30 มีนาคม 2568 จากเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ที่ประเทศพม่า ส่งให้ภาคเหนือและภาคกลาง ของประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานคร รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน หลายพื้นที่ได้รับความเสียหายโดยเฉพาะอาคารสูง โดยเฉพาะเหตุตึกถล่ม ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ย่านจตุจักร มีคนงานเสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมาก เมื่อบ่ายวันที่ 28 มีนาคม 2568
นอกจากนี้ อีกจุดที่หลายคนเป็นห่วง คือโรงพยาบาล ที่เป็นตึกสูงและมีผู้ป่วยแอดมิดอยู่ หลายแห่งได้รับผลกระทบและความเสียหาย โดยพบว่ามีทั้งแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก เล่าถึงเหตุการณ์ และการช่วยเหลือคนไข้ระหว่างเกิดเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งต้องชื่นชมในความเป็นหมออย่างแท้จริง แม้จะเกิดเหตุการณ์อันตรายที่ไม่คาดคิด แต่หมอก็ไม่ทิ้งคนไข้
โดยเพจเฟซบุ๊ก เรียนหมอ เช็กอินอยู่ที่โรงพยาบาลลำปาง โพสต์ภาพคุณหมอให้คนไข้เป็นหญิงสูงวัย ขี่คอเดินลงบันไดลงจากตัวอาคารที่ปรากฏภาพความเสียหายชัดเจน ผนังปูนแตกร้าว ปูนกะเทาะกระจายเกลื่อน พร้อมข้อความระบุว่า “ในจังหวะหนีตาย หมอแบกคนไข้ลงตึกมาด้วย ตบมือให้ดังๆๆ หมอไทยคือที่ 1
แล้วดูสภาพตึก ปูนร่วงเต็มเลย เหตุการณ์จริงน่ากลัวมาก แต่ยังไม่ทิ้งคนไข้ สามีเพื่อนแกวเอง ยกมือชูป้ายไฟ น่ารักมากเลยอ่ะ คุณหมอถวัลย์ xxxxx หมอศัลยกรรม โรงพยาบาลลำปาง จริงๆอยากจะแปะรูปคุณหมอลงแบบชัดๆ แต่คุณหมอเป็นxxxx เลยไม่ก้าวล้ำความเป็นส่วนตัว ถ้าใครเจอที่ไหน ทักเบาๆนะคะ”
อีกโพสต์ จากเพจเฟซบุ๊ก พบหมอเต้ ของ พ.ต.ท.นพ.ภาคภูมิ เตชะขะวนิชกุล หน่วยมะเร็งนรีเวช กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม รพ.ตำรวจ โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “เมื่อแผ่นดินไหว …มันน่ากลัวดีครับ ใจสั่นไปหมดเลย ตึกหยุดสั่นแล้ว มือกับใจยังสั่นอยู่เลย เพราะไม่เคยเจอมาก่อน เลยอยากจะขอเล่าผ่านตัวอักษรครับ
ประมาณบ่ายโมง ผมกำลังอยู่ในห้องประชุม ขณะที่แพทย์ประจำบ้าน ผู้ซึ่งผมเป็นที่ปรึกษา เธอกำลังนำเสนอ ผลงานโครงร่างวิจัยอย่างเข้มข้นอยู่นั้น ก็มีเสียง “ปั้ง ปั้ง ปั้ง” สักสามถึงสี่ครั้ง ออกจากเพดานห้องประชุม ทันใดนั้น ผมก็รู้สึกเวียนศีรษะ มีความรู้สึกโครงเครง จึงลุกขึ้นยืน พบว่ายืนแล้วเซเล็กน้อย
พร้อมกันนั้น มีรุ่นพี่รีบเดินออกมาจากห้องด้านในถัดไปอีกห้องหนึ่ง พร้อมตะโกนว่า… “แผ่นดินไหว รีบออกจากตึก”… ขณะนั้น ผมและทุกคนในห้องประชุมพยายามรีบเอาตัวออกจากตึกให้เร็วที่สุด โดยรีบเดินไปที่บันไดหนีไฟ ที่เราเดินกันอยู่ทุกวี่วัน แต่วันนี้นั้น มันไม่เหมือนเดิม ผู้คนพยายามวิ่งบ้าง เดินเร็วบ้าง เกาะราวบันไดบ้าง บ้างก็ช่วยกันพยุงลงจากบันได กันอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะขยับตัวไหว
ผมลงมาถึงชั้นล่างสุด และออกจากตึกมาได้ อาจารย์รุ่นพี่ท่านหนึ่ง ดึงแขนผมและพูดว่า “ออกไปให้ห่างจากตัวตึกนะเต้” ผมจึงรีบเดินไปให้อยู่ในที่โล่งที่สุดและไกลจากตึกที่สุด
