โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

แฟชั่น บิวตี้

#มาติดไฟนีออนให้ผิวกัน! 7 ทริค ' ซ่อมผิวหมองคล้ำ สู่ผิวออร่ากระจ่างใส ' สวยไบรท์ เพิ่มความมั่นใจเต็มสิบ

SistaCafe

อัพเดต 03 เม.ย. 2564 เวลา 09.48 น. • เผยแพร่ 02 เม.ย. 2564 เวลา 10.00 น. • Mollacake

ฮัลโหลค่าา สาวๆ SistaCafe ที่อยากมี ' ผิวเนียนใสกิ๊ง ' ทุกคน ☆ ~('▽^人)
ปี 2021 แล้ว ค่านิยมของคำว่า ' ผิวสวย ' ได้เปลี่ยนไปเยอะ สาวๆ ไม่จำเป็นต้องพยายามกินวิตามินเสริม ขัดผิวเอาเป็นเอาตาย หรือฉีดสารอันตรายให้ผิวซีดจนเห็นเส้นเลือดแข่งกับสาวผิวขาวที่ถูกอวยยศขั้นสุดในสังคมกันอีกต่อไป เพราะคนสวยไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ผิวขาว จะผิวแทน ผิวสองสี ผิวคล้ำก็สวยในแบบของตัวเองได้ ทั้งสีเสื้อผ้า เมคอัพ เครื่องประดับ หรือแม้แต่สกินแคร์ ก็ทำออกมารองรับคนหลากหลายสีผิวมากขึ้นค่ะ
แต่ไม่ว่าสาวๆ จะมีสีผิวโทนไหน ถ้าอยากเสริมบุคลิก เสน่ห์และความมั่นใจการดูแลตัวเองให้ ' ผิวดี ' เรียบเนียน ชุ่มชื้นอิ่มน้ำ กระจ่างใสทั้งตัว ไม่มีจุดด่างดำหรือความหมองคล้ำก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ เราสามารถติดไฟนีออนให้ผิวไบรท์ได้ในทุกสีผิว ด้วยการทำตาม ' 7 ทริคซ่อมผิวหมองคล้ำ สู่ผิวออร่ากระจ่างใส ' ด้วยวิธีธรรมชาติง่ายๆ ที่ใครก็ทำตามได้ ขอแค่มีวินัยอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น จะต้องทำยังไงบ้างเราไปดูกันเลยค่า ヽ(*⌒▽⌒*)ノ❤

1. เลือกไอเทมสกินแคร์ที่มีส่วนผสมจาก ' Glycolic Acid '

ไอเทมแรกที่ต้องแนะนำ เพราะสำคัญที่สุดในกระบวนการผิวใส คือกรดที่ใช้ลอกผิวเก่า สร้างผิวใหม่อย่าง ' Glycolic Acid ' ซึ่งมักเป็นส่วนประกอบหลักในสกินแคร์จำพวกครีมไบรท์เทนนิ่ง หรือโฟมล้างหน้ากันอยู่แล้ว โดยกรดชนิดนี้ขึ้นชื่อเรื่องการผลัดเซลล์ผิว เพื่อให้ผิวหมองคล้ำดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น สาวๆ ที่อยากผิวใส ควรมีสกินแคร์หรือคลีนซิ่งที่มีกรดชนิดนี้อย่างน้อย 1 ตัวใน skincare routine ของตัวเองนะคะ
ถ้าอยากผิวใสเร็วๆ แบบจัดเต็ม แนะนำให้จัดสกินแคร์ทุกขั้นตอนให้มีส่วนผสมของกรดชนิดนี้ได้เลย เช่น เธออาจจะใช้คลีนเซอร์เนื้อสครับที่ผสม glycolic acid ที่ช่วยลดความหมองคล้ำ ดึงสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน ปรับสีผิวและสภาพผิวให้ใสปิ๊งมากยิ่งขึ้น ตามด้วยโทนเนอร์แผ่นที่ชุบ glycolic acid เพื่อผลัดเซลล์ผิว ลดสีผิวไม่สม่ำเสมอ ลดผิวหน้าที่ขรุขระ ให้ผิวหน้าดูสดใส เฟรช และยังช่วยลดริ้วรอย ตบท้ายด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ผสม glycolic acid เพื่อทั้งบำรุงและผลัดเซลล์ผิวไปด้วยในเวลาเดียวกัน ทำต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก็จะเห็นผลว่าสีผิวสว่างชัดเจนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ

2. สครับผลัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่เป็นประจำ

นอกจากการใช้กรดผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ เราก็ต้องลงแรงขัดผิวแบบจริงๆ จังๆ ด้วยการใช้ ' สครับ ' เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ( ขี้ไคล ) และสิ่งสกปรกต่างๆ ออกไปจากผิวหน้า หลายครั้งการสครับหน้าทำให้รู้ว่า เธอไม่ได้ผิวคล้ำเสียด้วยซ้ำ แต่มีเซลล์ผิวเก่าสะสมเยอะจนผิวดูหมองกว่าความเป็นจริงการสครับหน้าเป็นประจำสัปดาห์ละครั้ง จะช่วยทั้งให้ผิวสว่างขึ้น เคลียร์รูขุมขนที่อุดตันและความขรุขระของใบหน้า ให้ผิวเนียนนุ่ม น่าสัมผัส ลดสิวเป็นผลพลอยได้ด้วยค่ะ
ถ้าเน้นสะดวก สครับหน้าหลายยี่ห้อก็มีให้เลือกซื้อตามซูเปอร์ทั่วไป แต่ถ้าเธอเป็นคนแพ้ง่าย ไม่แน่ใจว่าสครับตามห้างจะผสมสารที่ทำให้หน้าเห่อหรือไม่ ก็สามารถทำเองแบบ D.I.Y ได้ ง่ายกว่าที่คิด! ด้วยการใช้กากกาแฟ หรือน้ำตาลผสมกับน้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำมาทาบนใบหน้า นวดวนๆ ให้ระบบไหลเวียนเลือดบนหน้าได้ทำงานไปด้วย ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก จะได้ผิวที่สะอาดและใสอมชมพูสุดๆ ผิวที่เพิ่งสครับจะบอบบางเป็นพิเศษ อย่าลืมทาอะโลเวร่าเจลปลอบประโลมผิว และมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงอีกชั้นด้วยนะคะ **

3. ใช้มาสก์หน้า ( Face Mask ) สูตรไบรท์เทนนิ่ง

สาวๆ สายบิวตี้แทบทุกคน น่าจะรู้จักไอเทมบูสต์ผิวให้ชุ่มชื้นขั้นเทพอย่าง ' มาสก์หน้า ' กันอยู่แล้ว ซึ่งมาสก์ในท้องตลาดก็มีหลายยี่ห้อ หลายสูตรให้เลือกตามปัญหาผิวที่เผชิญ หากเธออยากสลัดความหมองคล้ำ ก็ควรเลือกสูตรมาสก์แบบไบรท์เทนนิ่ง เน้นให้ผิวสว่างเป็นพิเศษ ซึ่งการใช้มาสก์หน้าเป็นประจำควบคู่กับสกินแคร์ตัวอื่น ก็มีผลลัพธ์ออกมามากมายว่าช่วยให้ผิวใสได้จริง!
นางเอกของมาสก์ที่ทำให้ผิวใสที่เรารู้กันก็คือ ' วิตามินซี ' ซึ่งมาสก์แบบแผ่นที่ผสมวิตามินซีก็มีขายทั่วไป แต่ทริคที่เราอยากให้ใช้ควบคู่กันก็คือ ' มาสก์โคลนชาร์โคล ' ที่อาจจะไม่ได้ช่วยปรับสีผิวจากข้างในโดยตรง แต่ช่วยดึงสิ่งสกปรกและความหมองคล้ำจากผิวหน้า ทำให้ผิวดูสว่างใสมากขึ้นโดยมาสก์วิตามินซีสามารถใช้ทุกวันได้ถ้าผิวแข็งแรงมากพอ แต่มาสก์ชาร์โคลใช้เพียงสัปดาห์ละครั้งก็ได้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงจนเห็นได้ชัดแล้วล่ะค่ะ

