โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

ทะลุมิติมาเป็นตัวประกอบในนิยายยุค 70

นิยาย Dek-D

อัพเดต 23 เม.ย. เวลา 08.00 น. • เผยแพร่ 23 เม.ย. เวลา 08.00 น. • ซินหยวน
ทะลุมิติมาเป็นตัวประกอบในนิยายยุค 70
ลั่วซือหานหลังจากที่ประสบอุบัติเหตุเขาได้ทะลุมิติมาอยู่ในนิยายยุค70 วันแรกที่เขาฟื้นขึ้นมา เขายังสามารถช่วยชีวิตสาวงามไว้ได้ตั้งหนึ่งคน?!

ข้อมูลเบื้องต้น

ทะลุมิติมาเป็นตัวประกอบในนิยายยุค 70

#เปิดอ่านฟรีวันละ 1 ตอนที่ ReadAWrite

เรื่องย่อ
ลั่วซือหานหลังจากที่ประสบอุบัติเหตุเขาได้ทะลุมิติมาอยู่ในนิยายยุค70 วันแรกที่เขาฟื้นขึ้นมา เขายังสามารถช่วยชีวิตสาวงามไว้ได้ตั้งหนึ่งคน?!
นอกจากนั้นเขายังได้ระบบเป็นตัวช่วยเหมือนนางเอกในนิยายอีกด้วย
ส่วนสามงามที่เขาบังเอิญช่วยไว้ ดันเกิดข่าวลือแปลก ๆ ทำให้ลั่วซือหานรู้สึกผิด
อีกไม่นานจะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาไม่อยากให้เธอเสียโอกาศ และเขาเองก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน
เขาจึงอยากรับผิดชอบเธอด้วยการหมั้นหมาย ถ้าเกิดว่าเธอมีคนที่ชอบในอนาคต เขาจะยอมถอนหมั้นด้วยตัวเอง
ในชีวิตก่อนเขาเกิดมาก็กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็กพอโตขึ้นมาหน่อยก็ทำแต่งานอย่างเดียวจนเกิดอุบัติเหตุขึ้น
ลั่วซือหานมีความฝันที่เรียบง่ายนั้นคือการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น
ดังนั้นเขาจึงคิดอยากมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี ในอนาคตครวบครัวของเขาจะได้ไม่ลำบาก
ส่วนเนื้อหาในนิยายต้นฉบับ ลั่วซือหานคนนี้จะไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย ยกเว้นแต่ว่าจะมีใครมาหาเรื่องเขาก่อน!
#ลั่วซือหาน

บทที่ 1 : ช่วยสาวงาม (รีแล้ว)

บทที่ 1 : ช่วยสาวงาม

ลั่วซือหานคือประธานหนุ่มในวัยสามสิบต้นๆ ขณะนี้เขากำลังนั้งรถไปตามถนนที่พลุกพล่าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เรียกความสนใจจากเขา

ชื่อของคนที่โทรเข้ามา ทำให้เขาจำเป็นต้องรับสายนั้นไม่ว่าเขากำลังจะทำอะไรอยู่ก็ตาม

คนที่โทรหาเขาคือหมอประจำตัวของคุณปู่ของเขาเอง ซึ่งถ้าไม่มีเรื่องร้ายแรงคุณหมอจะไม่มีทางโทรหาเขาแน่นอน

ลั่วซือหานกดรับสาย “คุณชายลั่วครับ ตอนนี้ท่านประธานหยุดหายใจแล้ว ดังนั้นผมอยากให้คุณชายรีบมาที่โรงพยาบาลโดยด่วนที่สุด”

เสียงจากปลายสายทำให้ เขามีสีหน้าว่างเปล่า ตัวสั่นสะเทือนเหงื่อไหลออกมา แม้ว่ารถยนต์ของเขาจะเปิดแอร์เย็นมากก็ตาม

“ผมจะรีบไป” ลั่วซือหานตอบเสียงสั่นเล็กน้อย

คุณปู่คือในครอบครัว ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของลั่วซือหาน

“เปลี่ยนเส้นทาง รีบไปที่โรงพยาบาล S” ลั่วซือหานบอกคนขับรถ

คนขับรถรีบเปลี่ยนเส้นทางอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้น ได้มีรถหักเลี้ยวตัดหน้ารถของลั่วซือหาน คนขับสูญเสียการควบคุมรถ เขาพยายามเบรกแต่สายเกินไป

เสียงรถชนดังมากจนคนบริเวณนั้นกรีดร้องด้วยความตกใจ!

รถชนเข้ากับต้นไม้ ด้วยความรุนแรงที่ได้รับต้นไม้หักทับส่วนหน้ารถ ควันและเสียงโลหะที่บิดเป็นเกลียวลอยอยู่ในอากาศ

ลั่วซือหานมีอาการมึนงงและได้รับบาดเจ็บสาหัส เขามองไปรอบ ๆ พยายามที่จะลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก

เขาเห็นโทรศัพท์ของเขาแตกอยู่บนพื้น เขาเอื้อมมือไปหามัน แต่ต้องถอยกลับด้วยความเจ็บปวด เขามองลงไปและเห็นเลือดไหลซึม ออกมาจากบาดแผลบนหน้าผาก

ลั่วซือหานรู้สึกชาไปทั้งร่าง แล้วความง่วงก็เข้ากัดกินความคิดของเขา จากนั้นภาพตรงหน้าก็ค่อย ๆ มืดลง

“ช่วยด้วย…”

เสียงสุดท้ายของลั่วซือหานถูกพูดออกมาราวกับเสียงกระซิบจากนั้นภาพตรงหน้าเขาก็มืดสนิท สติของเขาหลุดลอยออกไปไกล

ลั่วซือหานค่อย ๆ ได้สติลืมตาขึ้นมอง เขาเห็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย เขาลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะมองไปรอบ ๆ อย่างสับสน

ทันใดนั้นความทรงจำบางอย่างได้แทรกเข้ามาปะปนกับความทรงจำเดิม

ลั่วซือหานเคยอ่านนิยายย้อนยุคเรื่องหนึ่งชื่อเรื่อง “ย้อนเวลามาในยุค 70” ในนิยายเรื่องนั้น นางเอกคือหมอที่ได้ย้อนเวลามาในยุคชนบทพร้อมกับมิติห้องพยาบาล และตอนนี้เขาก็ตื่นขึ้นมาในนิยายเรื่องนั้นเช่นกัน

ดูเหมือนว่าตัวเขาจะตายไปแล้ว จากนั้นก็มาเกิดใหม่ในนิยาย มาอยู่ในร่างของตัวประกอบที่มีชื่อเดียวกัน

ลั่วซือหานส่ายหัว พยายามที่จะจัดระเบียบความคิดของเขา

เขามองลงมาที่ตัวเอง และรู้ว่าตอนนี้กำลังเขาสวมชุดที่ดูเก่า และสกปรกมาก จากความทรงใหม่ได้รับ มันคือชุดที่ดูดีที่สุด

ลั่วซือหานลุกยืนขึ้นและเดินไปรอบๆห้อง พยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง

จากความทรงจำลั่วซือหานจึงรู้ว่าเขาอยู่ในหมู่บ้านหลิ่วจวง หมู่บ้านหลิ่วจวงเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ในประเทศจีน

ปีนี้คือปี 1978 ขณะนี้ประเทศกำลังผ่านช่วงเวลาที่วุ่นวาย และเริ่มประกาศเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง รวมถึงการเปิดรับสมัครนักศึกษามหาวิทยาลัย

ลั่วซือหานไม่อยากจะเชื่อ เขาถูกพามาอยู่ในยุคที่ยากลำบาก แถมยังเป็นในนิยายที่เขาเคยอ่านอีกด้วย!

