ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดธุรกิจความงามทั่วโลกมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล โดยมีสถิติแสดงให้เห็นว่าในแต่ละปี อุตสาหกรรมและธุรกิจความงามสามารถสร้างรายได้มากถึง 87,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ประมาณ 2.3-3.6% และคาดว่าจะเติบโตต่อไปในอนาคตจนทำให้มูลค่าของตลาดธุรกิจความงามในปี ค.ศ. 2027 อาจเติบโตถึงประมาณ 193,000 – 248,000 ล้านบาท
สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ ระบุว่าในปี 2567 ที่ผ่านมาธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามในไทยมีมูลค่า 7.1-7.2 หมื่นล้านบาท โตขึ้นประมาณ 13% และแน่นอนว่าเมื่อตลาดมีโอกาสเติบโต จะเห็นว่าผู้เล่นรายใหญ่ๆ เริ่มเดินหน้าบุกตลาดกันมากขึ้น
ถ้าวิเคราะห์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเราจะเห็นทิศทางของธุรกิจความงามที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จากสมัยก่อนที่จะเน้นเรื่องผิวพรรณ ความงามบนใบหน้า ไร้สิวไร้ฝ้าไร้กระ มาถึงปัจจุบันนี้พัฒนาการด้านความงามก็มีความหลากหลายกลายเป็น บริการคลินิกสุขภาพ ความงามที่เน้นการดูแลร่างกายแบบครบวงจรมากขึ้น
ที่สำคัญคือกลุ่มลูกค้าธุรกิจความงามทุกวันนี้ ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดวัย มีตั้งแต่กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงกลุ่มวัยทำงาน ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มผู้สูงวัย และถ้าดูในเชิง
ตัวเลขของการใช้บริการธุรกิจความงามจะพบว่า
- จำนวนผู้บริการส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงและเพศชาย อยู่ที่ 27% และ 21% ตามลำดับ
- เพศชายจำนวนถึง 27% เข้าคลินิกเสริมความงามสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- ผู้หญิงช่วงวัย 45-54 ปี มีสัดส่วนผู้เข้าคลินิกเสริมความงามประมาณ 34%
- ผู้หญิงช่วงวัย 35-44 ปี มีสัดส่วนผู้เข้าคลินิกเสริมความงามประมาณ 30%
- กลุ่มอายุ 12-17 ปี และ 18-24 ปี เลือกใช้บริการเสริมความงามกลุ่มทำทรีทเมนต์หรือเลเซอร์มากที่สุด
- กลุ่มอายุ 55-65 ปีขึ้นไป มีการใช้จ่ายเงินเฉลี่ยในการเข้าคลินิกเสริมความงามต่อเดือนอยู่ที่ 4,000-5,000 บาท
อย่างไรก็ดีตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงภาพสะท้อนความนิยมของธุรกิจความงามเป็นตัวเลขโดยเฉลี่ยที่ทำให้มองเห็นภาพรวมของธุรกิจความงามว่าน่าสนใจแค่ไหนและการขยายตัวของธุรกิจนี้ ไม่จำกัดอยู่แค่ในเขตตัวเมืองอย่างกรุงเทพฯและปริมณฑล
ซึ่งเป็นพื้นที่ของผู้คนใน สังคมเมืองที่มีกำลังซื้อสูงเท่านั้น แต่ในปัจจุบันเริ่มกระจายตัวออกไป เปิดตามห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือแม้แต่การเปิดตัวใหม่ของคลินิกเสริมความงามในรูปแบบ Stand-Alone อีกด้วย
ตัวเลขการเติบโตดูดี! อยากลงทุนแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง?
ถึงแม้ตัวเลขด้านการเติบโต หรือความนิยมจะมากขึ้นแค่ไหน ภาพจำของคนส่วนใหญ่มองว่า “การลงทุนในธุรกิจความงาม” เป็นเรื่องที่ยากและไกลตัว โดยเฉพาะหากไม่มีประสบการณ์ไม่เคยทำธุรกิจนี้มาก่อน การจะไปเริ่มต้นทำธุรกิจแบบนี้ได้อาจจะเป็นเหมือนแค่ความคิดที่เพ้อฝัน
ก็นับว่าเป็นความโชคดีที่ทุกวันนี้ที่ปรึกษาธุรกิจและสถาบันที่พร้อมสนับสนุนคนที่ต้องการลงทุนให้เริ่มต้นธุรกิจนี้ได้ “โดยที่ไม่ต้องมีแพทย์” ยกตัวอย่างสถาบันด็อกเตอร์คอสเมติกส์ ที่ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (RMUTT) เปิดหลักสูตร “ผู้ประกอบการศูนย์ความงามและสปา โอกาสทางธุรกิจที่ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องมีแพทย์”
ถ้าไปดูกันที่โครงสร้างของเนื้อหาในหลักสูตรนี้มีสอนครบจบในที่เดียว เนื้อหาที่น่าสนใจก็เช่น
- การวางแผนเชิงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจบิวตี้ & สปา
- การตลาดของธุรกิจบิวตี้ & สปา
- ขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจบิวตี้ & สปา
- สาธิตวิธีการทำหัตถการอย่างง่าย
- การวางแผนการเงินในธุรกิจบิวตี้ & สปา
- เพิ่มโอกาสความสำเร็จ ด้วยการลงมือทำไปพร้อมกัน
บริการสร้างธุรกิจความงามโดยใช้แบรนด์ของตัวเราเองได้?
