นักวิทยาศาสตร์โลกเห็นพ้องกันว่า หากจักรวาลมีภาษากลางที่ทุกอารยธรรมระหว่างดวงดาวสื่อกันได้ ภาษานั้นน่าจะเป็นคณิตศาสตร์
แต่ชาวต่างดาวทั้งหลายคงจะไม่คาดว่าเราชาวโลกสามารถใช้ตัวเลขกำหนดชะตาชีวิตได้ด้วย !
ตัวเลขก็เหมือนวัตถุอื่น ๆ รอบตัวเรา เมื่อสามารถใช้ทำนายโชคชะตาได้ ก็เอามาใช้ !
ความเชื่อเรื่องตัวเลขมีแทบในทุกอารยธรรม ทั้งตะวันออก ตะวันตก ตั้งแต่โบราณจนถึงวันนี้
บางอารยธรรมเชื่อว่าตัวเลขบางตัวเลขสามารถทำให้ชีิวิตดีขึ้นได้ หรือแย่ลง เช่น เลข 13 ไม่มงคล เลข 9 มงคล
เลขมงคลในความเชื่อจีนได้แก่ 6, 8, 9
เลข 6 (六 ลิ่ว) ออกเสียงพ้องคำว่า หลิว (流) แปลว่าไหลลื่น คนจีนบางคนเลือกหมายเลขโทรศัพท์ก็ต้องมีเลข 6
เลข 8 (八) พ้องเสียง ฟะ (發) แปลว่ารุ่งเรืองร่ำรวย
เลข 9 (九) ออกเสียง จิ่ว พ้องเสียงคำ (久) ที่แปลว่ายืนนาน
ทั้งสามเลขถูกนำมาใช้แบบพ้องเสียง แต่ไม่มีใครพ้อง จิ่ว 9 กับ จิ่ว เหล้า (酒)
สำหรับเลขอัปมงคลในจีนคือ 4 กับ 7
เลข 4 (四 ซื่อ) ออกเสียงพ้องกับคำว่าตาย (死 สื่อ)
เลข 7 (七 ชิ) พ้องเสียงกับคำ 欺 แปลว่าโกง และยังให้ความหมายว่าจากไป
ฝรั่งเชื่อว่าเลข 13 อัปมงคล เราไม่เชื่อ คนไทยอยู่กับเลข 13 มาหลายร้อยปีไม่มีปัญหา จนกระทั่งฝรั่งนำความเชื่อนี้มาแพร่
ความกลัวเลข 13 เรียกว่า Triskaidekaphobia (ภาษากรีก triskaideka = 13, phobos = กลัว)
ข้อมูลชี้ว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของอาคารสูงในอเมริกาไม่ติดป้ายชั้น 13 ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรม หรือคอนโดมิเนียม ในเมืองที่ ‘เจริญ’ มาก เช่น นิวยอร์ก กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของอาคารสูง ไม่มีชั้น 13
ที่มาของความกลัวเลข 13 มีหลายทฤษฎี เช่น ทฤษฎีหนึ่งอิงจากประวัติของพระเยซูในเรื่อง The Last Supper จูดาสผู้ทรยศต่อพระเยซูเป็นคนที่สิบสามที่มาถึง
แต่ไม่มีทฤษฎีไหนที่ชัดเจน บางทฤษฎีก็จัดยัดเหตุผลเข้าไปแบบทื่อ ๆ เช่น ทฤษฎีหนึ่งว่าชาวสุมาเรียนเชื่อว่าเลข 12 เป็นเลขสมบูรณ์แบบ ดังที่พวกเขาใช้เลขนี้แบ่งชั่วโมง ยังใช้ในการแบ่งเดือน ดังนั้นเลขที่ตามมาคือ 13 ย่อมไม่ดี นี่เป็นตรรกะแปลก ๆ แต่ก็เชื่อต่อกันมาอย่างนี้
ในทางตรงข้าม บางอารยธรรม เช่น อียิปต์โบราณ กลับเห็นว่าเลข 13 หมายถึงโชคดี
เราหนีเลข 13 โดยโกหกตัวเองว่ามันไม่มี เช่น ลบเลข 13 ออกจากอาคาร แต่ความจริงคือไม่ว่าจะเรียกชั้นนั้นว่า 12-A หรือ 14 หรืออะไรก็ตาม
มันก็คือชั้น 13
การหนีเลข 13 แบบนี้ไม่ได้ต่างจาการลบ ‘ยาม้า’ ออกจากสารบบยาเสพติดในเมืองไทยโดยเปลี่ยนชื่อมันเป็น ‘ยาบ้า’
เลข 9 (เก้า) ของไทยพ้องกับ 'ก้าวหน้า' แต่ไม่พ้องกับ 'ก้าวถอยหลัง' ซึ่งน่าจะเข้าข่ายสองมาตรฐาน !