“ฉันจะออกไปดูสักหน่อย ว่าที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นยังไงบ้าง” แม้จะได้รับความทรงจำมา แต่ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองก็ไม่มีทางรู้ได้

เขาตัดสินใจสำรวจหมู่บ้านก่อนเป็นอันดับแก ขณะที่ลั่วซืหานเดินไปตามถนน เขาสังเกตเห็นว่าผู้คนกำลังจ้องมองมาที่เขา ก่อนจะหันหน้าหนีไปเมื่อถูกเขาจับได้

ในไม่ช้าลั่วซือหานก็รับรู้ได้จากความทรงจำใหม่

เมื่อวานลั่วซือหานคนเดิมได้ไปก่อเรื่องวุ่นวายไว้ โดยไปมีปากเสียงกับปัญญาชนที่มีการศึกษาคนหนึ่ง

โชคดีที่ไม่ใช่การทะเลาะที่รุนแรง แค่มีปากเสียงกันด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านั้น

ส่วนเรื่องที่พวกเขามีปากเสียงกันนั้น จู่ ๆ เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาเพราะเรื่องที่เขามีปัญหากันคือการแย่งไก่ป่าตัวเดียว แต่ลั่วซือหานลืมไปว่า นี่คือยุคที่อาหารขาดแคลน ต่อให้เป็นนกแค่หนึ่งตัวก็ถือว่ามีค่ามากแล้ว

แต่สุดท้ายไก่ป่าตัวนั้นก็มาตกอยู่ในท้องของลั่วซือหานจนได้ ดีที่ปัญหาถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว เขาจึงไม่ได้สนใจสายตา และเสียงนินทาจากชาวบ้านอีก

ลั่วซือหานเดินสำรวจรอบหมู่บ้านจนไปถึงแม่น้ำสายหนึ่ง เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อสำรวจ เขามองเงาที่สะท้อนกลับมา นอกจากชื่อก็ยังมีใบหน้าที่เหมือนกันอีกด้วย

ชายหนุ่มลึกลงไปผ่านเงาสะท้อน เขาไม่เห็นแม้แต่ก้นของแม่น้ำ แสดงว่ามันต้องลึกมากแน่ อย่าคิดว่ามันลึกอย่างเดียว แม้บนผิวน้ำจะนิ่งสงบ แต่ใต้น้ำกลับมีกระแสน้ำที่รุนแรง ทำให้ยากต่อการหาปลา

จะหาปลาได้ต้องไปในบริเวณที่มีน้ำตื้นเท่านั้น ซึ่งไกลออกไปหลายกิโลเมตร จึงมีชาวบ้านน้อยมากที่จะออกมาหาปลาบริเวณนี้ ยกเว้นคนที่มาตกปลา แต่การตกปลามันต้องใช้เวลานาน และได้ปลาน้อย

ดังนั้นจึงมีชาวบ้านน้อยมากที่จะมาตกปลากัน ยกเว้นเด็ก ๆ ที่มีเวลาว่างจากการเรียนหนังสือ แต่ผู้ใหญ่หลายคนกลัวว่าลูกหลานของตัวเองจะตกน้ำ จึงไม่มีใครยอมให้เด็ก ๆ มาเข้าใกล้บริเวณนี้

ด้านข้างของแม่น้ำมีต้นไม้สูงใหญ่ สามารถใช้เป็นร่มเงาเพื่อบังแดดได้ดี มีสายลมพัดเบา ๆ ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกเย็นสดชื่นสบายตัว เหมาะแก่การนั่งเล่นพักผ่อนมากที่สุด

ลั่วซือหานเลือกหาที่นั่งพักใต้ร่มไม้ และใช้ความคิดหาวิธีเอาตัวรอดในยุคที่ขาดแคลนอาหารแบบนี้ ตอนนี้เขากำลังอยู่ในปี 1978 อีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดให้สอบเข้าได้แล้ว

ลั่วซือหานคิดจะไปสอบ และเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย แม้ว่าชีวิตก่อนเขาจะเรียนจบมาหลายปีแล้วก็ตาม

ส่วนเนื้อเรื่องในนิยาย ตามความทรงจำที่ได้รับมา อีกไม่นานพระเอกก็จะกลับมาจากกองทหารด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ชื่อของเขาคือหวังห่าวซวน

การกลับมาในครั้งนี้ของหวังห่าวซาน เกี่ยวข้องกับการแต่งงานเพราะครอบครัวของเขาได้สู่ขอเจ้าสาวไว้ให้เขาแล้วหนึ่งคน

แต่เพราะเขาได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติภารกิจครั้งล่าสุด ทำให้หวังห่าวซวนต้องเดอนทางกลับบ้านมาก่อนเวลาที่บอกไว้

เนื่องจากนายแพทย์ทหารได้บอกว่า วิธีการรักษาของเขาไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของหวังห่าวซวนให้หายดีได้ ดังนั้นแพทย์จึงลงความเห็นว่า หวังห่าวซวนจะไม่สามารถกลับมาเดินได้ปกติอีกต่อไป

อาการบาดเจ็บของหวังห่าวซวนเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นเขาจึงได้รอลาออก และขอกลับมารักษาตัวที่บ้านเกิด

ก่อนกลับมาหวังห่าวซานได้โทรศัพท์กลับไปที่หน่อยงานพรรคประจำหมู่บ้าน เสียงโทรศัพท์ที่ลอดออกมา มีชาวบ้านหลายคนได้ยิน ทางบ้านหลิวจึงทราบข่าวของหวังห่าวซวนไปด้วย

หลังจากที่บ้านหวังได้รับข่าวร้าย อย่างแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงคือการแต่งงาน แทนที่หวังห่าวซวนจะได้แต่งงานกับคู่หมั้นของเขา ที่เคยหมั้นหมายไว้ แต่เมื่อเขามาถึงเจ้าสาวก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็นอีกคนแทน

คนที่จะต้องแต่งงานแท้จริงแล้วคือหลิวถิงถิง แต่เมื่อเธอรู้ว่าหวังห่าวซวนจะต้องพิการไปตลอดชีวิต เธอจึงรู้สึกรังเกียจเขาขึ้นมา

แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของหวังห่าวซานจะถูกใจเธอ แต่เธอไม่อยากเลี้ยงดูคนพิการไปตลอดชีวิต ดังนั้นหลิวถิงถิงจึงไม่อยากแต่งงานกับหวังห่าวซวนอีกต่อไป

แต่ทางบ้านหลิวที่ได้รับของหมั้นหมายมาแล้ว เงินก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเท่านั้น

แล้วคนที่ต้องแต่งงานกับหวังห่าวซาน ก็คือหลิวผิงอัน คนที่นางเอกได้เข้ามาสวมร่าง

ก่อนที่นางเอกจะเข้ามาสวมร่าง หลิวผิงอันเธอมีคนรักอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ยอมรับการแต่งงานในครั้งนี้

แต่เมื่อเธอขอให้คนรักหนีตามกันไป คนรักของเธอกลับปฏิเสธ แล้วบอกว่าเขาจะแต่งงานกับพี่สาวของเธอแทน นั้นก็คือหลิวถิงถิง!

หลิวผิงอันเสียใจอย่างมาก เธอมีนิสัยเงียบขรึมจึงไม่กล้าไปต่อว่าพี่สาวที่แย่งคนรักของตัวเองไป แต่เธอกลับกล้าที่จะใช้หัวโขกกำแพงฆ่าตัวเองจนตาย!

