โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

รวมหนังดราม่า "ต้องเสียน้ำตา" สักครั้งในชีวิต บน Netflix (ตอนที่ 1)

BT Beartai

อัพเดต 22 ก.ย 2563 เวลา 09.25 น. • เผยแพร่ 21 ก.ย 2563 เวลา 22.55 น.
รวมหนังดราม่า “ต้องเสียน้ำตา” สักครั้งในชีวิต บน Netflix (ตอนที่ 1)
รวมหนังดราม่า “ต้องเสียน้ำตา” สักครั้งในชีวิต บน Netflix (ตอนที่ 1)
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ในช่วงนี้ Netflix ได้จัดโปรแกรมหนังดราม่าที่สนใจในหลาย ๆ ประเภทของภาพยนตร์มาให้ได้ชม ไม่ว่าจะเป็นหนังสงคราม หนังหายนะภัย หนังที่ให้คุณค่าต่อชีวิตผ่านเรื่องราวหรือบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจ ที่ทั้งมีชีวิตอยู่จริงหรือมาจากเรื่องแต่งที่เป็นนิยาย รวมไปถึงหนังตลกร้ายก็มี สำหรับใครที่อยากชมหนังที่จะทำให้เสียน้ำตาให้กับความสะเทือนใจ ความหดหู่ หรือความประทับใจเมื่อหนังถึงบทสรุป เชื่อว่าหนังเหล่านี้น่าจะตอบโจทย์ พกทิชชู่ไว้ข้างตัวให้เยอะ ๆ ก่อนจะคลิกชมหนังตามรายชื่อที่ What the Fact เตรียมไว้ให้นี้

THE LAST SAMURAI (2003)

ร้องไห้ให้กับการเสียสละชีวิตของกลุ่มทหารผู้จงรักภักดีต่อแผ่นดิน…กลุ่มสุดท้าย”

ทหารอเมริกันฝีมือดี ผู้กอง Nathan Algren ต้องเผชิญกับสถานการณ์ฝันร้ายในเหตุการณ์ที่เขาแพ้สงครามและต้องเสียลูกน้องในสหรัฐฯ เขาได้รับการติดต่อจ้างวานจากคนในรัฐบาลญี่ปุ่น ให้ไปฝึกทหารญี่ปุ่นเพื่อทำการต่อสู้กำจัดพวกนักรบซามูไรที่ถูกมองว่าเป็น “กบฏของชาติ” เมื่อ Nathan เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น เขาได้ฝึกกลยุทธการรบให้ทหารญี่ปุ่นของฝ่ายจักรพรรดิด้วยปืนและวิทยาการสมัยใหม่ของตะวันตก แต่ด้วยความไม่พร้อม ระหว่างการสู้รบครั้งหนึ่งพวกเขาแพ้และ Nathan ถูกจับตัวไปโดยพวกซามูไร นำโดย Katsumoto หัวหน้านักรบซามูไร

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ระหว่างที่ถูกจับ เขาได้เข้าไปเรียนรู้ สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงในหมู่บ้านของซามูไร ที่ถือได้ว่าเป็น ทหารญี่ปุ่นดั้งเดิมโดยจิตวิญญาณกลุ่มสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ Nathan เมื่อนานวันเข้า เขาจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วฝ่ายไหนเป็นฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม ท้ายที่สุด Nathan และซามูไรต้องรับมือกับพวกทหารขององค์จักรพรรดิที่ร่วมมือกับทหารฝรั่ง หมายจะกุมอำนาจเบ็ดเสร็จของบัลลังก์จักพรรดิ หนังมีส่วนผสมของตัวเอกกลับใจ ทั้งการ์ตูนจากตำนาน Pocahontas (1995) หรือ Avatar (2009) แต่ก็เป็นหนังที่ถ่ายทอดการหลงลืมรากเหง้าของตัวเองของชนชาติหนึ่ง ด้วยการยอมตกเป็นเบี้ยล่างของคนญี่ปุ่น ในฉากไคลแมกซ์ของเรื่องกลายเป็นทั้งฉากแอ็กชันและฉากสุดแสนสะเทือนใจ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
  • นักแสดง: Tom Cruise, Ken Watanabe, Hiroyuki Sanada, Tony Goldwyn, Shin Koyamada, Koyuki
  • ผู้กำกับ: Edward Zwick (Blood Diamond, Jack Reacher: Never Go Back, Legends of the Fall)
  • ทุนสร้าง / รายรับรวมทั่วโลก: 140 / 454 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 66% / 7.7/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์: เข้าชิง 4 รางวัลออสการ์ (นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Ken Watanabe), องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม)

