โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘ArtyMilk’ วาไรตี้คอนเทนต์เรียกรอยยิ้ม เพราะเราอยากให้ทุกคนมีความสุข สนุก และเสียงหัวเราะ

INTERVIEW TODAY

เผยแพร่ 15 ก.ย 2564 เวลา 17.00 น. • pp.p

Highlight
- ดาวรุ่งในโลกโซเชียลคนนี้ดังเป็นพลุแตกด้วยคอนเทนต์วิดิโอที่ทำขึ้นมาเพื่อคลายเครียดช่วงโควิดระลอกแรกเมื่อเดือนเมษายน 2563 และได้รับความสนใจล้นหลามจนติดอันดับ 1 ใน 10 ของ KOL ที่มาแรง
- แม้จะเน้นทำคลิปตลกขำขัน แต่เขาคนนี้ดีกรีไม่เบาเพราะเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกนาฏศิลป์สากล และยังมีอาชีพหลักเป็นนักแสดงละครเวที เป็นคุณครูสอนเต้นอีกด้วย และเป็นผู้จัดการศิลปิน
- ชื่อ ‘ArtyMilk’ ที่แปลกและไม่ซ้ำใคร มีจุดกำเนิดที่เซอไพรส์ไม่ธรรมดา

เชื่อว่าหลายๆ คนต้องคุ้นหน้าคุ้นตากับเขาคนนี้ ผู้สร้างรอยยิ้มผ่านการทำวิดิโอคลิปสั้นๆ ตามโซเชียลต่างๆ จากคนธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องกักตัวอยู่บ้านเพราะสถานการณ์โควิด กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ในระยะเวลาไม่ถึงปี … สัปดาห์นี้มาพูดคุยกับ คุณอาร์ต ปภังกร เขมจิรโชติ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ArtyMilk’ คอนเทนต์ของเขาคนนี้มอบความสุขความสนุกสนานให้หลาย ๆ คนในช่วงโควิดเกือบสองปีที่ผ่านมา

เล่าเรื่องราวชีวิตก่อนที่จะมาโลดแล่นในโลกออนไลน์

“ก่อนจะมาทำคอนเทนต์โซเชียล เราเป็นนักแสดงละครเวที ควบคู่กับการเป็นครูสอนเต้นที่ เป็นอาจารย์พิเศษวิชานาฏศิลป์สากล เป็นวิชาเลือกเสรี และล่าสุดก็มีโอกาสได้เป็นผู้จัดการให้กับศิลปินท่านหนึ่งค่ะ”

“เมื่อช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้ว วิกฤติโควิด-19 ระลอกแรกก็เข้ามาทำให้ต้องกักตัวอยู่บ้าน งานแสดงต้องงดไปก่อน งานสอนก็ต้องพักไปเพราะวิชาที่เราสอนนั้นทำการสอนแบบออนไลน์ค่อนข้างลำบาก พออยู่บ้านรู้สึกว่าง ๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยลองมาอัดคลิปลงใน Tiktok ซึงก่อนหน้านี้เราเองก็มีทักษะในการัดต่อวิดิโออยู่แล้ว เพราะเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มพาวเวอร์พัฟเกย์ มีคอนเทนต์วิดิโอในช่อง Facebook และ YouTube ทำคลิปล้อเลียนต่าง ๆ อยู่ก่อนแล้ว พออยู่บ้านออกไปทำคอนเทนต์ที่ไหนไม่ได้ก็เลยลองหันมาทำคอนเทนต์อยู่ในบ้านนั่นแหละ ก็เลยเป็นที่มาของคลิปต่างๆ ที่หลายๆ คนได้เห็นกันตามโซเชียล”

อดสงสัยไม่ได้ว่าทักษะการแสดงที่แพรวพราวขนาดนี้สั่งสมมาจากที่ไหน

“อาร์ตเรียนจบจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกนาฏศิลป์สากล เกียรตินิยมอันดับ 2 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒค่ะ เรียนสายการแสดงโดยตรง พอเรียนจบก็มาเป็นครูสอนเต้นที่โรงเรียนของพี่เบลล์ ไชน่า ดอลล์ และมาเป็นนักแสดงละครเวทีที่รัชดาลัยเธียร์เตอร์ การแสดงละครเวทีเป็นศาสตร์ที่แตกต่างจากละครโทรทัศน์ที่จะแสดงเป็นฉาก ๆ ไป มีการนะมาตัดต่อร้อยเรียงเป็นเรื่อง แต่ละครเวทีนั้นจะต้องดำเนินการแสดงต่อเนื่องไป ไม่มีการคัตเริ่มต้นใหม่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนเวทีคือสถานการณ์สด ๆ ที่เมื่อเริ่มต้นเปิดฉากแล้วไม่สามารถหยุดได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องดำเนินการแสดงนั้นต่อไปให้จบให้ได้ เป็นงานที่ท้าทายไปอีกแบบ”