จากนั้นวิญญาณของนางเอกที่เป็นถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็ได้มาเข้าร่างของเธอ พร้อมกับพื้นที่มิติห้องพยาบาล

ซึ่งในห้องนั้นมีอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยทุกอย่าง นอกจากอุปกรณ์การแพทย์แล้ว ยังมีคลังยารักษาทุกโรคอีกด้วย

ตอนแรกทางบ้านหวังได้ออกมาโวยวายเรื่องการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว แต่ทางบ้านหลิวก็โวยวายกลับเช่นกัน เรื่องที่หวังห่าวซวนกลายเป็นคนพิการ ถ้าหากพวกเขาอยากให้หลิวถิงถิงแต่งงานกับคนพิการ ทางบ้านหวังจะต้องเพิ่มค่าสินสอดให้พวกเขา แน่นอนว่าคนบ้านหวังไม่มีทางยอมเสียงานเพิ่มแน่นอน พวกเขาจึงปล่อยผ่านเรื่องที่จะเปลี่ยนตัวเจ้าสาว

ในวันที่หลิวผิงอันฆ่าตัวตาย หวังห่าวซานยังเดินทางมาไม่ถึงหมู่บ้าน และบ้านหลิวก็ปิดข่าวนี้ได้ดี จึงไม่มีใครรู้ข่าวเรื่องการฆ่าตัวตายของบ้านหลิว นอกจากบ้านของลั่วซือหานที่อยู่ติดกัน

ซึ่งจากความทรงจำที่ได้รับมา หลิวถิงถิงพึ่งโขกหัวตายไปเมื่อสองวันก่อน ดังนั้นตอนนี้คงเข้าสู่เนื้อหาในนิยายเรียบร้อยแล้ว!

ลั่วซือหานรู้สึกอิจฉาที่นางเอกในนิยายมีมิติห้องผ่าตัด เพราะมันทำให้เธอได้รับการยอมรับจากทุกคน และเป็นตัวช่วยที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

ลั่วซือหานมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง เขามาที่โลกแห่งนี้ด้วยตัวเปล่า?

ถ้าจะให้ดีเขาเองอยากได้ระบบเป็นตัวช่วยด้วยเช่นกัน

จากนั้นลั่วซือหานเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ถ้าหากเขาสามารถเข้ามาอยู่ในนิยายเหมือนนางเอกได้ ทำไมตัวเขาถึงไม่มีตัวช่วยแบบหลิวผิงอันบ้าง?

ดังนั้นเขาจึงได้ลองพูดบางอย่างออกมา “ระบบร้านค้า?”

หน้าจอโปร่งใสสีฟ้าเด้งขึ้นมากลางอากาศ และมีข้อความเขียนไว้เพียงว่าร้านค้ามิติ

ดวงตาของลั่วซือหานเบิกโตด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าความคิดแปลก ๆ ของเขาจะกลายเป็นความจริง ดูเหมือนว่าเขาเองก็มีตัวช่วยด้วยเช่นกัน?

ระบบร้านค้ามิติของลั่วซือหาน และมิติห้องพยาบาลของหลิวผิงอันนั้นแตกต่างกัน ระบบของเขาจะเป็นหน้าจอโฮโลแกรม ในขณะที่มิติของหลิวผิงอันเป็นห้องพยาบาลขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง

“ดูเหมือนว่าฉันเองก็มีโชคเหมือนกันสินะ” ลั่วซือหานบอกตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ

แต่ก่อนที่ลั่วซือหานจะได้สำรวจระบบร้านค้าต่อ

เขาได้ยินเหมือนเสียงอะไรบางอย่างตกน้ำ แต่เสียงมันดังมาก ดังนั้นของที่ตกน้ำต้องมีน้ำหนักเยอะมากพอสมควร

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนขอความช่วยเหลือดังขึ้นมา แม้จะไม่ดังมาก แต่ลั่วซือหานมีหูที่ดีมาก เขาจึงได้ยินเสียงนั่น

ลั่วซือหานรีบลุกขึ้นยืน มองหาทิศทางของเสียง เมื่อแน่ใจแล้วจึงวิ่งไปตามทางที่เขาได้ยิน

เมื่อวิ่งไปใกล้ที่เกิดเหตุ ลั่วซือหานสังเกตเห็นหลังของใครบางคนวิ่งหายเข้าไปในป่า แต่เขาไม่มีเวลามาสนใจ สายตาของเขาเจอหญิงสาวคนหนึ่งลอยอยู่กลางแม่น้ำ เธอกำลังตะเกียกตะกายพยายามเอาชีวิตรอดให้ได้

ลั่วซือหานไม่คิดอะไรมาก เขารีบกระโจนลงไปในแม่น้ำโดยไม่ลังเลเลย เขาว่ายไปหาหญิงสาวได้ด้วยเวลาเพียงไม่กี่นาที

เมื่อลั่วซือหานเข้ามาใกล้ เขาเห็นความกลัวในดวงตาของเธอ จากนั้นเธอก็จมลงไปในน้ำต่อหน้าต่อตาเขา

ชายหนุ่มรู้ว่าเขาต้องรีบเข้าช่วยเหลือเธอโดยเร็วที่สุด

เมื่อว่ายน้ำมาถึงบริเวณที่หญิงสาวจมน้ำไป เขาก็ดำน้ำลงไปหาเธอทันที โชคดีที่ตอนนี้คือหน้าร้อนทำให้กระแสน้ำไหลช้ากว่าในหน้าฝน

เมื่อดำน้ำลงไป โชคดีที่น้ำในแม่น้ำใสมาก เขาจึงสามารถเห็นเธอได้ทันที เขารีบว่ายน้ำเข้าไปช่วย

ลั่วซือหานเอื้อมมือไปจับมือเธอ แล้วดึงเธอเข้าหาตัว กล้ามเนื้อของเขาแข็งเกร็งต้านแรงของน้ำ ในช่วงเวลาหนึ่งกระแสน้ำดูเหมือนจะแรงขึ้นทำให้หัวใจเขาเต้นแรง

ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่จะถูกพัดออกห่างจากฝั่งมากขึ้น ลั่วซือหานก็จับแน่นไม่ยอมปล่อย

แต่ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงริมฝั่งแม่น้ำอย่างปลอดภัย ลั่วซือหานเองก็ทรุดตัวลงนอนบนพื้นเหนื่อยหอบอย่างหนัก ส่วนหญิงสาวที่เขาช่วยไว้ เธอกำลังนอนอยู่ข้าง ๆ เขา ซึ่งเธอกำลังนอนไม่ได้สติ

ลั่วซือหานรีบลุกขึ้นไปดูอาการของหญิงสาวทันที แวบแรกที่เขาเห็นใบหน้าของเธอ หัวใจของก็รู้สึกคันหยิบ ๆ เหมือนมดกัดอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนที่เขาจะเข้าไปตรวจสอบลมหายใจของเธอ

ลั่วซือหานมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาไม่รู้สึกถึงลมหายใจอีกต่อไป จากนั้นจึงวัดชีพจรที่ข้อมือของเธอ พบว่าชีพจรของเธอเต้นช้ามาก จนแทบไม่รู้สึกถึงชีพจรเลย

บทที่ 2 : เข้าใจผิด

บทที่ 2 : เข้าใจผิด

จากสถานการณ์ตรงหน้า ลั่วซือหานจึงรีบทำ CPR ให้เธอทันที เมื่อทำ CPR เสร็จ เขาจึงก้มตัวลงยื่นใบหน้าเข้าใกล้เธอ

“ขอโทษนะ!” ลั่วซือหานกล่าวเสียงเบา

ลั่วซือหานใช้วิธีผายปอดเพื่อช่วยชีวิตคน เขารู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่นิ่มนวล แต่ความสนใจของเขาคือการช่วยคน

ไม่นานเธอก็สำลัก ไอจนน้ำที่อยู่ในปอดออกมาเล็กน้อย

ใบหน้าของเธอซีดขาวจากการขาดอากาศหายใจชั่วคราว

เธอมองมายังลั่วซือหานด้วยสายตาที่พร่างพราย พวกเขาทั้งสองสบตากันเพียงเสี่ยววินาที จากนั้นเธอก็หลับไปอีก

ลั่วซือหานตกใจรีบตรวจชีพจรเธออีกครั้ง แต่ชีพจรของเธอกลับมาเต้นปกติแล้ว

“ซูเหม่ยหลิง!” เสียงดังมาจากทางด้านหลังลั่วซือหาน

ในที่สุดลั่วซือหานก็รู้ตัวว่าที่ตรงนี้ไม่ได้มีแค่พวกเขาอีกต่อไป แต่ในช่วงเวลาที่เขาได้ช่วยชีวิตเธอ เขากลับไม่เจอใครอยู่ใกล้ ๆ มาก่อน นอกจาใครบางคนที่เขาเห็นว่าวิ่งหนีออกไป…

“ซูเหม่ยหลิง พวกเธอกำลังทำอะไรกัน?!”