UNBROKEN (2014)

ร้องไห้ให้กับความโหดร้ายของสงคราม”

เรื่องโชคชะตาอันโชคร้ายจนเหลือเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่เป็นเรื่องจริงของ Louis Zamperini นักกีฬาโอลิมปิคที่ลงแข่งวิ่งมาราธอนเชื้อสายอิตาลีและมีชื่อเสียงในฐานะนักกีฬา เขาถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามโลก ช่วง ปี 1941 เขาทำหน้าที่เป็นพลทิ้งระเบิดของเครื่องบินทิ้งระเบิด B24 แต่โชคร้ายเครื่องบินที่เขาประจำการเกิดตกกลางทะเลในปี 1943 และลอยแพอยู่ 47 วันจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่โชคร้ายยังไม่หมดแค่นั้น เมื่อแพถูกพบโดยเรือรบญี่ปุ่น เขาและเพื่อนที่เหลือรอดต้องถูกจับไปเป็นเชลยศึกในแคมป์ และถูกทรมานภายในแคมป์อยู่หลายเดือนจนกระทั่งอเมริกาชนะสงครามในปี 1946

ในช่วงแรกที่หนังเปิดมาด้วยด้านสดใส ก่อนที่เครื่องบินจะตก ซึ่งถ้าคิดว่านั่นคือด้านมืดหม่นของเรื่องที่สุดแล้ว จะบอกว่ายังไม่ถึงครึ่งของช่วงครึ่งหลัง หนังสงครามที่โฟกัสไปที่ตัวละครหรือเรื่องราวของเชลยสงคราม เรื่องไหนเรื่องนั้นย่อมนำมาซึ่งน้ำตาและความเศร้าสะเทือนใจจากความหดหู่ที่มีต่อชะตากรรมอันโหดร้ายเกิดที่มนุษย์สักคนจะได้รับ คนดูจะเครียดไปกับการรับรู้ด้านโหดร้ายของสงคราม ความทุกข์ทรมานของเชลยศึกที่โดนปฏิบัติอย่างไร้ศีลธรรม ทั้งการกินการอยู่ ซึ่งพอคนดูจำลองตัวเองเข้าไปเป็นตัวละครที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ ก็อดจะคิดตามอย่างสะเทือนใจไม่ได้ว่า ถ้าเป็นเราจะอดทนต่อการถูกทรมานเช่นนั้นได้กี่เดือนกี่ปี (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)

  • นักแสดง: Jack O’Connell, Domhnall Gleeson, Garrett Hedlund, Miyavi, Finn Wittrock, Jai Courtney
  • ผู้กำกับ: Angelina Jolie (In the Land of Blood and Honey, By the Sea, First They Killed My Father)
  • ทุนสร้าง / รายรับรวมทั่วโลก: 65 / 161 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 50% / 7.2/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์: เข้าชิง 3 รางวัลออสการ์ (ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)

SAVING PRIVATE RYAN (1997)

ร้องไห้ให้กับชะตากรรมของเหล่าทหารหาญและการเสียสละเพื่อผู้อื่นที่ไม่เคยรู้จัก”

หนังสงครามโลกครั้งที่ 2 ระดับขึ้นหิ้งในตำนานอีกเรื่องของโลกที่กำกับโดยพ่อมดแห่งฮอลลีวูด Steven Spielberg แม้จะชนะถึง 5 สาขารางวัลออสการ์ แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นหนังที่ถูกปล้นออสการ์อย่างค้านสายตาที่สุดเรื่องหนึ่ง (หนังที่ชนะคือ Shakespeare in Love) ถึงอย่างไรก็ตามหนังก็ยังถูกพูดถึงจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะฉากยกพลขึ้นบกในวันดีเดย์ที่ฝ่ายสัมพันธมิตร นำโดยสหรัฐฯ หักเอาฝ่ายอักษะอย่างเยอรมันลงได้จากการโจมตีในครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย และความยอดเยี่ยมของหนังก็เริ่มตั้งแต่ฉากสงครามบนหาดโอมาฮ่า ที่เห็นเนื้อเป็นเนื้อ เลือดเป็นเลือดอย่างสมจริง