เก้า จะแปลว่า ก้าว ได้อย่างไร เพียงเพราะเสียงคล้ายกันหรือ ?
เลข 6 ในศาสนาคริสต์มีความหมายอัปมงคล 666 คือเลขปิศาจ ขณะที่ทางตะวันออก 6 เป็นเลขที่พระพุทธองค์ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพานในวันเพ็ญเดือน 6 แห่งวิสาขบูชา
วันที่ 9 กันยายน ปี 1999 เป็นวันที่มีเด็กเกิดมาก เพราะพ่อแม่เชื่อว่าเป็นวันมงคล
เกิดวันที่ 9 เดือน 9 ปี 99
ปี ค.ศ. 99 นั้นผ่านมาสองพันปีแล้ว ส่วน 1999 ไม่ใช่ปี 99 คนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง ทำไมจึงเหมาว่าคนเกิดวันที่ 9-9-1999 คือ 9-9-99
ผู้คนสามารถโยงอะไรก็ได้เข้ากับความเชื่อ เพราะพวกเขารอที่จะเชื่ออยู่แล้ว
ปัญหาคือความเชื่อเรื่องตัวเลขไม่เป็นเรื่องสากล
หากตัวเลขหนึ่ง ๆ มีฤทธิ์เปลี่ยนชีวิตมนุษย์ได้จริง ก็ต้องเปลี่ยนทุกชาติทุกภาษา ทุกชาติพันธุ์ ทุกสีผิว
ถ้าเลข 13 ไม่เป็นมงคลกับฝรั่ง ก็ต้องไม่เป็นมงคลต่อคนไทยเช่นกัน
มันอาจทำหน้าที่เหมือนยาลวง หรือกำลังใจ เมื่อเชื่อพลังของมัน ชีวิตก็ดีขึ้นจริง ๆ
บางทีตัวเลขไม่ได้ทำ ใจของเราต่างหากที่ทำให้ดีขึ้นเอง
………..………………………………………………
เมื่อเทคโนโลยีสมาร์ตโฟนกลืนโลก สิ่งที่ตามมาพร้อมกัน นอกจากอุปกรณ์เสริมและ app ต่าง ๆ ก็มีเรื่องเบอร์มงคล
ในบ้านเรา แฟชั่นตั้งชื่อด้วยอักษรมงคลที่อิงกับชื่อวันขยายตัวไปยังวงการสมาร์ตโฟน เปิดโอกาสให้เกิดการตลาดรูปแบบใหม่ที่อิงกับหมายเลขโทรศัพท์มือถือ แต่ละสำนักแต่ละอาจารย์เสนอหมายเลขที่ทำให้ชีวิตรุ่งเรือง
หลักการคือหากใช้เบอร์โทรศัพท์เลขบางเลข ชีวิตจะรุ่งเรือง เพิ่มความโชคดี
องค์กรธุรกิจไม่น้อยดำเนินตามรอยศาสนพาณิชย์ คือใช้ความเชื่อและความงมงายขายสินค้าของตน
บางสำนักว่าใช้เบอร์มงคลลดกรรม และเพิ่มช่องของการสร้างบุญบารมีให้มากขึ้น ช่วยเสริมพลังชีวิต
แต่ละสำนักมีวิชาเบอร์โทรศัพท์มงคลแตกต่างกันออกไป เช่น เลือกหมายเลขให้เข้ากับวันเกิด (อาทิตย์ - เสาร์) บางสำนักใช้การดูคู่ลำดับเลขและผลรวม บางสำนักเน้นเลขสองตัวท้ายของเบอร์และผลรวมของเบอร์
ยกตัวอย่าง เช่น เกิดวันอาทิตย์ ควรใช้เลขลงท้ายด้วย 14, 144, 424, 41, 42, 45, 51, 54, 544, 1444, 5444 ผลรวม 10 ตัวคือ 41, 44, 45, 54 ฯลฯ
บางสำนักก็มีตัวเลขกาลกิณี บางสำนักว่าบางเบอร์ช่วยเรื่องธุรกิจ บางเบอร์ช่วยเรื่องความรัก บางสำนักว่าเบอร์โทรศัพท์มงคลเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของเบอร์รวยและปลอดภัย บางสำนักว่าช่วยให้ใจเย็น มีสติ มีเสน่ห์ บางสำนักคิดค่าบริการเลือกเบอร์มงคลให้ในราคาสูง
นอกจากนี้ก็ลามไปถึงบ้านเลขที่และทะเบียนรถ
บางสำนักว่า ไม่ใช่เราที่เลือกเบอร์มงคล แต่เบอร์มงคลจะเป็นคนหาเจ้าของที่แท้จริง มันเกี่ยวกับเรื่องดวงชะตา และลงท้ายก็เสนอขายเบอร์ ‘ที่เลือกเรา’
You are the Chosen One ! เป็นการตลาดที่ง่ายและมักง่าย ไม่ต่างจากการไปขอยันต์ มันเป็นไสยศาสตร์ที่ออกแบบมาเพื่อคนมีเงินที่เชื่อง่าย
คนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้ก็คงต้องอยู่ในภาวะตกต่ำไปตลอดชาติ
การขอเลขพิเศษไม่ใช่เรื่องเลวร้ายและไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องโชคชะตา เช่น ต้องการเลขบางตัวที่ตนจดจำง่าย
แต่หากหวังว่าเมื่อใช้เลขบางตัวแล้ว ชีวิตจะดีขึ้น รุ่งเรือง ก็คือความงมงายในไสยศาสตร์ พัฒนาจากการ ตีเกราะเคาะไม้ไล่ราหูไปอีกขั้นหนึ่ง แต่หลักการเดียวกัน คือวางบนพื้นฐานของความกลัวและความโลภ
………..………………………………………………………
หมายเลขมงคลมีความจริงไหมในมุมมองของวิทยาศาสตร์ ?
