โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

บุกร้อง ยธ.โดนตุ๋นเทรดเหรียญ เสียหายกว่า 1,000 ล้าน แฉมีนักแสดง-ไฮโซดังร่วมด้วย

แนวหน้า

เผยแพร่ 14 ก.พ. 2566 เวลา 17.00 น.

"เอกภพ"นำผู้เสียหายนักลงทุนหลายสิบราย ร้องยธ.โดนโบรกเกอร์ตุ๋นเทรดเหรียญ ก่อนหายเข้ากลีบเมฆ ถอนเงินไม่ได้เสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท แฉเป็นคนในกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังแชร์ Forex-3D แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้ต้องหา จี้รับเป็นคดีพิเศษ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 15 ก.พ.66 ที่กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วยตัวแทนผู้เสียหายจากการถูกฉ้อโกงในคดี FOREX และการเทรดเหรียญคริปโตเคอเรนซีรูปแบบใหม่ กว่า 30 ราย โดยมีผู้ต้องหาเป็นกลุ่มไฮโซ เซเลบริตี้ ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศรวมอยู่ด้วย โดยมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 1,000 ล้านบาท เดินทางเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม โดยมีนายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปิ่นวงศ์ ผอ.ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม เป็นตัวแทนรับเรื่องแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

นายเค (นามสมมติ) ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนถูกโบรกเกอร์รายหนึ่งชักชวนให้ร่วมลงทุนซื้อขายเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ในตลาด Forex ในต่างประเทศโดยใช้ชื่อว่า "MuVerse" โดยพฤติการณ์คือเปิดชักชวนให้นักลงทุนเช่นพวกตนมาเทรดเหรียญผ่านโบรกเกอร์รายนี้ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 โดยเสนอว่าหากลงทุนผ่านโบรกเกอร์รายนี้จะได้รับโบนัสในการลงทุนซื้อขาย 30% อีกทั้งยังมีแรงจูงใจด้วยการจัดทริปเดินทางไปเที่ยวในต่างประเทศและแจกโทรศัพท์ไอโฟนรวมถึงยังมีนักแสดง นายแบบและบุคคลในแวดวงสังคมชั้นสูงร่วมลงทุนและช่วยประชาสัมพันธ์ จึงทำให้มีผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการชักชวนกันแบบปากต่อปาก ทั้งนี้อาศัยความใกล้ชิด ความไว้วางใจ การมีเครดิตในสังคมในการจูงใจชักชวน

นายเค กล่าวอีกว่า ในระหว่างการลงทุนช่วงแรกๆ ตนและทุกคนยังสามารถถอนเงินออกได้ แต่การถอนเงินออก จะมีเงื่อนไขกำหนดว่า บุคคลนั้นจะหมดสิทธิ์ได้รับโบนัสการลงทุน 30% จึงทำให้นักลงทุนรายๆคนตัดสินใจวางเงินไว้ภายในพอร์ตตัวเองเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว กลับพบว่าระบบเริ่มมีปัญหา ไม่สามารถถอนเงินออกจากในพอร์ตได้ และแอดมินให้เหตุผลว่าระบบถูกแฮกจากต่างประเทศทำให้ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จากนั้นก็พบว่ามีการปิดเว็บไซต์และระบบของโบรกเกอร์ซื้อขาย ทำให้ไม่สามารถนำเงินที่ลงทุนค้างไว้ออกมาได้ อย่างไรก็ตาม ในบรรดาผู้เสียหายบางส่วนได้รวมตัวกันจึงพบว่าเบื้องต้นขณะนี้มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว เพราะการลงทุนนั้นเริ่มต้นที่ 30,000 บาท หลายๆคนเมื่อลงทุนแล้วเห็นปันผลดี มีกำไร จึงลงทุนเพิ่มขึ้นและค้างเงินไว้ในพอร์ต บางรายลงทุนสูงตั้งแต่หลักแสนบาท ถึงหลักสิบล้านบาท จึงทำให้ความเสียหายมีมูลค่าสูงมาก

นายเค กล่าวต่อว่า เมื่อผู้เสียหายทวงถามไปที่บริษัทโบรกเกอร์ดังกล่าว ก็มักจะถูกเกลี้ยกล่อมไม่ให้แจ้งความดำเนินคดี โดยอ้างว่าการแจ้งความนั้นไม่ได้ช่วยให้ได้รับเงินคืนมา แต่ให้ไปลงทุนเทรดเหรียญกับโบรกเกอร์อื่นแทนสักระยะ ไม่นานก็จะได้เงินคืนเอง แต่หากทำให้เป็นคดีความจะทำให้เสียเวลาทำมาหากิน อีกทั้งระบบอาจจะกลับมาใช้บริการได้ปกติในอนาคต อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายหลายรายเล็งเห็นว่าเวลาได้ล่วงเลยมานานแล้วทำให้เกรงว่าจะไม่ได้รับเงินคืน จึงกระจายกันไปแจ้งความตามสถานีโรงพักต่างๆทั่วประเทศ ก่อนที่จะรวมตัวกันเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ เพื่อติดตามช่วยเหลือให้ผู้เสียหาย

ขณะที่นายโอ หนึ่งในตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวด้วยว่า ตนคิดว่าโบรกเกอร์รายนี้มีพฤติการณ์ที่เป็นไปได้ 2 ลักษณะ คือ มีการอุ้มไว้เอง โดยที่ไม่ส่งเงินเทรดเหล่านี้เข้าระบบของต่างประเทศ (หรือเจ้ามือ) เพราะมั่นใจว่ารับไหวเคลียร์ได้ หรืออีกกรณีคือตั้งใจวางแผนไว้ว่าในกรอบระยะเวลาการลงทุนประมาณนี้ จำนวนมูลค่าการลงทุนทะลุเป้าแล้วก็ฉวยโอกาสหนีไปเมื่อระบบล่ม ตรงนี้คือสิ่งที่ตนติดใจสงสัย เพราะเราเป็นนักลงทุน ก็ไม่เคยคิดว่าจะถูกฉ้อโกงเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาก็มีการการันตีด้วยบุคคล ความใกล้ชิด ความสนิทสนมที่น่าเชื่อถือได้มาตลอด และเเรกๆก็ถอนเงินได้จริง จนมามีปัญหาเกิดขึ้นช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า การลงทุนแล้วได้มาง่ายๆมันไม่มีอยู่จริง การที่มีบุคคลใดอ้างว่าตัวเองนั้นเป็นโบรกเกอร์มืออาชีพที่สามารถทำให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนสูง ตนอยากเตือนว่าโบรกเกอร์เก่งๆไม่มีจริง

"อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนที่มาชักชวนเหล่าผู้เสียหายกลุ่มนี้ ผมทราบว่าบางรายอยู่เบื้องหลังแชร์ Forex-3D อีกด้วย แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้ต้องหา จึงขอให้ทางกระทรวงยุติธรรมช่วยเร่งรัดเรื่องนี้ และประสานขอให้รับเป็นคดีพิเศษ "นายเอกภพ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตัวแทนกระทรวงยุติธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้ก่อนที่จะส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เสนอเข้าที่ประชุมพิจารณาว่าจะเข้าข่ายรับเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ตามขั้นตอนต่อไป.-001