ความสะเทือนใจย่อมมาคู่กับหนังสงครามอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ด้วยการผูกเรื่องของ Steven Spielberg และมือเขียนบท Robert Rodat ที่เริ่มต้นเรื่องมาก็เป็นการสูญเสียลูกชาย 3 จาก 4 คนไปในสงครามโลกครั้งนี้ นั่นจึงเป็นเหตุให้กลุ่มทหารที่นำโดย Captain Miller และพลทหารราว 10 คนต้องบุกเข้าไปกลางสนามรบเพื่อช่วยเหลือหรือยืนยันให้ได้ว่า พลทหาร Ryan คนสุดท้ายของครอบครัวนี้ยังอยู่หรือตายไปแล้ว หากจะเปรียบเทียบกันก็เหมือนว่าหน่วยเหนือจะเห็นคุณค่าของชีวิต Ryan มากกว่าชีวิตของกลุ่มพระเอกที่เหลือทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องเสียสละชีวิตกันไปเรื่อย ๆ ตลอดทาง

  • นักแสดง: Tom Hanks, Matt Damon, Vin Diesel, Tom Sizemore, Edward Burns, Barry Pepper, Adam Goldberg

  • ผู้กำกับ: Steven Spielberg (Schindler’s list, War Horse, Lincoln, War of the World)

  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 70/482 ล้านเหรียญฯ

  • Rotten Tomatoes Score/iMDB rating: 93% / 8.6/10

  • บทบาทบนเวทีออสการ์:

  • ชนะ 5 รางวัล (ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, เอฟเฟกต์และซาวด์เอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม)

    • เข้าชิง 6 รางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Tom Hanks), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, แต่งหน้าทำผมยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)

THE GREEN MILE (1999)

ร้องไห้ให้กับอคติของผิวดำที่เจือปนหมู่คนผิวขาว และความอยุติธรรมที่คนหนึ่งคนได้รับจนตาย”

เรื่องราวของ John Coffey ที่บอกเล่าผ่านมุมมองของ Paul Edgecomb หัวหน้าผู้คุมนักโทษในแดนประหารที่เรียกว่า “กรีนไมล์” (คำที่ใช้เรียกทางเดินสีเขียวที่นักโทษเดินผ่านจากห้องขังไปยังห้องประหาร)​ ในยุคที่เต็มไปด้วยการกดขี่และเหยียดสีผิวในอเมริกา โดยพอลต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานจากโรคในกระเพาะปัสสาวะ แต่ก็อดทนปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในฐานะหัวหน้าที่ดีทั้งกับลูกน้องและนักโทษ

จนกระทั่งวันหนึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยปกติก็ได้เปลี่ยนไป เมื่อ John Coffey นักโทษผิวดำร่างยักษ์ที่ถูกตัดสินประหารชีวิตในคดีข่มขืนและฆ่าเด็กหญิงผิวขาว 2 คนอย่างไม่ยุติธรรมได้ถูกนำตัวเข้ามาคุมขังที่กรีนไมล์แห่งนี้เพื่อรอวันประหาร ซึ่งหนังก็ทำให้คนดูต้องสะเทือนใจไปจนถึงตอนท้ายว่า แท้จริงแล้วเขาคือผู้บริสุทธ์และถูกเข้าใจว่าเป็นฆาตกรเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของเขาเท่านั้น หนังสร้างจากนิยายของ Stephen King และผู้กำกับที่ทำหนังจากนิยายของ King มาโดยตลอดอย่าง Frank Darabont อย่าง The Shawshank Redemption (1994) และ The Mist (2007)

  • นักแสดง: Tom Hanks, Michael Clarke Duncan, David Morse, Bonnie Hunt, James Cromwell
  • ผู้กำกับ: Frank Darabont (The Mist, The Shawshank Redemption, The Majestic)
  • ทุนสร้าง/รายร้บรวมทั่วโลก: 60 / 286 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score: 78% / 8.6/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์: เข้าชิง 4 สาขารางวัลออสการ์ (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Michael Clarke Duncan), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม)

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

รวมหนังดราม่า “ต้องเสียน้ำตา” สักครั้งในชีวิต บน Netflix (ตอนที่ 1)
รวมหนังดราม่า “ต้องเสียน้ำตา” สักครั้งในชีวิต บน Netflix (ตอนที่ 1)
รวมหนังดราม่า “ต้องเสียน้ำตา” สักครั้งในชีวิต บน Netflix (ตอนที่ 1)
รวมหนังดราม่า “ต้องเสียน้ำตา” สักครั้งในชีวิต บน Netflix (ตอนที่ 1)