…เดินไปเกือบๆจะถึงทางเลี้ยวออกหน้าโรงพยาบาล ก็มีโทรศัพท์เข้ามา ปลายสายเป็นอาจารย์วิสัญญีที่เคารพรักขึ้นมาบนหน้าจอมือถือ ว่ามีสายเรียกเข้า ผมรับสาย เสียงปลายสายนั้น เป็นเสียงชายหนุ่มทุ้มๆ ซึ่งผมเพิ่งจะพูดคุยด้วย หลังจากผ่าตัดเสร็จไปในช่วงเช้า
เสียงในสายพูดว่า “อาจารย์เต้ ออกไปจากโรงพยาบาลแล้วหรือยังครับ รบกวนขึ้นมาช่วยผ่าตัดคลอดที่ชั้น 5 ได้ไหมครับ จะได้เสร็จไว เพราะตอนนี้ แพทย์ประจำบ้านกำลังผ่าตัดอยู่”
ในใจก็คิดว่าเอาไงดี ภาพในหัวที่ปรากฏขึ้น คือ ภาพในข่าว ที่คนติดอยู่ภายใต้ซากตึกที่ถล่มลงมา แต่ก็คิดต่อไปอีกว่า “เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”
ผมจึงหยุดเดินและวิ่งสวนทางกลับ วิ่งไปคิดว่าเร็วกว่าตอนลงมาเสียอีก วิ่งกลับเข้าตึก ชั้น 1 เริ่มไม่มีคนแล้ว พอไปถึงบันไดหนีไฟ ผู้คน เจ้าหน้าที่และผู้ป่วย ก็กำลังทยอยออกมาจากตึก มีเสียงพูดจากผู้คนที่ผมวิ่งสวนทางไปว่า “อาจารย์เต้ไปไหน” “อาจารย์เต้ไปทางนี้” “ลงครับ ออกด้านนี้”
พอผมขึ้นไปถึงชั้น 5 ตอนนั้น ด้านนอกห้องผ่าตัดไม่มีคนแล้ว ผมวิ่งเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด หยิบเสื้อคลุม และเดินเข้าไปยังห้องผ่าตัดห้องที่ 4 พบว่าแพทย์ประจำบ้านกำลังผ่าตัดเพื่อทำคลอดทารกอยู่ คุณพยาบาลที่รักท่านหนึ่ง เดินมาแล้วพูดว่า “เข้าเคสเลยนะคะ” ผมพยักหน้า แล้วเข้าเคสไปช่วยผ่าตัด ขณะผ่าตัดนั้น ก็ยังมีความโครงเครง และตึกยังโยกอยู่บ้างเบาๆ
การผ่าตัดราบรื่นดี มารดาและทารกปลอดภัย หลังจากผ่าตัดเสร็จในไม่นาน เราก็วิ่งอีกรอบเพื่อลงจากตึก
เมื่อวิ่งแบบช้าๆลงมาตรงบันไดหนีไฟทางเดิม พบว่า มีผู้ป่วยที่ผมเพิ่งผ่าตัดมดลูกให้กับเธอไปเมื่อเช้า นั่งอยู่ตรงทางเชื่อมชั้น 4 เพราะญาติๆของเธอได้พยายามอุ้มเธอลงมาแต่ เพราะหลายชั้น จึงหยุดพัก
ผมผู้ซึ่ง adrenaline หลั่งพุ่งพล่านมาก จึงขออาสาช่วยเหลือแบกเธอขึ้นหลัง และพาเธอลงมาได้อย่างปลอดภัย แล้วเราก็มาดูแลกันต่อด้านนอก โชคดีว่า after shock ไม่รุนแรง และความร่วมมือร่วมใจของคนในโรงพยาบาล มีให้กันอย่างมากมาย เราจึงผ่านเหตุการณ์อันน่าตื่นตระหนก ที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นในเมืองไทยครั้งนี้มาได้
จอบอ #พบหมอเต้ ปล ขออนุญาตนำภาพของแพทย์ประจำบ้านท่านหนึ่งที่โพสต์ในไอจีมาประกอบครับ
โดยมีคนเข้ามาคอมเมนต์ชื่นชมจำนวนมาก
โดยหมอเต้ ตอบในคอมเมนต์ ด้วยว่า “ขอบพระคุณทุกท่านครับ เริ่มจากความร่วมแรงร่วมใจของทุกคน และความอดทนของผู้ป่วยทุกท่านครับ ถึงผ่านกันมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนตัวผมเอง เป็นจุดเล็กๆมากในเหตุการณ์ครั้งนี้ครับ
ตอนนั้นในใจคิดว่า แพทย์ประจำบ้านเขามาเรียน เขาควรรับความเสี่ยงแต่พอประมาณ ถ้าเขาเสี่ยง ในฐานะที่ผมเป็นคนดูแล ก็ควรไปช่วยจัดการ และการผ่าตัดคลอดนั้น ถ้าเริ่มไปแล้วก็ต้องรีบทำต่อจนเสร็จ เพราะอาจจะเสียเลือดมากได้ ถ้าจะกล่าวให้เห็นภาพ 1 นาที เลือดของเราอาจจะหายไปครึ่งขวดน้ำเกลือได้เลยครับ
ทั้งหมดนี้เลยเป็นเหตุที่ว่า ไม่ว่ายังไง ก็คงต้องกลับขึ้นไปช่วย เป็นไงเป็นกันครับ แต่ก็ยังคิดลึกๆแบบประมาทๆนิดๆว่า ถ้าตึกถล่มคงจะถล่มไปแล้ว งั้นมันไม่ถล่มละแหละ เลยฮึบแล้ววิ่งกลับครับ”