ในทางสถิติ
เด็กผู้ชายมีโอกาสเป็นออทิสติก
มากกว่าเด็กผู้หญิง ๔ เท่า
หมายความว่า ถ้าขาดการกระตุ้นดีๆ
เด็กชายจะสร้างกำแพงกั้นโลกส่วนตัวขึ้นมา
หนาแน่นกว่าเด็กหญิงมาก
.
ผู้ชายมีโอกาสพูดติดอ่าง
มากกว่าผู้หญิงประมาณ ๓ ถึง ๑๐ เท่า
หมายความว่า ทักษะการถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองคิด
ผู้หญิงน่าจะดีกว่าผู้ชายโดยธรรมชาติ
.
ในทางวิทยาศาสตร์
ผู้หญิงแยกเฉดสีได้ดีกว่าผู้ชาย
นั่นหมายความว่าถ้าไม่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ
ผู้หญิงจะเห็นความงามได้เร็ว และประณีตกว่าผู้ชาย
แต่สมองของชายจะทำงานเกี่ยวกับความเข้าใจภาพรวม
โดยไม่สนรายละเอียดหยุมหยิมได้ดีกว่า
.
เปลือกสมอง ซึ่งมีเนื้อเยื่อสีเทานั้น
ของผู้หญิงจะหนากว่าของผู้ชาย
ขณะที่หลายพื้นที่สมอง
ของผู้ชายจะใหญ่กว่าของผู้หญิง
อันนี้ยังถกเถียงกันอยู่ว่า
จะเรียกเป็น ‘ความแตกต่าง’ ได้ไหม
ในเมื่อฟังก์ชั่นการทำงานของสมองก็เหมือนๆกัน
ไม่ต่างจากที่ตับไตไส้พุงทำงานเหมือนกันโดยไม่เกี่ยงขนาด
.
ในทางสังคม
หญิงชายเป็นเพื่อนกันยาก
เพราะกลัวมีเรื่องชู้สาวมาเกี่ยว
แต่เป็นศัตรูกันง่าย
เพราะถูกแบ่งข้างให้เป็นคนละพวกกันตั้งแต่เกิดแล้ว
พิสูจน์ได้โดยดูแนวโน้มทั่วไป
ประเภท ยิ่งอยู่กับคู่ครองนานขึ้นเท่าไร
โอกาสไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดอะไรยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
นั่นเพราะเกิดกำแพงทิฐิมานะกั้นหูหนาขึ้นทุกขณะ
ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอม ก็กลายเป็นขี้ข้า
ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ก็กลายเป็นศัตรู
ที่จะต่างฝ่ายต่างยอม คงต้องเป็นตัวละครหลังข่าว
.
เอ้า!
หญิงชายเป็นเพื่อนกันยาก
หญิงชายเป็นศัตรูกันง่าย
แต่หญิงชายก็โหยหากันและกันสุดชีวิตมิใช่หรือ?
นั่นแปลว่าพวกเราถูกธรรมชาติกลั่นแกล้ง
ให้ต้องทนทุกข์ทนร้อนแบบไม่มีทางหลีกเลี่ยงกระมัง?
.
ในทางพุทธ
เราหันสิ่งที่เหมือนกันเข้าหากัน เพื่อปรับจูนกันได้
สิ่งนั้นได้แก่ ‘จิต’
เพราะจิตเป็นสิ่งที่ไม่มีเพศ
เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้สึกถึงจิตที่ปรับไปในทิศทางเดียวกัน
ก็จะรู้สึกเรียบง่าย เหมือนได้อยู่กับตัวเอง
ไม่ใช่อยู่กับคนอื่นที่เป็นคนละพวกน่าอึดอัด
.
การเอาชนะความต่างระหว่างเพศ
ให้ได้ผลจริงแบบพุทธนั้น
ไม่ใช่เปลี่ยนภาวะเพศสภาพทางกายให้เหมือนกัน
ไม่ใช่เปลี่ยนรสนิยมในการฟังเพลงให้ตรงกัน
ไม่ใช่เปลี่ยนวิธีพูดเร็วช้าให้เสมอกัน
แต่เป็นการศรัทธาความดีที่เหนือกว่าชีวิตแบบเดียวกัน
มีใจเดียวมั่นคงอยู่ในกันและกันไม่วอกแวก
มีน้ำใจคิดช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันอย่างเป็นสุข
และการรู้จักคิดรู้จักพูด แบบที่คุยกันรู้เรื่องได้ทุกเรื่อง
.