4. ใช้ ' เซรั่มวิตามินซี ' เป็นประจำใน Skincare Routine ของตัวเอง

เพื่อกระตุ้นให้ผิวหน้ากระจ่างใสถึงขีดสุด ยังไงก็คงขาดไอเทมลูกรักอย่าง ' เซรั่มวิตามินซี ' ไปไม่ได้ เพราะเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยทั้งบำรุงและปรับสีผิวไปด้วยในเวลาเดียวกัน ลดเลือนจุดด่างดำให้จางลง ชะลอริ้วรอยทำให้ผิวใสเปล่งปลั่ง เต่งตึง และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนบนผิวโดยตรง ป้องกันไม่ให้เซลล์เสื่อมสภาพเร็ว เหมาะกับสาวๆ ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งการผลิตคอลลาเจนจะน้อยลง ( เรียกง่ายๆ ว่าเริ่มแก่นั่นเอง ) 
แต้แม้ว่าเซรั่มวิตามินซีจะเข้มข้น ฟื้นฟูผิวลึกแค่ไหน ก็ต้องใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผิวค่อยๆ ปรับโทนสี หากผิวแข็งแรงปกติก็สามารถทาได้ทุกวัน เว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก แต่ถ้าผิวแพ้ง่ายทาเพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอและถ้าผิวไวต่อแสงแดด ไม่ควรทาช่วงกลางวันเพราะจะทำให้ผิวหน้าแสบร้อนได้ เดี๋ยวผิวไหม้กว่าเดิมแล้วจะหาว่าไม่เตือนน้าาา

5. ดูแลผิวใต้ดวงตา อย่าปล่อยให้เกิด ' รอยคล้ำแพนด้า ' เป็นอันขาด

แม้ผิวจะสว่างไบรท์ทั้งหน้า แต่ถ้าผิวบริเวณ ' ใต้ดวงตา ' เกิดความคล้ำ ก็จะดึงความสนใจโดยรวมให้ผิวดูหมองๆ ไม่สดใสอยู่ดี ซึ่งเหตุผลของตาคล้ำ ตาแพนด้าของคนรุ่นใหม่ ก็คงหนีไม่พ้นการนอนดึก อดนอน ความเหนื่อยล้า หรืออาจเกิดจากการที่ร่างกายขาดธาตุเหล็ก ภูมิแพ้ หรือกินยาบางชนิด การไหลเวียนของเลือดใต้ดวงตาจึงไม่ค่อยดี ทำให้ผิวส่วนนั้นคล้ำขึ้น เหมือนมีเงาจางๆ ติดอยู่ใต้ตาตลอดเวลาค่ะ
ทา ' อายครีมสูตรไบรท์เทนนิ่ง ' สามารถบรรเทาผิวใต้ตาคล้ำได้ระดับนึง ย้ำว่าต้องเป็นอายครีม อย่าทาวิตามินซีโดยตรงที่ใต้ตาเด็ดขาด เพราะผิวหนังส่วนนั้นบอบบางมาก อาจเกิดการปวดแสบปวดร้อนได้ โดยต้องทาเป็นประจำทุกวันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ถ้าทาแล้วผิวยังไม่ค่อยสว่างขึ้น การฉีดผิวใต้ตาเพื่อให้สว่างขึ้นตามคลินิกความงาม ก็เป็นอีกทางเลือกที่ทำให้ใต้ตาสวย ฟูอิ่มขึ้นค่ะ 

6. บำรุงผิวทั้งหน้าทั้งตัวให้ ' ชุ่มชื้น ' อยู่เสมอ ( ถ้าผิวอิ่มน้ำ ผิวจะดูใสเอง!)

ทริคข้อหนึ่งที่สาวๆ หลายคนอาจนึกไม่ถึงคือ ถ้าผิวหน้า ผิวตัวมีความชุ่มชื้น หน้าก็จะดูใสขึ้นโดยอัตโนมัติ! เพราะในหลายๆ ครั้ง ผิวที่หมองคล้ำเหมือนโดนของ เป็นเพราะผิวไม่ได้รับความชุ่มชื้นที่เพียงพอ เมื่อผิวแห้ง ผิวก็ไม่สดใส จึงดูคล้ำลงกว่าที่ควรจะเป็น ยิ่งในช่วงอากาศหนาวหรือคนที่ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ห้องแอร์ ถ้าไม่ค่อยดูแลผิว ผิวจะสากๆ หยาบกร้านและไม่ค่อยใส ลองไปสังเกตกันดู
อยากมีผิวชุ่มชื้น ทำง่ายที่สุดคือ ' ดื่มน้ำเปล่า ' ให้เยอะๆ ระหว่างวัน วันนึงควรดื่มขั้นต่ำ 8 แก้ว ( ประมาณขวด 1.5 ลิตรสองขวด ) ถ้าเป็นคนดื่มน้ำน้อย ก็พกขวดน้ำติดตัวไว้เลย หรือซื้อขวดน้ำใหญ่ๆ วางตั้งไว้ที่โต๊ะทำงานก็ดีเช่นกัน เพื่อให้ผิวใสจากภายในสู่ภายนอก แต่ถ้าเป็นคนผิวแห้งหรืออยู่ในห้องแอร์ตลอด เสริมด้วยมอยส์เจอไรเซอร์สูตรเน้นความชุ่มชื้นให้ผิว เช่น hyaluronic acid, salicylic acid, glycerine, ceramide ก็จะยิ่งผิวนุ่มอิ่มน้ำจนใครๆ ก็อยากสัมผัส