จุดเริ่มต้นการก้าวเข้าสู่วงการ TikTok

“อันที่จริงก็ไม่ได้จงใจที่จะเลือกว่าต้องเป็น TikTok หรอกนะ แต่ตอนนั้นมันเป็นกระแส ที่ทุกคนอยู่บ้านอัดคลิปเล่นลง TikTok บางคนเต้น บางคนทำคลิปลิปซิงค์เสียงเป็นคนอื่น ซึ่งด้วยประสบการณ์ในการแอคติ้งที่เรามีอยู่แล้วก็เลยทำให้คลิปของเราดูสนุก มีคนเข้ามาดูเยอะ เริ่มได้รับความสนใจว่าเราเป็นใคร มีคอมเมนต์เข้ามาชมเยอะว่าทำได้ดี ลิปซิงค์เนียนจัง สนุกจัง มีคนชอบและติดตามเยอะจนได้เป็น 1 ใน 10 KOL ของ TikTok ที่มาแรงในปีนั้น”

ชีวิตเปลี่ยนไปมากไหมหลังจากที่ได้เป็นคนดัง

“ทีแรกก็ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตจะมีอะไรเปลี่ยนเพราะก็อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน แต่มารู้ตัวว่ามีคนรู้จักเยอะก็ตอนที่เริ่มออกไปข้างนอกบ้านได้แล้วมีคนเดินเข้ามาขอถ่ายรูป เริ่มมีคนทัก มีคนจำชื่อเราได้มากขึ้น และเริ่มมีรายการติดต่อเข้ามาเชิญไปสัมภาษณ์ มีแบรนด์สินค้ามาให้ริวิวให้หน่อย หรือเชิญไปออกไลฟ์สดด้วยกัน ก็รู้สึกเซอร์ไพรส์เหมือนกันว่ามีคนรู้จักเรามากขนาดนั้นเลยเหรอ”

ชื่อเสียงที่ได้มาด้วยความบังเอิญ

“บอกตามตรงว่าตอนนั้นเราไม่ได้ตั้งใจที่จะต้องทำคอนเทนต์เพื่อให้ตัวเองเป็นที่รู้จักหรืออะไร เพราะก่อนหน้านี้เราก็มีช่องทางอื่นๆ ทำคลิปวิดิโออยู่ก่อนแล้ว ก็ไม่ได้คิดว่ามาเล่นอัดคลิปตลกแบบสั้นๆ จะได้รับการตอบรับที่ดีแบบนี้ ความตั้งใจเดียวที่มีคืออยากให้คนที่เห็นได้หัวเราะ ทำแบบนี้คนดูต้องขำแน่ ๆ คิดแค่นั้นเอง”

คิดว่าอะไรที่เป็นเสน่ห์ของตัวเอง

“เราเคยถามตัวเองเหมือนกันนะว่าช่องของเราจุดเด่นคืออะไร คนอื่น ๆ ที่เคยเห็นเขาจะมีความสามารถเฉพาะตัวเช่นเป็นเชฟทำอาหาร เป็นเมคอัพอาร์ติสท์แต่งหน้า สอนภาษา แต่เรามองตัวเองว่าเป็นช่องที่หลากหลาย (หรือจะเรียกว่าจับฉ่ายก็ได้) วันนี้ฉันอยากเต้นก็เต้น เพราะเราเป็นครูสอนเต้น, วันนี้เราจะแต่งเป็นผู้หญิงออกไปลิปซิงค์เราก็ทำ, บางวันอยากทำชาเลนจ์เป็นคลิปวิดิโอเราก็ทำ คือทำหลายอย่างจนไม่รู้ว่าจุดเด่นของตัวเองคืออะไร เคยลองถามเพื่อนๆ ก็ได้คำตอบว่าเรามีความวาไรตี้ คือหลากหลาย แต่ที่ชัดเจนมากคือความสนุก ทำคลิปที่ให้ความบันเทิง คนดูแล้วยิ้ม หัวเราะ มีความสุข คาแรคเตอร์ของเราคือมีกล้าม และชอบแต่งหญิง ซึ่งกล้ามนี้ก็มาจากที่ก่อนหน้านี้เราเคยทำช่องใน Youtube ชื่อว่า ‘เทรนกระเทย’ ซึ่งช่วงนั้นเราบ้าออกกำลังกายมาก ก็ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับฟิตเนส ก็เลยกลายเป็นคาแรคเตอร์ของเราไป”

