“นนกุล” ฝันไกลไป ฮอลลีวูด
“ชานน สันตินธรกุล” หรือ “นนกุล” นักแสดงหนุ่มรูปหล่อที่ทำเอาหลายคนละลายมาแล้ว วันนี้เขามาพูดคุยกับเราว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ และในอนาคตรเขามองตัวเองว่าอย่างไร กับหุ่นสุดแซ่บของเขา ที่เจ้าตัวบอกเองว่ายัง “ไม่พอใจ” ในหุ่นของตัวเอง
“จุดเริ่มแรกสุดที่มาอยู่ตรงนี้เลย คือตอนนั้นเดินอยู่สยามแล้วมีพี่คนหนึ่งเข้ามาทัก เห็นว่าเราแต่งตัวมีสไตล์ดี เลยขอถ่ายรูปไปลงหนังสือเขา จริงๆ เป็นคอลัมน์เล็กๆ รวมกับคนอื่นในหน้าเดียวน่ะครับ หลังจากนั้นก็ถูกชวนไปถ่ายนิตยสารเพิ่มอีก ทีนี้ได้ลงปกหลังแล้ว เป็นคล้ายๆ การ์ตูนสี่ช่องประมาณนั้นแล้วก็เริ่มได้คอนเนคชั่นอื่นๆ มาเรื่อยๆ” นนกุลเล่าถึงที่มาที่ไปว่าทำไมเขาถึงได้เข้าวงการมาได้ “หลังจากนั้นเริ่มตระเวนแคสงาน ก็ไม่ได้สักทีนะครับพอดีมีอยู่งานหนึ่งเราไปแคส เป็นงานโฆษณา ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแอคติ้งเลยแล้วก็ทำได้แย่มากๆ คนอื่นเขาทำเทคสองเทคผ่าน เราไปใช้ไปสิบเอ็ดสิบสองเทค ตอนนั้นนอยด์มากเลยตัดสินใจไปเรียนแอคติ้งเพิ่ม” และนี่เองที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ก้าวเข้าสู่โลกของการแสดงอย่างเต็มตัว
“พี่คนหนึ่งที่เราไปแคสต์โฆษณาด้วยบังเอิญเป็นแคสติ้งของพี่ “เต๋อ นวพล” พอดี บวกกับที่หลังจากนั้นผมเรียนแอคติ้งมาแล้ว คราวนี้เลยเรียกตรงให้ไปแคสตามที่เขาบอกเลย ตอนนั้นพี่เต๋อไปด้วยนะครับ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคือเต๋อ นวพล เข้าใจเป็น ‘เต๋อ ฉันทวิชช์’ มาตลอด (หัวเราะ) ก็แคสผ่านแล้วก็ได้เล่นหนังสั้น ‘Patcha is sexy’ เป็นเรื่องแรกครับ
“ก็คงเป็นคนมาขอถ่ายรูปเพิ่มมากขึ้น” นนกุลพูดถึงความเปลี่ยนแปลงหลังจากเริ่มมีชื่อเสียง “ส่วนเรื่องไลฟ์สไตล์นั้นผมก็เป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้วเลยไม่ได้ต้องปรับอะไรมาก จะมีก็เรื่องการดูแลผิวที่เข้มงวดมากขึ้น สมัยก่อนผมเป็นพวกไม่แคร์เรื่องผิวเลย ขี้เกียจทาครีมกันแดดมาก ไม่ชอบสุดๆ แต่พออยู่วงการนี้ก็ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ความคิดความอ่านบางอย่างก็โตขึ้นในสิ่งที่เรามีประสบการณ์มากขึ้น ดูคนอื่นเป็นตัวอย่างว่าเขาทำกันยังไง แล้วเราจะได้ไปได้เร็วขึ้น รู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ มันเป็นเรื่องที่จำเป็นนะครับ แล้วเราก็รู้สึกว่าในเมื่อผู้ใหญ่ให้โอกาสเรา การที่เราไปเจอหน้าเขา ขอบคุณเขา สวัสดีเขาหรือสวัสดีปีใหม่ มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเลยที่เราทำได้”