คนที่มาใหม่เป็นหญิงสาว และนอกจากเธอแล้วยังมีชาวบ้านอีกคนซึ่งเดินผ่านมาแถวนี้พอดี

เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวคนนั้น เธอจึงหยุดยืนฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ลั่วซือหานขมวดคิ้วไม่พอใจ

เห็นคนนอนหมดสติอยู่ นอกจากจะไม่สอบถามอาการ กลับตะโกนเสียงดังเหมือนต้องการจะให้ใครได้ยิน แถมคำถามยังชวนเข้าใจผิดอีก!

“ผู้หญิงคนนี้จมน้ำ ฉันเลยช่วยเธอขึ้นมา” ลั่วซือหานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หญิงสาวที่มาใหม่ เกิดความรู้สึกหวาดกลัวน้ำเสียงของลั่วซือหาน

“แต่ฉันเห็นคุณกำลังจูบเธอ!” หญิงสาวคนนั้นบอกในสิ่งที่เธอเห็น

ในที่สุดลั่วซือหานก็รู้ตัว ว่าสิ่งที่เขาพึ่งทำไป ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด

“เพราะเธอจมน้ำ ฉันเลยต้องผายปอดช่วยชีวิต!”

ลั่วซือหานอธิบาย เขาไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด

เนื่องจากในยุคสมัยโบราณ การถูกเนื้อตัวของเพศตรงข้ามที่ไม่ใช่คนในครอบครัว ถือว่าเป็นการคุกคามทางเพศ

“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าการจูบสามารถช่วยชีวิตคนได้?” เธอพูดอย่างไม่เชื่อ

“ลั่วซือหานแกแอบลวนลามผู้หญิงคนนั้น ตอนที่เธอไม่ได้สติใช่ไหม” หญิงชาวบ้านถามกลับด้วยน้ำเสียงตำหนิ

“ฉันบอกว่ามันคือการช่วยชีวิต ถ้าไม่เชื่อพวกเธอสามารถไปถามหมอที่โรงพยาบาลดูสิ!”

ลั่วซือหานบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก เขาไม่ได้กลัวตัวเองจะถูกเข้าใจผิด เขากลัวแค่ว่าชื่อเสียงของหญิงสาวจะเสียหาย

“แต่ฉันเห็นคุณจับหน้าอกของซูเหม่ยหลิงด้วยนะ!” หญิงสาวยังคงไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่ลั่วซือหานพูด

ลั่วซือหานขมวดคิ้วไม่พอใจอีกครั้ง

“เธอไม่รู้จักการทำ CPR เหรอ? มันคือการช่วยคนที่หยุดหายใจ มันถูกเขียนไว้ในหนังสือการแพทย์”

ลั่วซือหานพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าเชื่อถือ แถมเขายังพูดถึงหนังสือการแพทย์อีก

ในที่แห่งนี้มีใครบ้างที่ได้อ่านหนังสือการแพทย์? แน่นอนว่าไม่มี แล้วชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอเขาจบเพียงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น

แล้วเขาเอาหนังสือการแพทย์มาจากไหน? เพราะมันคงจะมีราคาแพงมากแน่ ๆ

“พวกเราจะเชื่อคุณได้ยังไง” หญิงสาวที่มาใหม่พูดด้วยความสงสัย

“ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามหมอที่โรงพยาบาล แต่ฉันอยากจะถามเธอบ้าง?”

ลั่วซือหานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง

“อะ… อะไร?” หญิงสาวพูดเสียงติดขัด เธอได้ยินชื่อเสียงที่ไม่ดีของลั่วซือหานมามาก

เธอกลัวว่าเขาจะไม่พอใจที่เธอไปกล่าวหาเขา จนเขาเกิดอยากจะลงมือกับเธอ!

“เธอรู้จักผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม? นอกจากเธอจะไม่ถามอาการของผู้หญิงคนนี้แล้ว เธอยังถ่วงเวลาไม่ให้ฉันพาคนไปหาหมออีกด้วย? หรือว่าเธออยากให้ผู้หญิงคนนี้ตาย?!”

หญิงสาวที่มาใหม่ตกใจ! จนหน้าถอดสี! ไม่คิดว่าเขาจะพูดได้ถูกประเด็นขนาดนี้

ใช่แล้วเป็นเธอเองที่ผลักซูเหม่ยหลิงตกน้ำ แต่คำพูดของลั่วซือหานไม่มีหลักฐานเธอจะยอมรับได้ยังไง?

“คุณจะพูดอะไร! ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นนะ”

“ถ้าไม่ใช่แบบนั้นก็ดี หลบทางด้วยฉันจะพาคนไปหาหมอ!”

ลั่วซือหานไม่ได้สนใจหญิงสาวที่เข้ามาใหม่อีก เขาเลือกที่จะอุ้มหญิงสาวขึ้นมา ซึ่งเขาพึ่งจะรู้จักชื่อของเธอว่าชื่อซูเหม่ยหลิง

ลั่วซือหานรู้ว่าควรจะไปหาใครในเวลานี้ คนคนนั้นคือหลิวผิงอัน เขาไม่รู้ว่าเธอเข้ามาอยู่ในโลกนี้หรือยัง แต่จากความทรงจำเขารู้ข่าวไม่ดีของหวังห่าวซานแล้ว

ดังนั้นบ้านตระกูลหลิวก็คงจะรู้แล้วเช่นกัน!

อีกอย่างในหมู่บ้านก็ไม่มีหมอที่ไหนแล้ว จะมีก็แต่หมอหมู่บ้าน ที่สามารถให้ยาไปตามอาการเท่านั้น ซึ่งความเป็นจริงจะเรียกว่าหมอก็ยังไม่ได้

เพราะคนคนนั้นไม่เคยได้เรียนรู้ทางด้านนี้มาเลย ที่เขาสามารถรักษาคนได้ก็เพราะจดจำมาจากคนอื่นก็เท่านั้น

แม้ว่าซูเหม่ยหลิงจะฟื้นขึ้นมารอบหนึ่งแล้ว แต่อาการของเธอก็ยังคงหน้าเป็นห่วง

ในช่วงเวลาที่เธอจมน้ำ เธอคงกินน้ำเข้าไปจำนวนมาก

หญิงสาวมองตามแผ่นหลังที่เหยียดตรงของลั่วซือหานไปด้วยสายตาเครียดแค้น

เธอมีชื่อว่าจางชิงชิง รู้จักกับซูเหม่ยหลิงมาตั้งแต่เด็ก เธอรู้สึกอิจฉาซูเหม่ยหลิงที่หน้าตาดีกว่าเธอมาโดยตลอด

วันนี้ในช่วงเวลาพักกลางวัน เธอเห็นซูเหม่ยหลิงเดินมาทางแม่น้ำคนเดียว เธอจึงแอบเดินตามมาอย่างลับ ๆ

จากนั้นเมื่อเห็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เธอจึงได้ผลักซูเหม่ยหลิงให้ตกลงไปในแม่น้ำ หลังจากนั้นเธอก็หนีไปซ่อนตัวเพื่อดูให้แน่ใจว่าซูเหม่ยหลิงจมน้ำตายไปแล้วจริง ๆ

ใครจะคิดว่าตัวขี้เกียจสันหลังยาวอย่างลั่วซือหาน จะวิ่งมาช่วยสาวงามแบบนี้?

