทบทวนและหาทางปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น จะเกิดความคิดจินตนาการถึงชีวิตที่ดีขึ้น สร้างสิ่งที่ไม่เคยคิดได้มาก่อน แม้กระทั่งคำกลอน คำพูดที่ดี ก็คิดออกมาได้ ไม่ใช่เพ้อฝัน แต่ช่วงนั้นมีสติครบ สามารถคิดในสิ่งที่ดี เรื่องที่ดี ในช่วงนั้นได้” ไก่เล่าถึงช่วงสูบมวนกัญชา

นายพงษ์พัฒน์กล่าวยืนยันว่า ตนได้สติกลับมาเพราะกัญชาแท้ๆ เมื่อสติกลับมาแล้ว ได้วิธีการคิดใหม่ ได้ชีวิตใหม่ คิดถึงอนาคตที่จะทำข้างหน้า ต่อมาตนก็เลยหันมาทำฟาร์มปลูกผักสวนครัว มีงาน มีรายได้เข้ามา และมองถึงสุขภาพของตัวเอง รักตัวเองมากขึ้น เปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น ชีวิตมีเป้าหมายและทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้

เขาบอกว่าอาการเมายาบ้า กับเมากัญชา ว่าแตกต่างกันมาก ที่มีคนบอกว่าเสพกัญชาแล้ว เป็นคนไม่ดี นิสัยก้าวร้าว ทำร้ายคนอื่น เอามีดไปฟันคน เมากัญชาแล้วปีนต้นไม้ ปีนเสาไฟฟ้า เป็นเรื่องที่โกหกมาก ไม่รู้จริง จากประสบการณ์ตนที่เคยเสพกัญชามา ยืนยันว่าไม่มีอาการพวกนั้น และเมื่อไปถามกับคนผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านในชุมชนที่เคยเสพกัญชาก็บอกว่า ไม่มีโอกาสที่คนเมากัญชาไปจะฆ่าฟันคนอื่นแน่ มีแต่ความนิ่มนวล มีความกลัว ความง่วง แต่เมายาบ้าก็เหมือนที่รู้และเป็นข่าวรายวัน คือไม่มีสติ ใจกล้า ก้าวร้าวกับคนใกล้ชิด ที่ร้ายสุดคือทำร้ายคนในครอบครัว

นายพงษ์พัฒน์บอกอีกว่า หลังจากเลิกเสพยาบ้าแล้ว ช่วงอายุประมาณ 18-19 ปีก็กลับไปเรียน กศน. เพื่อให้จบวุฒิมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ติดยาบ้า เหมือนตกนรก เพื่อนหนีหาย เรียนไม่จบ เหมือนชีวิตเสียเวลาไปเยอะ หลังจากนั้นเมื่อเรียน กศน.จนจบ ม. 3 เริ่มอยากจะสร้างชีวิตใหม่ รู้จักชีวิตของตัวเองจริงแล้ว แต่การเรียนคงให้จบแค่ม.3 เพราะส่วนตัวชอบรู้จากชีวิตภายนอกห้องเรียนมากกว่า ซึ่งตนขอยืนยันว่า ตนเลิกเสพยาบ้าได้นั้นก็เพราะกัญชา 100%

นอกจากตนที่ใช้กัญชามาแก้ปัญหาติดยาบ้าได้แล้ว ตนยังทำให้เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ติดยาบ้าอย่างหนัก สามารถเลิกติดยาบ้าได้ด้วยกัญชา จากคนที่มีปัญหาทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจ ปัจจุบันสามารถเลิกเสพยาบ้า ได้ทำงานในบริษัทเอกชนชื่อดังที่มั่นคง เป็นคนดีของพ่อแม่ และครอบครัว ซึ่งนโยบายการใช้กัญชาทางการแพทย์นั้น ตนเห็นด้วยและสนับสนุนเต็มที่ ที่พูดอย่างนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองใดใด แค่ห่วงการเข้าถึงกัญชาในกลุ่มเด็กและเยาวชนอาจจะง่ายเกินไปจนกลายเป็นโทษต่อเด็กมากกว่า

ทุกวันนี้ ไก่หรือนายพงษ์พัฒน์นอกจากมีร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ในศูนย์อาหารคอมเพล็กซ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว เขายังปลูกพืชผักสวนครัวออแกนิกส์ส่งขายตามร้านอาหารในชื่อ “เดินวนฟาร์ม” กลายเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรปลอดสารประจำชุมชนไปแล้วที่หลายหน่วยงานหลายโรงเรียนพากันไปศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0