เขาว่ากันว่า อากาศร้อนมีส่วนทำให้คนใจร้อน หงุดหงิดง่าย ก็มีส่วนจริงนะคะ แต่ต้นสายปลายเหตุจะโทษอากาศอย่างเดียวก็ไม่ได้ เข้าหน้าฝนหน้าหนาวแล้วยังใจร้อนอยู่เลย แบบนี้ต้องกลับมาทบทวนตัวเองแล้วล่ะค่ะ
เคย ‘หัวร้อน’ กันบ้างไหมคะ เวลาทำงานต้องเจอสถานการณ์ที่ไม่ได้ดั่งใจเลย หัวร้อนอยากเคลียร์ให้จบให้พริบตา หรือการใช้ชีวิตอื่น ๆ ที่อาจจะมีปัจจัย คนสัตว์ สิ่งของ ต่าง ๆ มาสุมความร้อนในหัวได้ เป็นแบบนี้บ่อยไม่ดีหรอกค่ะ ไม่ได้ต่อตัวเราเองและคนรอบข้างด้วย งั้นห้องแนะแนวขอแนะนำ 7 วิธีดับมอดความหัวร้อนนี้ออกไปจากตัวเรา เชื่อสิว่าทุกคนทำได้แน่นอน!
พุทโธ ธัมโม สังโฆ หนึ่ง สอง สาม
หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อผ่อนคลายความคิดอันคุกรุ่นในใจเราลงก่อน การนับเลข สวดมนต์ หรือสารพัดวิธีสไตล์ใครสไตล์มันที่เราคิดค้นขึ้นมาบรรเทาบรรยากาศอันร้อนรุ่มให้เย็นลง ทำอะไรได้ก็ทำก่อนในช่วงเวลานั้นค่ะ เมื่อเกิดอาการหงุดหงิดใจ อยากใส่สักยก ขอให้ใจเย็นเอาไว้ก่อน ไม่งั้นเหตุการณ์จะบานปลาย ทำให้สูญเสียความรู้สึก สูญเสียความสัมพันธ์ สูญเสียข้าวของกันได้นะคะ ยิ่งถ้าหัวร้อนในที่ทำงาน เผลอ ๆ จะเสียหน้าที่การงาน(ให้คนอื่น) ไปในชั่ววูบก็ได้นะคะ สติเป็นเรื่องสำคัญค่ะ
จำไว้ ‘ไม่มีอะไรถูกใจเราทุกอย่าง’
เข้าสู่หนทางสัจธรรมค่ะ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เป็นไปตามใจเราได้ตลอดเวลา เจ้าความหัวร้อนนี่ก็เกิดเพราะเราไปคาดหวังว่าสิ่งนั้นต้องเป็นไปตามแผนการณ์เรา คนนั้นต้องพูดถูกใจเรา แต่พอมันกลับตาลปัตร ก็โมโหขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหมล่ะคะ หากรู้ตัวว่าเริ่มมีอาการแล้วต้องพยายามหยุดอารมณ์ตัวเอง ให้ได้อย่างไว ปลงก็ดีค่ะ บางอย่างก็เกินจะควบคุมได้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ
หาที่ระบาย
จะบอกว่าหาที่ลงก็ดูรุนแรงไปหน่อย อ่านแล้วจะจินตนาการกันไปว่าลงไม้ลงมือซะอย่างนั้น แต่ความจริงแล้วข้อแนะนำก็คือ หากเมื่อไหร่ที่รู้สึกไม่ชอบใจเอาซะเลย อยากจัดการกับความรู้สึกนั้นให้ลองหาวิธีระบายออกให้เหมาะสม บางคนอาจจะเล่าให้เพื่อนฟัง บางคนอาจเบี่ยงเบนความร้อนใจไปหาสิ่งอื่นทำฆ่าเวลา แต่เรื่องเสี่ยง ๆ ที่เรามักจะเห็นกันเป็นประจำก็คือ หัวร้อนแล้วโพสต์ลงเซียลมีเดีย จะบอกว่าไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งค่ะ เห็นคนตกงานกันมานักต่อนักเพราะตัวอักษรที่มาจากความคิดชั่ววูบเหล่านั้น ยิ่งโพสต์แล้วตั้งเป็นสาธารณะ ใครต่อใครเห็นกันไปหมด แบบนั้นล่ะก็ จบเกมส์.. หากอยากทำก็ต้องตั้งค่าความเป็นส่วนตัวแค่ ‘เฉพาะฉัน’ หรือ ‘Only me’ ถือว่าปลอดภัยสุด อย่าลืมนะคะว่า ไม่มีพื้นที่ส่วนตัวบนโซเชียลมีเดียแน่นอน หาที่ระบายแบบอื่นดีกว่าจ้า ดูหนัง ฟังเพลง สร้างสรรค์กว่าเห็นๆ