แต่ในตอนที่ซูเหม่ยหลิงถูกช่วยขึ้นมา เธอดันเห็นการช่วยเหลือแปลก ๆ ของลั่วซือหาน

คิดว่าเขาต้องการฉวยโอกาสจากซูเหม่ยหลิงที่กำลังจะตาย แต่หลังจากที่เขาจูบเธอ เธอดันฟื้นขึ้นมาจริง ๆ

จางชิงชิงสังเกตเห็นว่ามีชาวบ้านเดินเข้ามาใกล้ เธอจึงปรากฎตัวออกมาแล้วตะโกนเสียงดัง เรียกความสนใจจากชาวบ้านที่พึ่งเดินผ่านมา

“ดูเหมือนว่าลั่วซือหานจะช่วยคนจริง ๆ นะ?” หนิงลี่พูดตามที่เธอเห็น เพียงแต่วิธีการช่วยของเขามันแปลกมากก็เท่านั้นเอง

ชาวบ้านที่เข้ามาถามจางชิงชิงไม่ใช่ใคร แต่เป็นหนิงลี่

หนิงลี่เธอคือหญิงวัยกลางคน อายุมากกว่าสี่สิบปี เธอแต่งงานเข้าตระกูลหวัง ตะกูลเดียวกับพระเอกในนิยาย เธอเป็นสะใภ้คนกลาง

หนิงลี่มีลูกชายสองคน คนหนึ่งอายุเท่าพระเอกอีกคนอายุเท่าลั่วซือหาน แถมทั้งสองคนยังเป็นเพื่อนเที่ยวเล่นด้วยกันบ่อย ๆ อีกด้วย

หนิงลี่มีลักษณะนิสัยเห็นแก่ตัวและชอบนินทา จางชิงชิงจึงไม่อยากพลาดโอกาสในการสร้างข่าวลือที่เสียหาย ให้แก่ซูเหม่ยหลิง

“ป้าหนิง ฉันคิดว่าบางที ลั่วซือหานอาจจะโกหกก็ได้ค่ะ”

จางชิงชิงแสดงท่าทางเหมือนคนไม่อยากพูด

“เธอคิดแบบนั้นเหรอ? แต่เขาบอกว่าให้เราไปถามหมอที่โรงพยาบาลได้ไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงกล้าให้เราไปถามละ?” หนิงลี่ถามอย่างไม่แน่ใจ

“เพราะเขาคิดว่าเราคงไม่กล้าไปถามมากกว่า อีกอย่างเขาเรียนจบแค่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น! จะไปหาหนังสือการแพทย์มาจากไหน?” จางชิงชิงพยายามพูดให้หนิงลี่เชื่อว่า ลั่วซือหานลวนลามซูเหม่ยหลิงจริง ๆ

หนิงลี่แสดงใบหน้าครุ่นคิด จากนั้นจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “อาจจะเป็นอย่างที่เธอพูด!”

จางชิงชิงแอบยิ้มในใจ โชคดีของเธอที่คนมาเจอคือหนิงลี่ คนปากมากที่สุดในหมู่บ้าน ไม่นานเรื่องของลั่วซือหานและซูเหม่ยหลิงคงกระจายไปทั่วหมู่บ้าน

เธอจะรอดูว่า ถ้าหากเรื่องนี้รู้ไปถึงครอบครัวซูที่ปักกิ่ง ซูเหม่ยหลิงยังจะได้แต่งงานกับจ้าวเสวียนอีกไหม จ้าวเสวียนคือเพื่อนสมัยเด็กของพวกเธอ

จางชิงชิงแอบชอบจ้าวเสวียนมาโดยตลอด แต่ครอบครัวซูและครอบครัวจ้าวต้องการให้จ้าวเสวียนกับซูเหม่ยหลิงแต่งงานกัน

โชคดีที่จ้าวเสวียนสมัครไปกองทัพก่อน ไม่นานพวกเธอก็ถูกส่งตัวมาที่หมู่บ้านหลิ่วจางแห่งนี้

เพียงแต่เมื่อไม่กี่วันก่อน มีข่าวลือมาว่าทางรัฐบาลได้เปิดให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง

พวกยุวชนต่างดีใจที่พวกเขาจะได้กลับไปเรียนอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขายังสามารถกลับบ้านได้อีกด้วย

ถ้าพวกเธอสามารถกลับไปปักกิ่ง ซูเหม่ยหลิงก็จะได้กลับไปแต่งงานกับจ้าวเสวียน ซึ่งจางชิงชิงจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น

เธอคิดเพียงว่า ถ้าซูเหม่ยหลิงไม่สามารถกลับไปปักกิ่งได้ก็คงดี จากนั้นจางชิงชิงก็เจอกับซูเหม่ยหลิงที่เดิมมาทางแม่น้ำพอดี เรื่องราวต่อจากนั้น จึงเป็นไปตามเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

หน้าบ้านของตระกูลหลิว

ลั่วซือหานยังคงอุ้มซูเหม่ยหลิงไว้ในอ้อมแขน

“หลิวผิงอัน! หลิวผิงอันอยู่บ้านไหม?” ลั่วซือหานตะโกนเรียกหลิวผิงอันผู้ชึ่งเป็นนางเอกในนิยายเสียงดัง

หลิวผิงอันที่กำลังปลูกผักอยู่หลังบ้าน เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเองจึงรีบออกมาดู

เท่าที่เธอจำได้เสียงนี่คือเสียงของลั่วซือหาน จากความทรงจำลั่วซือหานคือคนอันตพาลตัวน้อยของหมู่บ้าน

ว่าแต่เขามีเรื่องอะไรถึงได้มาหาเธอ?

เมื่อเปิดประตูออกมา หลิวผิงอันก็เจอกับลั่วซือหานที่เนื้อตัวเปียกปอน แถมในวงแขนของเขายังมีหญิงสาวอยู่ด้วย

“ช่วยด้วย… เธอจมน้ำมา” น้ำเสียงลั่วซือหานมีอาการเหนื่อยหอบ เนื่องจากระยรทางจากแม่น้ำมาบ้านตระกูลหลิวนั้นไกลพอสมควร

หลิวผิงอันตกใจ ด้วยความเป็นหมอมืออาชีพ เธอจึงรีบบอกให้เขานำเธอเข้ามา “พาเธอไปที่ห้องของฉัน!”

หลิวผิงอันรีบเข้าไปดูอาการของซูเหม่ยหลิง จากนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้สถานะของเธอไม่ใช่แพทย์อีกต่อไปแล้ว

“นายออกไปรอข้างนอกก่อน ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ ทางที่ดีนายรีบไปหารถ มาพาเธอไปโรงพยาบาลจะดีกว่า” หลิวผิงอันบอกเสียงเคร่งขรึม

“ได้!” ลั่วซือหานพยักหน้า แล้วเดินออกไป

เมื่อเดินออกลั่วซือหานก็เจอกับหนิงลี่และกลุ่มชาวบ้านที่เดินตามเขามาตอนไหนก็ไม่รู้

“ลั่วซือหานแกลวนลาม ซูเหม่ยหลิงตอนนที่เธอสลบใช่ไหม?!” หนิงลี่พูดถามเสียงดัง

ลั่วซือหานแสดงสีหน้าไม่พอใจ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ตามเขามาอีก?