7. ห้ามลืมปกป้องผิวหนังจาก ' รังสียูวีแสงอาทิตย์ ' ด้วยครีมกันแดด

ข้อสุดท้ายและท้ายสุด ผิวสว่างไบรท์จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าใน skincare routine ของเธอไม่มีขั้นตอนของ ' ครีมกันแดด ' ซึ่งเรียกว่าเป็นสกินแคร์สำคัญระดับมงกุฎเพชรที่ #ยังไงก็ต้องทา เธออาจจะไม่ทาเซรั่มวิตซี ไม่ทาครีมบำรุง แต่อย่างน้อยที่สุดต้องทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันรังสียูวีจากแสงอาทิตย์ ที่พร้อมจะทำลายคอลลาเจน เม็ดสีเมลานินของเธอให้ทั้งคล้ำทั้งเหี่ยวก่อนวัยอันควรค่ะ 
ตามหลักของ FDA หรืออย. ของอเมริกา ครีมกันแดดที่ใช้ได้ผลต้องมีค่า SPF15 ขึ้นไป ถ้าเป็นสาวออฟฟิศทั่วไป ขึ้นรถไฟฟ้า เดินห้าง เจอแดดพักเที่ยงแค่แป๊บๆ ใช้ครีมกันแดดค่า SPF35 ก็เพียงพอ แต่ถ้าเจอแดดค่อนข้างเยอะหรืออยากป้องกันดีที่สุดไว้ก่อน ก็จัด SPF50 ได้เลย ขอกระซิบนิดนึงว่า ปริมาณในการทาก็สำคัญ ต้องทา ' สองข้อนิ้วแบบแน่นๆ ' เป็นขั้นต่ำ อย่าทาน้อยกว่านั้น เพราะถ้าทาน้อย ประสิทธิภาพในการกันแดดก็จะลดตามไปด้วยเช่นกัน มีก็ต้องใช้ค่ะ อย่าไปกลัวเปลือง กลัวหน้าดำหน้าไหม้จะดีกว่า!

-----------------------------------------------
เพียงทำตามทริคดูแลผิว ปรับเปลี่ยนไอเทมสกินแคร์ใน Skincare Routine ง่ายๆ ตาม 7 ข้อในบทความนี้แม้จะมีผิวหมองคล้ำขรุขระไม่สดใสมาก่อน สีผิวก็จะสว่างขึ้นจนอยู่ในระดับที่เรียกว่าผิวไบรท์ " ในลิมิตโทนสีผิวของตัวเอง " ในที่สุดค่ะ จากข้อมูลในบทความ เธอคงเห็นแล้วว่าเรามีการใช้กรดผลัดเซลล์ผิวควบคู่กับเซรั่มวิตามินซี ซึ่งนั่นคือคีย์เวิร์ดหลักของการปรับผิวให้กระจ่างใส
ทำให้สาวๆ บางคนเลือกจะทาแต่เซรั่มและละเลยการทากันแดดเพราะขี้เกียจ สรุปผิวหมองคล้ำกว่าเดิมก็มี ( เผลอๆ ได้แสบไหม้ กระฝ้ามาเป็นของแถมด้วย )ดังนั้นขอย้ำอีกรอบว่า ต้องใช้ไอเทมปรับผิวคู่กับการบำรุง ป้องกันให้ผิวชุ่มชื้นแข็งแรงด้วยอีกชั้นหนึ่งนะคะ รับรองว่าได้ผิวสวยมั่นใจมากขึ้นอย่างแน่นอน
(♡˙︶˙♡) สำหรับวันนี้ลาไปก่อน พบกันใหม่กับบทความทิปส์ดีๆ ใหม่ในคราวหน้า บ๊ายบาย

ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook
SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง https://sistacafe.com
♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥
iOS : AppStore
Android : PlayStore

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...