คงเคยได้ยินกันมาบ้างถึงความฝันของนนกุลในเส้นสายอาชีพนี้ ว่าเขาต้องการไปให้ถึงการเป็นนักแสดงระดับฮอลลีวูด ซึ่งพอดีกับที่เขาเริ่มเล่าเมื่อเราถามถึงปลายทางของหน้าที่การงาน “เรื่องที่เคยบอกว่าอยากเป็นนักแสดงฮอลลีวูดเนี่ย ผมตั้งเป้าตั้งแต่เพิ่งเริ่มเข้าวงการ เพราะพอเราเริ่มเห็นพัฒนาการตัวเองเราก็รู้สึกว่าเราจะเห็นดาราหลายๆ คน พูดว่าเนี่ยเดี๋ยวจะผันตัวไปทำธุรกิจแล้ว ซึ่งผมรู้สึก ว่าเออ…มันก็จริงเนอะ ถ้าเกิดเราอยู่แค่ในประเทศไทยอุตสาหกรรมในเมืองไทยมันไม่ได้ใหญ่เท่าเมืองนอก ฉะนั้นผมเชื่อว่าเมื่อถึงจุดอิ่มตัวแล้วมันก็ต้องเป็นแบบนั้นในไทยแหละ ผมเลยถามตัวเองว่า เอ้า! แล้วถ้าเกิดเราอยากอยู่ในอาชีพนักแสดงต่อไปเรื่อยๆ เราต้องไปอยู่ตรงไหน…ก็ฮอลลีวูดไง ก็เลยเซ็ตเป้าหมายเป็นตรงนั้นเลย
“การที่เราเริ่มมีชื่อเสียงในระดับเอเชียอย่างที่จีนก็ถือเป็นบันไดก้าวแรก แต่ก็ยังอีกไกลครับ” เราย้อนไปถามถึงเรื่องที่เขาได้ไปร่วมงานอีเวนท์ที่จีนที่เป็นข่าวอยู่ช่วงหนึ่ง “ด้วยเรื่องภาษาหลายๆ ภาษา เรื่องสำเนียงที่เรายังไม่ได้ ในขณะที่คนประเทศจีนเขาพูดภาษาจีนเขาได้อยู่แล้ว บางคนภาษาอังกฤษก็ดีมากๆ คือเรารู้สึกว่าต้องสู้อีกเยอะ สิ่งที่อยากพัฒนามากกว่านี้ภาษาเลยเป็นเรื่องที่มาก่อน ตอนนี้ก็มีเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เพราะผมรู้สึกว่าการที่พูดภาษาได้หลายแบบมันก็เป็นแอคติ้งนะ เพราะว่าอย่างที่ทุกคนเห็นกันว่าในหนังฮอลลีวูดก็จะมีสำเนียงต่างๆ เช่น สำเนียงอเมริกัน สำเนียงบริติช สำเนียงไอริช การที่เราเป็นภาษาหลายๆ ภาษามันช่วยส่งเสริมแอคติ้งเรามากขึ้น สมมุติว่าต้องเล่นเป็นเอเชียนอเมริกัน แต่สำเนียงไทยมากเลย คนดูก็ไม่เชื่อแล้วว่าไอ้นี่มาทำอะไร แล้วก็เรื่องการออกกำลังกาย ศิลปะการต่อสู้ ร้องเพลง เต้น บางอย่างอาจดูไม่เกี่ยวตรงๆ เช่น การร้องเพลง แต่ผมเชื่อว่ามันช่วยเรื่องการออกเสียง มันทำให้เราคอนโทรลเสียงได้ ออกแบบเสียงที่เราต้องการได้ แต่ยังคงมีเนื้อเสียงอยู่ เหมือนพวกนักแสดงเก่งๆ ที่เขาสามารถเปลี่ยนเสียงให้เข้ากับคาแร็คเตอร์นั้นๆ การเต้นก็ช่วยให้ร่างกายเรายืดหยุ่นมากขึ้น”