เขากำลังรีบไปขอยืมรถจากหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อพาซูเหม่ยอันไปโรงพยาบาล แต่ดันออกมาเจอกลุ่มชาวบ้านขวางทางเอาไว้ จึงทำให้เขาไม่สามารถออกไปได้

“หลีกไป!” ลั่วซือหานพูดเสียงแข็ง ไม่ใช่การตะคอกเสียงดัง

แต่พวกชาวบ้านที่มามุงดูต่างก็รู้สึกหวาดกลัว จึงเดินถ่อยหลังกันไปคนละก้าว

พวกเขารู้ว่าลั่วซือหานนั้นโหดร้ายแค่ไหน ดูได้จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา

เมื่อเห็นว่าชาวบ้านถอยหลังกันออกไปแล้ว ลั่วซือหานจึงเดินออกไปอย่างเร่งรีบ ตรงไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน

หนิงลี่หุบปากไม่กล้าพูดอะไร เธอรู้สึกว่าลั่วซือหานวันนี้น่ากลัวกว่าทุกวัน จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก

“หนิงลี่เธอเห็นลั่วซือหานจูบกับซูเหม่ยหลิง ด้วยตาตัวเองหรือไง?” มีชาวบ้านคนหนึ่งพูดถามด้วยความสงสัย

“ฉันไม่ได้เห็นเอง แต่จางชิงชิงเป็นคนเห็น!” หนิงลี่พูดตามที่เธอได้ยินมา

“แล้วทำไมซูเหม่ยหลิงถึงไม่ได้สติแบบนั้น?” ชายบ้านคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย

จากนั้นหนิงลี่ก็บอกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เธอรู้มา

“แต่ทำไมลั่วซือหานถึงมาบ้านตระกูลหลิวล่ะ?” มีคนถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” หนิงลี่พูดด้วยน้ำสงสัย สายตาก็มองเข้าไปในบ้านตระกูลหลิว

เธอได้แต่มองเข้าไปในบ้านตระกูลหลิว แต่ไม่กล้าเข้าไป เพราะยายแก่บ้านตระกูลหลิวดุอย่างกับหมา!

“มีเรื่องอะไรกัน?” ลั่วตงพ่อของลั่วซือหานกล่าวถาม

เมื่อเห็นว่ามีชาวบ้านมารวมตัวกันจำนวนมากที่หน้าบ้านของตระกูลหลิว

ซึ่งบ้านตระกูลหลิว และบ้านของพวกเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเท่านั้น

บทที่ 3 : ระบบร้านค้า?

*เนื้อหาในนิยายต่อไปนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งในงานเขียน

บุคคลและสถานที่ต่าง ๆ ไม่มีอยู่จริง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์แต่อย่างใด

ทั้งนี้ขอให้ผู้อ่าน อ่านด้วยความสนุก ไม่คิดมากถึงความไม่สมเหตุผลในบางกรณี

บทที่ 3 : ระบบร้านค้า?

หนิงลี่จึงเล่าเรื่องให้ลั่วตงฟัง ตามที่เธอรู้มา

เมื่อได้ฟังสิ่งที่หนิงลี่พูด ลั่วตงก็มีสีหน้าที่ไม่ดีขึ้นมา

“จริงสิลั่วตง! ลูกชายคุณอ่านหนังสือการแพทย์เข้าใจด้วยเหรอ? อีกอย่างพวกคุณไปซื้อหนังสือการแพทย์มาจากไหนละ ฉันจะได้ซื้อให้ลูกชายที่บ้านอ่านบ้าง?” หนิงลี่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม

ลั่วตงหน้าแดงด้วยความโกรธ เขาไม่ได้พูดอะไรแต่เดอนเข้าไปในบ้านเพื่อหลีกหนีจากชาวบ้านที่เอาแต่ถามเขา

ลั่วซือหานค้นความทรงจำว่า บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ที่ไหน จากนั้นเขาจึงไปตามความทรงจำที่ได้รับมา

หัวหน้าหมู่บ้านมีชื่อว่าฟางเจียงหราน เป็นชายวัยกลางคนอายุห้าสิบปี

“ลุงฟาง!!” ลั่วซือหานตะโกนเรียกเขาอยู่หน้าบ้าน

ฟางเจียงหราน ที่กำลังพักกินข้าวเที่ยงอยู่ที่บ้าน เมื่อได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกจึงออกมาดู

เมื่อเห็นว่าเป็นลั่วซือหานเขาจึงมีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย

“ลั่วซือหานแกมาทำไม? หรือว่าไปก่อเรื่องอะไรไว้อีก?” ฟางเจียงหรานเลยถามด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก

“ไม่ใช่! ผมจะมาขอยืมรถแทรกเตอร์ มีคนจมน้ำ ผมจะพาไปส่งโรงพยาบาล!” ลั่วซือหานบอกด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ

“มีคนจมน้ำ! ใครจมน้ำ?!” ฟางเจียงหรานอุทานด้วยความตกใจ

รีบถามทันทีว่าเป็นใคร

“ยุวชนชื่อเธอซูเหม่ยหลิง”

ฟางเจียงหรานจำได้ทันทีว่าเป็นใคร เนื่องจากซูเหม่ยหลิงคือยุวชนหน้าตาดีคนหนึ่ง จึงจดจำได้ไม่ยาก

ในวันที่เธอมาถึงวันแรก ชายหนุ่มในหมู่บ้าน และเหล่ายุวชนหนุ่มหลายคนต่างก็ชื่นชอบเธอ

แต่มีอยู่วันหนึ่ง คนที่คอยตามจีบซูเหม่ยหลิง ต้องการแตะเนื้อต้องตัวเธอ ซูเหม่ยหลิงจึงได้จัดการกับผู้ชายหนุ่มคนนั้น

เธออัดชายคนนั้นจนต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายวัน หลังจากวันนั้นก็ไม่มีใครกล้าตามจีบเธออีกเลย

เนื่องจากซูเหม่ยหลิงเคยฝึกเรียนกังฟูกับคุณปู่ของเธอ มาตั้งแต่ตอนที่เธเปเด็ก แม้ว่าพอโตขึ้นมาเธอจะไม่ได้เรียนต่อ เพราะเธอเป็นผู้หญิงก็ตาม

แต่ในเวลาที่ไม่มีใครซูเหม่ยหลิงก็ได้แอบฝึก จึงสามารถปกป้องตัวเองได้

“ไป ๆ เดี๋ยวฉันขับเอง” ฟางเจียงหรานจะเป็นคนขับรถไปเอง

เขาไม่ไว้ใจลั่วซือหาน

ลั่วซือหานไม่ได้ว่าอะไร เพราะตัวเขาเองก็ไม่เคยขับรถแทรกเตอร์มาก่อนเช่นกัน

ทางด้านหลิวผิงอัน เธอได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านนอก แต่เธอไม่มีเวลาไปสนใจพวกเขา

เธอตรวจชีพจรของซูเหม่ยหลิง ด้วยหูฟังจากในมิติ และตรวจร่างกายตามลำดับ

ระหว่างรอให้ลั่วซือหานมา เธอจึงช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ซูเหม่ยหลิง ก่อนที่เขาจะนำเธอส่งโรงพยาบาล

ตอนที่ถอดเสื้อออก หลิวผิงอันเห็นรอยช้ำขนาดใหญ่บริเวณหน้าอกของซูเหม่ยหลิง

เธอเป็นแพทย์จึงรู้ว่ารอยช้ำนี้เกิดจากการทำ CPR แต่ใครเป็นคนทำ หรือจะเป็นลั่วซือหาน?

เนื่องจากคนที่พาซูเหม่ยหลิงมาหาเธอคือเขา หลิวผิงอันนึกถึงใครไม่ออกอีกแล้ว

แต่คนที่อยู่ในหมู่บ้านชนบทมาตลอดอย่างลั่วซือหาน ทำไมถึงรู้จักการทำ CPR?