ที่สำคัญ คือ ไม่ใช่แกล้งทำแป๊บๆ
แต่ต้องช่วยกันก่อร่าง
สร้างรากฐานความเหมือนกันนั้น
ตั้งแต่ก่อนจะตกลงปลงใจครองเรือนกัน
.
สรุปโดยย่นย่อ
จะเป็นญาติ จะเป็นเพื่อน จะเป็นคู่ครอง
ถ้ามีศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาไปในทางเดียวกันแล้ว
ก็จะรู้สึกเหมือนมีดวงอาทิตย์ขึ้นในชีวิตคู่
ที่ดูเด่น สว่าง และกระจ่างเกินข้อแตกต่างหยุมหยิม
แสงอาทิตย์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวนั้น จะส่องให้เห็นถนัดว่า
ความต่างภายนอกเป็นเพียงเปลือก
ความเหมือนภายในต่างหากที่เป็นแก่น!
.
ความเห็น 6
Tui of Earth
จากที่อ่านเข้าใจว่า หญิงชายถูกออกแบบมาให้ต่างกันเพียงภายนอก "ความแตกต่างภายนอกเป็นเปลือก
ความเหมือนภายในต่างหากที่เป็นแก่น" ชอบคำนี้
30 พ.ย. 2562 เวลา 17.35 น.
Yong
จิตที่เป็นกลางตั้งมั่นดีแล้วนี่แหละเป็นแก่นของชีวิตผู้ที่ฝึกฝนอบรมจิตให้เข้าถึงแก่นจึงเหมือนกันทั้งด้านความเห็นและความคิดจะไปในทางกุศลได้แก่เห็นชอบหรือสัมมาทิฏฐิคิดชอบหรือสัมมาสังกัปปะอันนี้คือโลกุตตรปัญญาที่เกิดจากความเป็นหนึ่งที่เรียกว่าจิตหนึ่งคือพุทธะ
01 ธ.ค. 2562 เวลา 03.35 น.
Weerasak
คำสั่งสอนของทุกศาสนา หากเข้าใจก็เหมือนได้สูตรยาชั้นดี แต่หากไม่ปรุงยาและใช้ตามสูตร โรคที่เป็นอยู่ก็ไม่มีทางหาย รู้คำสอนมากมายแต่ไม่ปฏิบัติฉันใด ก็เข้าไม่ถึงธรรมฉันนั้น
01 ธ.ค. 2562 เวลา 06.21 น.
Rainny L.(อิมกึมบี)🌦
โลกทางกายภาพทำให้มีความแตกต่างอย่างชัดเจน ทั้งนี้รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยทุกอณูไม่เว้นแม้แต่ความนึกคิด ดังนั้นจึงมักมีคำกล่าวเชิงพุทธศาสตร์ว่า หนึ่งห้วงคิดคำนึงทำให้เป็นได้ทั้งพุทธะและมาร ความนึกคิดนั่นแหละคือเกิดจากการเข้าถึงธรรมหรือไม่ ความนึกคิดนั้นเป็นการปรุงแต่งของจิตที่พลิกผันไปตามสิ่งที่มากระทบและการเข้าถึงธรรมชาติอันเป็นความจริงแท้ ทั้งที่ความจริงแท้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจแบ่งแยกความแตกต่างได้เลย นั่นคือจิตเดิมแท้ของทุกสรรพชีวิต
01 ธ.ค. 2562 เวลา 10.15 น.
เอาจริงๆนะ ผู้หญิง กับ ผู้ชายแตกต่างกันมาก ถ้าเป้าหมายชีวิตไม่ได้อยากแต่งงาน หรือมีลูก คบเพศเดียวกันก็ตอบโจทย์ ทำอะไรได้เหมือนผู้หญิงทุกอย่าง รับรอง!!!
30 พ.ย. 2562 เวลา 23.30 น.
ดูทั้งหมด