คำตอบคือตั้งแต่วันแรกของอารยธรรมมนุษย์ ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สักชิ้นเดียวที่พิสูจน์ว่าตัวเลขกำหนดชะตาชีวิตมนุษย์คนใด ทั้งหมดเป็นแค่ความเชื่อที่บอกต่อกันมา ด้วยคติ ‘ไม่เชื่ออย่าลบหลู่’ และความต้องการรวยทางลัด
คำถาม
- เทพโทรศัพท์มาจากไหน ? ตั้งแต่เมื่อไร ? รอจน อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ ประดิษฐ์โทรศัพท์ในราวปี 1876 ? หรือรอจน สตีฟ จ็อปส์ แนะนำสมาร์ตโฟนแบบใหม่ ? ถ้าเพิ่งมา ทำไมเทพโทรศัพท์จึงให้ความมงคลเฉพาะสมาร์ตโฟน หรือเพราะมันเป็นโฟนที่ ‘สมาร์ต’ พอ จึงสามารถอ่านพลังอำนาจวิเศษของเลขมงคลได้ ?
- ในอนาคตเมื่อเรามีอุปกรณ์ที่ดีกว่าสมาร์ตโฟน เทพโทรศัพท์ก็หมดหน้าที่บนโลกมนุษย์หรือไม่ ? หรือย้ายไปประจำแผนกสินค้าอื่น ๆ ต่อไป เช่น ไมโครเวฟ เตาอบ ที่มีตัวเลขเหมือนกัน ?
- เทพโทรศัพท์ประจำการที่โทรศัพท์บ้านหรือไม่ ?
- หากเรามีโทรศัพท์เลขมงคลหลายเครื่อง ก็ยิ่งเพิ่มโชควาสนาแก่ชีวิตเรามากขึ้นหรือไม่ ? คนมีเบอร์มงคลสองเครื่องโชคดีกว่าคนมีหนึ่งเครื่อง คนมีเบอร์มงคลสิบเครื่องโชคดีกว่าคนมีสองเครื่อง ฯลฯ
- หากเรารู้ว่าบางหมายเลขดีกับชีวิต ก็เช่นคนขายลอตเตอรีรู้อนาคตว่า ใบไหนจะถูกรางวัลใหญ่ ทำไมยังขาย ? ทำไมไม่เก็บไว้รับรางวัลเอง ?
………..………………………………………………
ความเชื่อเรื่องตัวเลขไม่มีหลักการ ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ มีแต่ความเชื่อล้วน ๆ เป็นไสยศาสตร์มักง่ายอีกแบบหนึ่ง
เมื่อเราเลือกที่จะเชื่อโดยไม่คิดหาเหตุผลหรือที่มาของความเชื่อ เราก็อยู่ใต้เงาของนักการตลาดความเชื่อ เพราะทุกวันจะมีความเชื่อใหม่ ๆ มาครอบหัวเราเสมอ
เมื่อเกียจคร้าน ก็คิดหาแต่ทางลัด
เมื่อโง่ ก็เชื่อง่าย
เมื่อเกียจคร้านบวกโง่ ก็ตกเป็นเหยื่อของการตลาดที่หลอกคนชอบหาทางลัดอย่างง่ายดาย
……………………………………………………………………
วินทร์ เลียววาริณ