คิดว่าคอนเทนต์ไหนที่ปังที่สุด และทำให้เป็นที่รู้จัก ยอดฟอลพุ่งรัว ๆ

“เอาจริงๆ นะ มันจะมีคอนเทนต์นึงที่เราคุยกับดอร่า เป็นตัวการ์ตูนตัวหนึ่งที่ดังในตอนนั้น เราเอามาแปะในคลิปแล้วทำเหมือนพูดคุยโต้ตอบกับดอร่า เหมือนทะเลาะกับตัวการ์ตูน ซึ่งคลิปนั้นกลายเป็นคลิปที่คนเข้ามาดูเยอะมากจนตกใจ บอกตามตรงว่าทุกคอนเทนต์ที่ทำไม่มีอันไหนที่ทำโดยมีการวางแผนว่าอันนี้แหละจะต้องปัง ดังแน่ๆ แต่มันไปของมันเอง เราแค่ทำเล่นสนุกๆ ตื่นเช้ามาตกใจกับยอดวิวล้านกว่า ด้วยความที่มันเป็นการ์ตูน และตอนนั้นยังไม่เห็นมีใครทำคลิปเถียงกับตัวการ์ตูน เด็กชอบดู เพราะว่า 70% ของคนที่เล่น TikTok คือเด็ก เลยกลายเป็นคลิปเปิดตัวที่ ArtyMilk เป็นที่รู้จักในกลุ่มเด็ก ๆ ก่อน หลังจากนั้นก็มีอีกหลายไวรัลนะ เช่นที่เราเล่นเป็นแอนนากับเอลซ่า ก็เป็นที่ถูกใจของเด็กๆ หรือแม้กระทั่งคลิปที่โหนราวห้องน้ำเล่นจำลองเหมือนอยู่ในรถไฟฟ้าและมีเสียงของพี่รัดเกล้ามาช่วยเพิ่มสียงเป็นการเติมเต็มสีสันให้ ใดๆ เหล่านี้คือทำไปด้วยความอยากให้คนดูมีความสุข ไม่ได้คิดว่าทำแล้วจะดัง”

ชื่อ ArtyMilk มีที่มาจากอะไร ?

“คือชื่อเล่นของเราก็คือ อาร์ต แล้วอยากมีคำสร้อยก็เลยเติมคำว่า ตี้ ลงไปเป็น ‘Arty’ ส่วนคำว่า ‘Milk’ นั้นเป็นชื่อของผู้ชายที่เราแอบชอบ ประกอบกับที่เราชอบดื่มนมอยู่แล้ว และเราก็เล่นกล้ามช่วงหน้าอกหนักมาก ทำให้กล้ามอกค่อนข้างชัด ก็เลยนำมาต่อท้ายชื่อ กลายมาเป็นความลงตัวที่ไม่ซ้ำใคร”

คอนเซ็ปต์ของแต่ละรายการ มีความแตกต่างกันอย่างไร

“ช่อง ‘เทรนกระเทย’ เป็นการทำงานใน Youtube ครั้งแรกของเรา ด้วยความที่ช่วงหนึ่งเราเป็นสายฟิตเนส ชอบออกกำลังกาย ก็ไปกับเพื่อนๆ เป็นกลุ่มเพื่อนฟิตเนส ก็ชวนกันทำรายการกระเทยไปเทรนตามที่ต่างๆ แต่ตอนนี้ช่องนี้หยุดทำไปก่อนเพราะสถานการณ์โควิด ตอนนี้ก็เลยจะมีอยู่แค่ 12 ตอน”

“ส่วน ‘พาวเวอร์พัฟเกย์’ ที่ทำร่วมกับเพื่อนๆ จะอยู่แค่ใน Facebook เป็นคอนเทนต์ล้อเลียน ทำกับกลุ่มเพื่อนที่แต่ละคนจะมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน สมาชิกก็จะมี ‘ใหม่’ - ผู้มีความเป็นสไตลิสต์ เป็นหัวหน้าเพจผู้มีความครีเอทีฟ / ‘อาร์ต’ - ทำหน้าที่เป็นครีเอทีฟ วางภาพ วางแผนว่าจะต้อง่ายอย่างไร โดยนำเอาประสบการณ์งานแสดงมาใช้ในการทำคอนเทนต์ ก็จะช่วยในส่วนของการวางซีนว่าอันไหนควรถ่ายก่อนหรือหลัง และคอยสอนเต้นให้เพื่อน ๆ / ‘หนุ่ม’ จะเป็นเด็กที่มีเอเนอร์จี้สูงมาก งานแสดงเก่งมาก ๆ และมีความสามารถพิเศษในการแต่งหน้า / ‘เต้’ จะเก่งเรื่องการตัดต่อคลิป ทุกคนเด่นกันคนละด้าน และแบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน พอเราทั้งสี่คนมาอยู่ด้วยกันจึงเป็นการรวมตัวที่ลงตัวมาก”

