อย่างนี้ก็ได้เหรอ? พื้นที่“สาธารณะ” ยังยึดได้หน้าตาเฉย! แล้วต่อไปจะยึดอะไร?
ปัญหาเรื่องของการที่พ่อค้าแม่ค้ายึดพื้นที่สาธารณะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวนั้นอยู่คู่กับสังคมไทยมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบนทางเท้าแถวสยามเมื่อก่อนที่ขายของกันจนแทบจะไม่มีที่เดิน ทั้งที่เป็นทางเท้าสาธารณะที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนผู้เสียภาษีได้ใช้สัญจรไปมา…ล่าสุด ปัญหาพ่อค้าแม่ค้ามักง่ายนั้นลามไปถึงสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอย่างชายหาดแล้ว
(ภาพจาก Facebook: Jerry Nathalang)
ชายหาดบ้านเรานั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญและเป็นสมบัติของชาติ โดยเฉพาะชายหาดสาธารณะ การยึดไว้ซึ่งประโยชน์ใช้สอยของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจึงเป็นเรื่องไม่สมควร และจะเห็นได้ว่าในภาพ พ่อค้าแม่ค้ากลับตั้งแผงขายของเลยลงไปถึงน้ำทะเลและกีดขวางทางสัญจรไปมาของผู้คน และทำให้ชาวบ้านรวมถึงนักท่องเที่ยวบริเวณนั้นเดือดร้อน
ไม่นานมานี้ ก็มีผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งโพสเรื่องร้านก๋วยเตี๋ยวหัวหมอที่พ่นสีสเปรย์ขาวดำลงบนที่ห้ามจอดซึ่งปกติจะเป็นขาวแดง เพื่อตั้งแผงขายก๋วยเตี๋ยวเป็ด โดยไม่สนใจว่าจะทำลายของสาธารณะหรือไม่
บ่อยครั้งเวลาที่เจอกรณีเช่นนี้ คำอ้างของพ่อค้าแม่ค้าที่จะมาเสมอก็คือพวกเขา “ไม่มีทางเลือก ต้องทำมาหากิน” หรือไม่ก็จะเป็นข้อแก้ตัวประมาณว่า “จะเอาอะไรมากกับคนหาเช้ากินค่ำ” ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไรก็ตาม คุณก็ควรทำอย่างสุจริต ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่เบียดเบียนใคร
แต่การเบียดบังที่สาธารณะเพื่อประโยชน์ในการทำมาหากินส่วนตัวนั้นไม่ถือว่าเป็นความสุจริต (เพราะคุณโกงภาษีคนอื่นที่นำมาจ่ายเป็นค่าบำรุงรักษาทรัพย์สินสาธารณะ) ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย (เพราะคุณทำลายของสาธารณะ) และเบียดเบียนผู้อื่น (เพราะชาวบ้านเดือดร้อน)
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตามหากไม่สุจริต ผิดกฎหมาย และเบียดเบียนผู้อื่น ก็ควรจะพิจารณาไตร่ตรองให้ดีเสียแล้วว่าสมควรหรือเปล่า เรื่องทำมาหากินนั้นใคร ๆ ก็ต้องทำ แต่ควรต้องอยู่บนความถูกต้องและไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครเป็นพอ