สีหน้าจริงจังของผู้ชายคนนี้ทำให้คำถามถึงการทำงานของเขาถูกถามขึ้นมาต่อทันที “ในด้านการทำงานเวลาเจอกับอะไรที่มันไม่อยู่ในแผน หรือเราทำออกมาได้ไม่สมบูรณ์แบบเนี่ย ยอมรับว่ายังแก้ไขความรู้สึกตัวเองตรงนั้นไม่ได้ เรารู้สึกว่าปัญหาพวกนี้มันอยู่ข้างในใจแล้วมันเป็นนามธรรมมากๆ เช่น เวลาผมไปทำงานแล้วเราแอคติ้งแบบหนึ่งแล้วเราไปเจอผู้ร่วมงานที่เก่งกว่าเรามากๆ อายุใกล้ๆ กับเราอีก มันก็กดดัน เรารู้สึกว่า โห…เขาเก่งจังเลยว่ะ บางคนอายุน้อยกว่าเรา ก็ยิ่งรู้สึกว่าทำไมเราไม่เก่งเลยวะ แล้วความรู้สึกนี้ก็มากดดันเรา ทุกวันนี้ยังแก้ไม่ได้ ไม่ว่าเราจะไปแสดงอะไรก็แล้วแต่ แต่เมื่อผู้กำกับสั่งแอคชั่นแล้ว เราก็จะอยู่ที่ซีนนั้น แต่เมื่อคัท เราก็จะรู้ตัวว่าเออ เรายังทำได้ไม่ได้ ผมเลยยังไม่มีวิธีแก้ คงต้องอยู่กับมันไปก่อน ส่วนทุกวันนี้เราคิดว่าถ้าเราอยากจะไปถึงจุดที่เราอยากไป เวลาว่างผมแทบไม่มีการรีแล็กซ์เลย ผมจะเรียนภาษา เรียนร้องเพลง ไปฟิตเนส หรือโยคะ เอาจริงๆ นี่เป็นวิธีรีแล็กซ์ของผมนะ รีแล็กซ์ด้วยการหาสกิลเพิ่มให้ตัวเอง (หัวเราะ)”
“ยังไม่พอใจกับมันนะครับ ผมว่าผมยังตัวเล็กอยู่” นนกุลปฏิเสธเป็นสิ่งแรกเมื่อพูดถึงหุ่นสุดเฟิร์มที่เป็นที่กล่าวขวัญถึง “ถ้าเราดูจากนักแสดงฮอลลีวูดแต่ละคนอย่าง ‘ฮิวจ์ แจ็คแมน’, ‘คริส อีแวน’ หรือว่า ‘คริส แฮมเวิร์ธ’ พอเริ่มแก่ตัวไปมากขึ้น ยิ่งต้องกล้ามใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไปตามอิมเมจของแต่ละวัย ในช่วงวัยรุ่นก็คงหุ่นประมาณนี้ แต่เราค่อยๆ เล่นให้มันใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าตอนมัธยมผอมๆ คนอาจจะมองว่าน่ารัก แต่ถ้าเข้าสามสิบแล้วยังผอมเท่าเดิมอยู่คนก็จะมองว่านี่ผอมไปละนะ ส่วนเรื่องที่คนมองว่าเซ็กซี่ไม่ได้ส่งผลอะไรกับการทำงานมากขนาดนั้น ถ้าวันนึงเราได้รับบทบาทที่ต้องเปลี่ยนหุ่นให้เข้ากับตัวละครนั้นๆก็ต้องเปลี่ยน
เสื้อผ้า : Smilehound ชั้น 1 สยาม พารากอน และ ชั้น 3 สยามเซ็นเตอร์
KWANYO ชั้น 2 เทอมินอล 21
สถานที่ : ร้านอรรถรส
ความเห็น 107
เขาเป็นคนดังมาก คนรู้จักกันทั่วประเทศ
...ยกเว้น กู
22 พ.ค. 2561 เวลา 06.45 น.
บอกตรงไม่เห็นหล่อเลยหน้าตาธรรมดาใช่กล้องดีถ่ายแต่งได้เฉยๆหรอก
16 พ.ค. 2561 เวลา 08.16 น.
Na
หัวข้อข่าวก็โปรยซะ
15 พ.ค. 2561 เวลา 13.54 น.
Ch Phanni
เล่นดีนะ ติดตามในซิทคอม บางรักซอย9/1อยู่นะ
15 พ.ค. 2561 เวลา 04.05 น.
แอน
ดังมากที่จีน เกิดละ เกิด
15 พ.ค. 2561 เวลา 03.41 น.
ดูทั้งหมด