ความก้าวหน้าของธุรกิจความงามในยุคนี้คือ “เราสามารถสร้างแบรนด์ตัวเองได้” หรือบางคนมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างร้านเครื่องสำอาง ร้านสปา อาจผนวกเอารูปแบบการให้บริการของแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมาเพิ่มบริการในร้านให้มีความหลากหลายมากขึ้น ยกตัวอย่างเดอมิเนต เปิดรูปแบบการลงทุนที่ให้ “สร้างแบรนด์ของคุณด้วยธุรกิจของเรา” เป็นโมเดล
ให้บริการสร้างธุรกิจคลินิกความงามและศูนย์ความงาม สามารถใช้ชื่อแบรนด์ได้ตามที่ผู้ลงทุนต้องการ หรือสำหรับผู้ที่มีธุรกิจด้านความงามของตัวเองอยู่แล้ว แต่ต้องการพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น จะมีทีมงานคุณภาพที่คอยให้คำปรึกษา พร้อมการเซตระบบบริหารจัดการให้เป็นอย่างดี มีการฝึกอบรมให้อย่างต่อเนื่อง สามารถเริ่มต้นสร้างธุรกิจของตัวเราเองได้ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ธุรกิจความงาม ปี 2025! เติบโตและสร้างรายได้ดีมาก
จากข้อมูลในเบื้องต้นทำให้เรามองเห็นภาพรวมการลงทุนในธุรกิจความงามว่าอนาคตสดใสมาก การสร้างรายได้ของธุรกิจความงามในปัจจุบันไม่ได้เน้นบริการเรื่องของการศัลยกรรมตกแต่งเท่านั้น แต่ยังมีบริการในส่วนของโปรแกรมทรีตเมนต์, เลเซอร์ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว, โปรแกรมยกกระชับและลดริ้วรอยให้ดูอ่อนเยาว์, โปรแกรมการดูแลรูปร่าง และกระชับสัดส่วน รวมไปถึงโปรแกรม Wellness & Anti-Aging เพื่อการดูแลสุขภาพและชะลอวัย
ซึ่งบริการเหล่านี้ส่วนใหญ่ ไม่ได้มาใช้บริการครั้งเดียว แต่ต้องอาศัยการดูแลอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ธุรกิจมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ บวกกับเทรนด์การดูแลสุขภาพที่ไม่ได้โฟกัสแค่ให้ร่างกายแข็งแรง แต่ถ้าเลือกได้ ใคร ๆ ก็อยากหยุดอายุผิว ให้ดูอ่อนเยาว์ด้วย ที่น่าสนใจ คือ ฐานลูกค้าคลินิกการแพทย์ความงามไม่ได้มีเฉพาะคนไทย แต่รวมถึงชาวต่างชาติ
เนื่องจากประเทศไทย มีชื่อเสียงด้านการบริการศัลยกรรมที่มีชื่อเสียง และมีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลในยุโรปและรัฐบาลเองก็มีนโยบายส่งเสริมเรื่อง Medical Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์อีกด้วย
ทั้งนี้เรามีแนวคิดจากผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจความงามมายาวนานให้ความเห็นไว้ส่วนหนึ่งอย่างน่าสนใจคือ “อยากทำธุรกิจนี้ต้องถามตัวเองก่อนว่า มีความสนใจอยากทำจริงไหม ให้ลองไปวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งของตัวเอง
และถามตัวเองให้ได้ว่าต้องการลงทุนแบบไหน อยากทำเป็นคลินิกความงาม หรือต้องการทำเป็นแค่ศูนย์ความงาม ทั้ง 2 รูปแบบต่างกันที่เงินลงทุน และรูปแบบการให้บริการ ถ้าเป็นคลินิกความงาม มีบริการครบวงจรอาจต้องใช้งบลงทุนประมาณ 2-5 ล้านบาทที่ยังไม่รวมต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ถ้ามองว่ายังไม่พร้อมไปถึงจุดนั้น อาจเริ่มต้นลงทุนแบบศูนย์ความงามที่ลงทุนน้อยกว่า และเมื่อมีความพร้อมมากขึ้นจึงค่อยขยับไปสู่การลงทุนที่สูงขึ้นได้ เหนือสิ่งอื่นใดธุรกิจความงามนี้ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพและบริการ
ใครที่สนใจอยากลงทุนจริงๆ ควรศึกษาจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง มีประสบการณ์เขาจะสนับสนุนและซัพพอร์ทเราได้เป็นอย่างดี เป็นเคล็ดลับสู่ความสำเร็จที่รวดเร็วของธุรกิจความงามในยุคนี้ด้วย”
สนใจลงทุนธุรกิจความงาม คลิก ศูนย์รักษาสิว เดอร์มิเนต
------------------------------------------
รวมแฟรนไชส์ไทย >660 แบรนด์ - www.ThaiFranchiseCenter.com