เมื่อยังไม่รู้คำตอบที่แน่ชัด หลิวผิงอันจึงได้เก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วทำการตรวจร่างกายของซูเหม่ยหลิงใหม่อีกครั้ง

ครั้งนี้เธอตรวจซี่โครงอย่างละเอียด เพราะการทำ CPR มันเสี่ยงที่จะทำให้กระดูกซี่โครงแล้วไปทิ่มปอดได้

หลิวผิงอันแตะที่ตัวของซูเหม่ยหลิง จากนั้นตัวเธอและซูเหม่ยหลิงก็ได้หายไปจากห้อง มาปรากฏตัวในพื้นที่มิติห้องผ่าตัด

เมื่อเข้ามาด้านในมิติ หลิวผิงอันรีบใส่เครื่องช่วยหายใจให้กับซูเหม่ยหลิงทันที

นอกจากเตียงผ่าตัด ภายในมิติของหลิวผิงอันยังมีห้องเอกซเรย์ด้วย เรียกได้ว่ามีอุปกรณ์การแพทย์ครบทุกอย่าง

เมื่อใส่เครื่องช่วยหายใจเสร็จแล้ว เธอจึงพาซูเหม่ยหลิงไปสแกนร่างกายอย่างละเอียดอีกที

ดีที่เวลาของด้านนอกมิติ และด้านในมิติเวลาไม่เท่ากัน ทำให้เธอไม่ต้องเร่งรีบกับเวลาที่ผ่านไป

หลังการตรวจสอบ เธอไม่พบกระดูกส่วนไหนแตกหัก ถือว่าโชคดีมาก จากนั้นเธอก็ให้ยากับซูเหม่ยหลิงตามอาการ

ทางด้านลั่วซือหาน เขานั่งรถมากับฟางเจียงหรานจนถึงบ้านตระกูลหลิว

ชาวบ้านที่เคยมุงดูก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว เหลือเพียงบางส่วนที่ยังคงแอบมองมา

ลั่วตงที่อยู่ในบ้านเมื่อได้ยอนเสียงรถแทรกเตอร์จึงออกมาดู แล้วเขาก็เห็นว่าลั่วซือหาน กำลังอยู่บนรถแทรกเตอร์กับฟางเจียงหราน

“ซือหาน!”

เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยโทสะของลั่วตง เรียกความสนใจจากลั่วซือหาน

ใบหน้าของลั่วตงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

แม้ว่าเขาจะเลี้ยงลูกชายอย่างตามใจ แต่เขาก็ไม่เคยสอนให้ลูกชายไปบังคับขืนใจหญิงสาว ถ้าลั่วซือหานทำแบบนั้นจริง เขาคงต้องถูกตำรวจจับไปแน่ ๆ

“พ่อ?” ลั่วซือหานตกใจที่เห็นลั่วตง

นี่คือการเจอกันครั้งแรกของเขาและลั่วตง จากความทรงจำแม้ว่าลั่วตงจะชอบดุด่าลั่วซือหานแต่ก็ไม่เคยลงมือทุบตีเลยสักครั้ง แถมบางครั้งยังเข้าข้างอีกด้วย

“แกไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกแล้วใช่ไหม?!” ลั่วตงตะคอกเสียงดัง

ทุกครั้งที่ลั่วซือหานก่อเรื่อง ก็เป็นลั่วตงนี่แหละที่คอยตามไปแก้ปัญหาให้เขาตลอด

แต่ก่อนที่ลั่วซือหานจะพูดอะไร ฟางเจียงหรานก็ขมวดคิ้วถามขึ้นมาก่อน

ฟางจียงหรานมาบ้านตระกูลหลิว ก็เพราลั่วซือหานบอกว่ามีคนจมน้ำ แล้วทำไมลั่วตงถึงได้ดูโกรธลั่วซือหานขนาดนั้น?

ไม่ใช่ว่าลั่วซือหานช่วยคนเอาไว้เหรอ? ในเมื่อช่วยคนไว้ได้ ทำไมไม่กล่าวชมคนสักหน่อย?

“ลั่วตงหมายความว่ายังไง ที่ว่าลั่วซือหานไปก่อเรื่อง?”

ลั่วตงมองไปยังฟางเจียงหราน แล้วพึ่งนึกขึ้นได้ว่าลั่วซือหานเป็นคนพาฟางเจียงหรานมา เขาไม่รู้จะทำสีหน้ายังไงเมื่อไดยินคำถามของฟางเจียงหราน

แต่ในเมื่อหนิงลี่เป็นคนบอกเขาเอง บางทีอีกไม่นานคนทั้งหมู่บ้านคงรู้เรื่องนี้กันหมด

ลั่วตงจึงกัดฟันตอบอย่างไม่เต็มใจ

“หนิงลี่บอกกับชาวบ้านคนอื่นว่า ลั่วซือหานบังคับจูบซูเหมยหลิง ตอนที่เธอหมดสติ!”

“ห่ะ?!” ฟางเจียงหรานตกใจกับสิ่งที่ลั่วตงตอบ ไหนลั่วซือหานบอกว่าเขาช่วยคนจมน้ำไว้ไง?

ลั่วซือหานไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะเลยเถิดมาขนาดนี้ เขาแค่ช่วยคนจมน้ำเองไม่ใช่เหรอ?

แต่ลั่วซือหานยังไม่ทันได้พูดอะไร หลิวผิงอันก็ออกมาพอดี

หลิวผิงอันคำนวณเวลาจากในมิติแล้วจึงพาซูเหม่ยหลิงกลับออก เมื่ออกมาเธอก็ได้ยินเสียงของฟางเจียงหราน จึงเดินออกมาดู เพราะคิดว่าเขามารับคนไปโรงพยาบาล

เมื่อเห็นว่าเป็นลั่วซือหาน และฟางเจียงหรานกำลังยืนอยู่หน้าบ้านไม่ยอมเข้ามา เธอจึงขมวดคิ้ว แล้วถามด้วยน้ำเสียงสงสัย “ลั่วซือหานถ้านายมาแล้ว ทำไมไม่รีบมาพาซูเหม่ยหลิงไปที่โรงพยาบาลอีก?”

ลั่วซือหานถอนหายใจ แล้วหันไปตอบหลิวผิงอันแทน “ได้! ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

ลั่วซือหานจึงเดินเข้าไปไม่สนใจลั่วตงอีก

เมื่อตัวต้นเรื่องหายไป จางเจียงหรานจึงหันไปถามกับหลิวผิงอันแทน

“หลิวผิงอันเธอรู้ไหมว่า ลั่วซือหานมันแอบลวนลามซูเหม่ยหลิงตอนที่เธอไม่ได้สติ?”

“หมายความว่ายังไงคะ?” หลิวผิงอันรู้สึกว่าคำถามของฟางเจียงหรานมันฟังดูแปลก ๆ

“ก็มีชาวบ้านมาเล่าว่า ลั่วซือหานจูบซูเหม่ยหลิงตอนที่ช่วยเธอขึ้นมาจากน้ำนะสิ เขาไม่ได้ทำแบบนั้นใช่ไหม?” ลั่วตงบอก

เมื่อได้ยินที่ลั่วตงบอก หลิวผิงอันจึงพอเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“ลั่วซือหานเขาไม่ได้ลวนลามซูเหม่ยหลิงหรอกค่ะ เขาแค่ผายปอดให้เธอ เพราะเธอหยุดหายใจชั่วคราวค่ะ” หลิวผิงอันอธิบายอย่างใจเย็น

“เรื่องจริงเหรอ?” ลั่วตงถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยรู้มาก่อน ว่าการจูบคนสามารถช่วยคนที่หยุดหายใจไปแล้วได้ด้วย?

“ถ้าไม่เชื่อ ให้ลุงฟางไปถามหมอที่โรงพยาบาลดูได้นะคะ ว่าวิธีการของลั่วซือหานสามารถช่วยชีวิตคนได้จริงไหม?”

หลิวผิงอันบอกอย่างหมดปัญญา เพราะคนสมัยนี้ยังไม่รู้วิธีประถมพยาบาลเบื้องต้น

ลั่วตงรู้สึกวางใจขึ้นมานิดหน่อย เมื่อได้ยินคำตอบของหลิวผิงอัน จากนั้นเขาจึงหันกลับไปต่อว่าหนิงลี่ที่ยังคงยืนแอบฟังอยู่

“หนิงลี่! ไหนเธอบอกว่าลูกชายฉันไปลวนลามคนอื่นไง?!”

