ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
(+) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 2% จากความกังวลด้านอุปทานน้ำมันตึงตัว หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทเชฟรอน ซีวีเอ็กซ์เอ็น (Chevron CVX.N) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศเวเนซุเอลา ส่งผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบราว 240,000 บาร์เรลต่อวัน จากการดำเนินงานในเวเนซุเอลา คิดเป็นกว่า 25% ของปริมาณการผลิตน้ำมันทั้งหมดของประเทศ นอกจากนี้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ยังทำให้โรงกลั่นน้ำมันสหรัฐฯ ไม่สามารถซื้อน้ำมันดังกล่าวได้ หากรัฐบาลเวเนซุเอลาเป็นผู้ส่งออกแทน
(+/-) กลุ่ม OPEC+ อยู่ในระหว่างการหารือเกี่ยวกับแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือน เม.ย. 68 ตามกำหนดเดิมหรือยืดระยะเวลาออกไปก่อนและคงระดับการผลิตปัจจุบันไว้ โดยสมาชิกของกลุ่มอยู่ในระหว่างการประเมินสถานการณ์อุปทานน้ำมันโลกอย่างใกล้ชิด ภายหลังมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อเวเนซุเอลา อิหร่าน และรัฐเซีย
(+/-) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 4/2567 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัว 2.3% ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการครั้งที่ 1 ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราร้อยละ 1.4, 3.0 และ 3.1 ในไตรมาส 1, 2 และ 3 ของปี 2567 ตามลำดับ
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA)รายงานสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 248.27 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่อุปสงค์น้ำมันเบนซินในเกาหลีใต้ยังคงอ่อนแอ แม้การผลิตน้ำมันเบนซินปรับลดลง 2.7% MoM แต่สต็อกน้ำมันเบนซินยังคงปรับเพิ่มขึ้น 25.5% MoM สะท้อนอุปสงค์ภายในประเทศและการส่งออกที่ชะลอตัว
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันดีเซลของเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค. 68 ปรับลดลง 25.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 10.31 ล้านบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี นอกจากนี้ ปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลของเกาหลีใต้ปรับลดลง 12.4% YoY และ 12.8% MoM สะท้อนอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังคงมีแนวโน้มอ่อนแอ