“เพจ ‘ขำไรย่ะ’ ก็เป็นเพจส่วนตัวที่เปิดแยกออกมา เหมาะกับคนที่ชื่นชอบเราเป็นการส่วนตัว เพื่อน ๆ กลุ่มพาวเวอร์พัฟเกย์ ทุกคนจะมีเพจส่วนตัวแยกกันออกไป ในส่วนของอาร์ตแฟนคลับส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้หญิงนี่แหละ ชอบดูเราแต่งหญิง ชอบคำตลก ๆ ที่เราทำเอาไว้”

คำถามที่เจอบ่อยๆ ในคอมเมนต์

“เชื่อไหม คำถามที่เจอบ่อยมากคือ “พี่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?” เพราะคนที่ตามเรามาจากใน TikTok ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเด็ก เขาจะยังไม่เข้าใจเพราะเรามีทั้งคอนเทนต์ที่ถ่ายธรรมดา ๆ กับแต่งเป็นผู้หญิง อีกคำถามที่เจอก็คืออยากรู้อายุ ส่วนใหญ่จะเป็นคำถามทั่วไป ส่วนคำถามแรง ๆ ก็มีเหมือนกันนะ แต่เราจะไม่เก็บมาเครียด เราอ่านคอมเมนต์เพื่อให้เรารู้จักตัวเอง อ่านเพื่อให้เรายังรู้ตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ สมมุติว่ามีคนไม่ชอบเรา 1 คอมเมนต์ เราก็ลองดูว่าคนอื่นๆ เขามีความคิดเห็นไปในทิศทางไหน ถ้าส่วนใหญ่ไม่ชอบในงานของเรา ก็ต้องเอามาพิจารณาว่างานของเราไม่ถูกไม่ควรหรือเปล่า ยิ่งเราเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทำคอนเทนต์หลากหลาย เราอาจไม่รู้ตัวว่าคอนเทนต์ของเราเหมาะสมหรือไม่ สิ่งที่เราทำมันถูกต้องหรือเปล่า ต้องคอยสำรวจตัวเองเรื่อยๆ อีกอย่างหนึ่งคืออ่านเพื่อไม่ให้เหลิงด้วย”

แนวคิดที่ได้จากการเป็นคนทำคอนเทต์ออนไลน์

“ทุกวันนี้คนใหม่ ๆ คลื่นลูกใหม่พร้อมที่จะแจ้งเกิดอยู่ตลอด ความสำเร็จของเราในวันนี้พอมันพ้นวันนี้ไปก็กลายเป็นอดีต เราไม่สามารถยึดติดกับอะไรได้เลย ทุกอย่างต้องพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า วันไหนจะหายไปจากโซเชียล วันไหนที่จะมีดาวรุ่งดวงใหม่เข้ามา หรือวันหนึ่งที่คอนเทนต์เราเริ่มน่าเบื่อในสายตาของคนอื่น ๆ ทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่เรียนรู้ได้คือเราจะต้องพัฒนาตัวเอง หามุมมองใหม่ ๆ ดูให้เยอะ ฟังให้เยอะ เพื่อให้ทันทุกกระแสที่จะเข้ามา เราจะหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องไปให้ได้ในทุกช่องทาง หากถามว่าเหนื่อยไหม ตอบได้เลยว่า เหนื่อย เพราะเราทำงานอยู่ในกระแส หยุดไม่ได้ สมมุติว่าเราลองไม่จับโทรศัพท์แค่วันเดียว กลับมาอีกทีเราอาจพลาดอะไรไปหลายๆ อย่าง คนเขาคุยอะไรกันเราตามไม่ทันแล้ว แต่ถึงแม้จะเหนื่อย แต่เรามีความสุขนะ เรารักในสิ่งที่ทำ วิธีพักสมองของเราก็คือหาซีรี่ส์หรือภาพยนตร์ดู เล่นเฟสบุคบ้าง

ฝากผลงาน

ฝากช่องทางหลักของอาร์ตเลยก็คือ TikTok แล้วก็มี IG, Facebook ชื่อ ArtyMilk ทั้งหมดเลยค่ะ ส่วนงานอื่นๆ ยังไม่มีเข้ามานะคะ ตอนนี้เรียกว่าทำงานออนไลน์เต็มตัวเลยก็ว่าได้ ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ติดตามผลงานของอาร์ต และสำหรับท่านใดที่ยังไม่เคยลองดูผลงานของอาร์ตก็ลองแวะมาดูได้นะคะ วันไหนที่รู้สึกเหนื่อยล้า ให้คอนเทนต์ของอาร์ตได้สร้างรอยยิ้มให้คุณหายเหนื่อยบ้างไม่มากก็น้อย แต่รับรองว่าคุณจะได้ความสุขกลับไปแน่นอนค่ะ”

0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0