หนิงลี่หน้าเสีย เธอไม่คิดว่าเรื่องราวจะออกมาเป็นแบบนี้

“ฉันไม่ได้เป็นคนพูด จางชิงชิงต่างหาก เธอบอกฉันว่าลูกชายของคุณไปจูบคน ไม่เกี่ยวกับฉันนะ! ฉันไม่ได้เป็นคนพูดก่อน!” หลังจากนั้นหนิงลี่จึงรีบวิ่งหนีกลับบ้านไป

เธอกลัวว่าลั่วตงจะทำร้ายเธอ ที่บังอาจไปกล่าวหาลูกชายของเขา

ทางด้านลั่วซือหาน เมื่อเขาเข้าไปในบ้านของหลิวผิงอัน เขาก็เจอกับซูเหม่ยหลิงที่ยังคงหลับอยู่

ลั่วซือหานพึ่งจะสังเกตเห็นใบหน้าชัด ๆ ของซูเหม่ยหลิงเป็นครั้งแรก

ซูเหม่ยหลิงยังคงมีใบหน้าที่ซีดขาวดังเหมือนเดิม แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น มันไม่ได้ช่วยให้ความงดงามของเธอ ลดน้อยลงเลยแม้แต่นิดเดียว

หญิงสาวตรงหน้าเขา เธอสวยมาก! สวยกว่าทุกคนที่เขาเคยเจอมา แม้แต่ในชีวิตก่อนก็ตาม!

ลมหายใจของเขารู้สึกติดขัด หัวใจเต้นผิดจังหวะ

ในตอนที่ลั่วซือหารกำลังพิจารณาใบหน้าของซูเหม่ยหลิงอยู่ เธอก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี

พวกเขาสบตากันโดยบังเอิญ

ห้องทั้งห้องเงียบสนิท เงียบจนพวกเขาได้ยินเสียงพูดคุยด้านนอก

ซูเหม่ยหลิงเองก็ได้ยินเช่นกัน สิ่งที่เธอได้ยินคือวิธีที่ลั่วซือหานช่วยเธอจากการหยุดหายใจชั่วคราว

“เธอเป็นยังไงบ้าง?” ลั่วซือหานพูดทำลายความเงียบ

“ฉันดีขึ้นแล้ว แค่ก ๆ” ซูเหม่ยหลิงไอออกมา ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นไข้ เพราะเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ร้อนมากของตัวเอง

“ถึงจะดีขึ้นแล้วแต่เธอก็ควรจะไปหาหมอ” ลั่วซือหานกล่าวแนะนำ

ซูเหม่ยหลิงเองก็คิดแบบนั้น เธอรู้สึกเจ็บที่หน้าอก แถมยังรู้สึกหนาวมาก แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงกลางวันของฤดูร้อนก็ตาม

“ได้! ฉันจะพาเธอไปหาหมอ”

จากนั้นซูเหม่ยหลิงก็พยายามลุกขึ้นจากที่เตียง

ลั่วซือหานเห็นว่าเธอลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก เขาจึงเข้าไปช่วย โดยลืมไปว่าในยุคนี้ชายหญิงไม่ควรโดนตัวกัน ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว

แต่ซูเหม่ยหลิงเธอไม่ได้ต่อว่าเขา แถมยังกล่าวขอบคุณเขาด้วยที่ช่วยเหลือเธอ “ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไร เธอเดินไหวไหม?” ลั่วซือหานพูดถาม เพราะเห็นว่าขนาดจะลุกขึ้นเองยังต้องให้เขาช่วย

“พอไหว” แต่พูดยังไม่ทันจบ ซูเหม่ยหลิงที่กำลังจะก้าวเดิน ก็ได้เซจนเกือบจะล้มลงไป

ดีที่ลั่วซือหานรับเธอได้ทัน เธอจึงล้มลงไปในอ้อมแขนของลั่วซือหานแทน

หัวใจของซูเหม่ยหลิงเต้นแรง เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายเขา เธอไม่เคยถูกใครโอบกอดมาก่อน แม้แต่คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อแม่ของเธอเอง

“ให้ฉันช่วยดีกว่า” พูดจบเขาก็เปลี่ยนไปโอบเอวของซูเหม่ยหลิง ประคองเธอไว้ไม่ให้ล้ม

ซูเหม่ยหลิงไม่ได้ต่อต้านที่เขาช่วยเธอประคอง เพราะเธอรู้สึกได้ว่าเขาต้องการช่วยจริง ๆ ไม่ใช่แค่อยากสัมผัสร่างกายเธอ

อีกอย่างเขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้

เมื่อพวกเขาเดินออกไปถึงหน้าบ้านตระกูลหลิว ชาวบ้านทั้งหมดที่แอบดูอยู่ ได้กลับไปทำงานกันจนหมดแล้ว

เหลือเพียงลั่วตง ฟางเจียงหรานและหลิวผิงอันเท่านั้น

หลิวผิงอันเห็นลั่วซือหานโอบเอวซูเหม่ยหลิงออกมา เธอจึงรีบเข้าไปช่วย เพราะกลัวจะถูกพวกชาวบ้านเข้าใจผิดอีก

จากนั้นพวกเขาก็ได้พาซูเหม่ยหลิงไปยังโรงพยาบาล ในตัวอำเภอ โดยมีลั่วซือหานติดตามไปด้วย แม้แต่หลิวผิงอันเองก็ยังตามมาด้วยเช่นกัน

ระหว่างทางซูเหม่ยหลิงได้หลับไปอีกครั้ง เพราะร่างกายของเธอยังคงต้องการการพักผ่อน

ที่ซูเหม่ยหลิงฟื้นเร็วขนาดนี้ เป็นเพราะเธอได้รับการรักษาตัว ในมิติเป็นเวลาสองวันแล้ว

ตอนนี้อาการที่เหลือของเธอมีเพียงไข้หวัด และรอยเขียวช้ำบริเวณหน้าอกเท่านั้น

จนกระทั่งถึงโรงพยาบาล แล้วได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

ซูเหม่ยหลิงถูกจัดให้อยู่ในห้อง 405 เป็นห้องที่อยู่ริมสุดของชั้นสาม นอกจากเธอก็ยังมีผู้ป่วยคนอื่นอีกสองคน

ลั่วซือหานขอตัวออกไปรอด้านนอก เขาปล่อยให้หน้าที่ดูแลคนป่วยเป็นของหลิวผิงอัน ที่น่าจะทำได้ดีและเหมาะสมมากกว่าเขา

ลั่วซือหานถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ตั้งแต่ลงไปช่วยซูเหม่ยหลิงจากการจมน้ำ เขารู้สึกว่ามันวุ่นวายมาโดยตลอด

ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถูกกล่าวหาและถูกเข้าใจผิดอีกด้วย

ดีที่หลิวผิงอันช่วยเขาไว้ ต่อให้เขาพูดไปคงไม่มีใครเชื่ออยู่ดี เนื่องจากวีรกรรมที่ผ่านมาของลั่วซือหาน ทำให้ครหลายคนรู้สึกไม่พอใจเขาอยู่มาก

เมื่อมีเวลาให้กับตัวเอง ลั่วซือหานจึงได้มีเวลาตรวจสอบระบบร้านค้าที่ได้รับมา

“ระบบร้านค้า”

จากนั้นหน้าต่างโปรงใส่ก็ปรากฏ มีรายการสินค้าจำนวนมาก ให้เขาได้เลือกซื้อ

เขาดูแถบค่าเงิน วงเงินที่ใช้เป็นเงินหยวนเหมือนกับค่าเงินด้านนอก

ลั่วซือหานพบว่าเขาสามารถใช้ตั๋วสุ่มสกิลฟรีได้หนึ่งครั้ง

TBC.

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0