“ค่าครองชีพสูง” จนโงหัวไม่ขึ้น! ต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่? ถึงจะอยู่รอดในกรุงเทพฯ!
BY : TEERAPAT LOHANAN
จากผลการรายงานของ"เว็บไซต์ Numbeo" ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เปิดเผยฐานข้อมูลฟรี เกี่ยวกับค่าครองชีพของเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก ได้เปิดเผยตัวเลขค่าครองชีพของประเทศไทยออกมาว่า เป็นประเทศที่มีค่าครองชีพแพงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน!!!! (น้อยกว่าสิงคโปร์ที่ครองแชมป์อันดับหนึ่งลำดับเดียว)
โดยประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตกอยู่ที่เดือนละ 2.1 หมื่นบาท เฉลี่ยมาจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องแต่งกาย การเดินทาง ร้านอาหาร การกีฬา สาธารณูปโภค การดูแลเด็ก ความบันเทิง ที่อยู่อาศัย ฯลฯ (ดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ https://www.numbeo.com/cost-of-living/in/Bangkok)
เรื่องค่าครองชีพของคนไทยนั้น เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากเกินกว่าที่จะปล่อยปละละเลยมันไปได้ จะทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ก็ใช่ว่าจะเกิดผลดี เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวและส่งผลกระทบกับเราในทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องปากท้อง ไปจนถึงเรื่องส่งลูกส่งหลานไปเรียน
นับว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวลเป็นลำดับต้น ๆ ของคนไทย รวมไปถึงเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ทรุดตัวต่ำลงเรื่อย ๆ
ตัวเลขเหล่านี้คือสิ่งที่น่าสนใจสำหรับคนทั้งประเทศจริง ๆ เพราะระบบเศรษฐกิจหลักของประเทศไทยให้ตายยังไงก็หนีไม่พ้นเมืองศูนย์กลางของประเทศอย่างกรุงเทพมหานคร ฉะนั้นแล้ว เมื่อค่าครองชีพของคนเมืองสูงขึ้น ก็ย่อมต้องมีผลกระทบกระจายไปสู่ภูมิภาคเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว อย่างที่เรามีคำเปรียบเทียบว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว(Butterfly Effect)
เมื่อลองพิจารณาดูดี ๆ แล้ว เราจะพบว่าในตัวเลขค่าครองชีพที่สูงลิบลิ่วของชาวกรุงเทพ ที่อยู่ที่ 2.1หมื่นบาทนั้น ไม่ได้เป็นตัวเลขที่สูงอะไรเมื่อเทียบกับประเทศเจ้าของค่าครองชีพอันดับหนึ่งของอาเซียน ซึ่งก็คือสิงคโปร์ ที่มีดัชนีค่าครองชีพอยู่ที่ 91.40 ส่วนเมืองไทยดัชนีค่าครองชีพอยู่ที่ 48.91 เพราะว่ามันมากกว่าเป็นเท่าตัวเลย!
แต่ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งต่างหากที่เป็นตัวแปรสำคัญที่เราอาจจะลืมสังเกตไป นั่นก็คือ "รายได้เฉลี่ย"
รายได้เฉลี่ยของประเทศสิงคโปร์ที่ค่าครองชีพแพงกว่าคนกรุงเทพฯ นั้น ก็มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงกว่าคนกรุงเทพฯ ถึง 290.29% (คนกรุงเทพฯมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 24,755 บาท)
นั่นหมายถึงความสอดคล้องกันของการดำเนินชีวิตประจำวัน ว่าเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีแค่ไหน ในเมืองที่เราอาศัยอยู่ เพราะถึงแม้ว่าสิงคโปร์จะมีรายจ่ายที่มากกว่าเราเป็นเท่าตัวก็จริง แต่รายได้ของพวกเขาก็สูงกว่าเรานำลิ่วอยู่เหมือนกัน
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ทีนี้ก็เราก็คงจะต้องย้อนกลับมาถามที่ตัวเราเองว่า ในเมื่อค่าครองชีพสูงขนาดนี้ แต่รายได้กลับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ในท่ามกลางระบบการบริหารจัดการเศรษฐกิจของประเทศที่ยังคงเป็นแบบนี้อยู่ว่า เราควรจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร? ให้เหมาะสมกับมาตรฐานชีวิตที่เราควรจะได้รับ
นั่นเป็นคำถามที่ดูเหมือนว่าคนเมืองกรุงน่าจะต้องตอบตัวเองให้ได้
อ้างอิง : https://thematter.co/brief/brief-1548496801/69540
https://thematter.co/thinkers/cost-of-living-in-thailand/5029
ความเห็น 61
Ge
BEST
เด็กจบใหม่นี่ลำบากเลย เงินเดือนส่วนใหญ่สตาร์ท17,000-20,000 บาท ค่าเดินทางbtsก็แพงมาก ถ้านั่งรถเมล์ก็รถติดมากเช่นกัน ค่าที่อยู่ ค่ากิน เรียกได้ว่าแทบไม่เหลือเก็บ
08 ก.พ. 2562 เวลา 12.31 น.
SJR
1.เลิกซะทีเมื่อความเจริญมาที่ใด บริเวณนั้นทุกอย่างจะต้องหาเรื่องขึ้นราคาตาม ทั้งๆที่สิ่งของบางอย่างแถวนั้นก็ไม่ได้เจริญรองรับ กับสิ่งที่ได้มา แค่นามธรรม
2. คนบางคนนิยมของไฮเทค, แพง, ยี่ห้อดัง, ดูดี แต่แพง, เกินความจำเป็น (ไม่คำนึงถึงเงินที่มี)
3. ทุกปีต้องมีการขึ้นเงินเดือนไม่แปลก แต่ถ้าเป็นโรงงาน เจ้าของกิจการจะต้องเอาเงินเดือนที่ขึ้นบวกรวมเข้าใน ต้นทุน กำไร ค่าเสื่อม ค่า....ฯลฯ แล้วของมันก็แพงขึ้นทุกปี
08 ก.พ. 2562 เวลา 10.50 น.
Porvadee
ถ้ารู้จักประมานตนก็ไม่น่าเดือดร้อนนะ
08 ก.พ. 2562 เวลา 11.12 น.
P a n d o r a
มีวินัยการเงิน. รู้จักรายรับรายจ่ายของตน เงินเดือนเท้าไหร่ ก็อยู่ได้ อย่าเหอตามโฆษณา
08 ก.พ. 2562 เวลา 11.14 น.
T.cho
ถ้ารู้จักประมาณตน รู้จักบริหารเงินที้ได้ รู้และเข้าใจการใช้ชีวิตตามอัตภาพ ชีวิตมันก็อยู่ได้
08 ก.พ. 2562 เวลา 11.16 น.
ดูทั้งหมด