เคลียร์กันเมื่อพร้อม
หากหัวร้อนแล้วยังตั้งหน้าตั้งตาคุยกัน คงจะมีมวยกันบ้างล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นทางที่ดีคือหันกลับไปตั้งหลักกันก่อนทุกฝ่าย รอให้ใจเย็น สงบนิ่งก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน เหมือนเวลาคนเป็นแฟนกันทะเลาะกัน ยิ่งคุยก็ยิ่งโวยวายพังไม่เป็นท่า แต่หากรอให้เหตุการณ์ปกติก่อน แล้วนำเหตุผล คำอธิบายมาเคลียร์กัน รับรองว่าได้ข้อสรุปอย่างที่พอใจทุกฝ่ายแน่นอน
อะไรดีก็ทำต่อไป
หากเรามั่นใจแล้วว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันดี แม้ว่าจะหัวร้อนมาก ๆ เพราะคนอื่นไม่เข้าใจเราเลยก็ตาม ขอให้จงยืนหยัดทำหน้าที่นั้นต่อไปอย่างสุดความสามารถ เชื่อว่าสักวันผลงานหรือสิ่งที่ตั้งใจทำจะได้ผลงอกงามอย่างแน่นอน เพราะนี่คือวิถีของมืออาชีพ!
เกรงใจกันให้เยอะ ๆ
ส่วนหนึ่งของการแตกหักจากความหัวร้อน คือ ไม่มีความเกรงใจกันอีกแล้ว หากไม่มีใครเกรงใจใคร สิ่งที่ทุกคนจะเลือกทำเมื่อมีปัญหาก็คือการใช้อารมณ์สาดใส่กัน เมื่อถึงจุดเดือดก็คงไม่มีคำว่าพี่น้อง เจ้านายลูกน้อง หรือคู่รักอีกต่อไป จริงหรือไม่? เพราะฉะนั้นทางแก้คือ เราต้องเคารพ ให้เกียรติ เกรงใจซึ่งกันและกันนะคะ อย่างน้อยที่สุดเวลาปรี๊ดแตกก็คงไม่สบถคำพูดคำจาออกมาแบบไม่ได้คิด ถ้าความเกรงใจมันค้ำคอก็ช่วยให้มีสติกันขึ้นมาหน่อยนึงค่ะ
ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
จะเป็นคนหัวร้อนตลอดไปก็ไม่ควรเลยนะคะ หากรู้ตัวว่าเราเป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิด ก็ต้องเปลี่ยนนิสัยด้วยค่ะ หาเวลาจัดการกับตัวเอง นึกถึงข้อเสียที่เกิดจากความหัวร้อนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง คุ้มไหมกับการสติหลุดเพียงชั่ววูบ แต่ต้องเสียใจตลอดไป พยายามเป็นคนใจเย็นให้มากขึ้น คิดกลับกันว่าถ้าเป็นเราที่เป็นฝ่ายรองรับอารมณ์หัวร้อนนั้นบ้าง เราจะแก้ไขสถานการณ์หรือปรับนิสัยอย่างไร เพื่อจะได้ก้าวออกจากวงการ ‘คนหัวร้อน’ อย่างถาวร
เห็นไหมล่ะคะว่าสติแตกเพียงแว้บเดียว แต่สุขภาพจิตเสียไปนานเท่านาน ไม่เป็นผลดีต่อใครเลย เพราะงี้เราจึงต้องพยายามลดละเลิกการใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง และใช้เหตุผลกันให้มากขึ้น แล้วแต่ละคนมีวิธีจัดการกับความหัวร้อนของตัวเองกันยังไงบ้างคะ มาแชร์ประสบการณ์กันดีกว่า
.
ห้องแนะแนว คอลัมน์ให้คำแนะนำการใช้ชีวิตให้มีความสุข เสริมสร้างพลังกายพลังใจได้ด้วยตัวเราเอง ติดตามบทความแห่งความสุขได้ทุกวันศุกร์
.
