ถ้าจะพูด ก็พูดให้ดี จะดีกว่านะ - เพจเจ้าหญิงแห่งวงการHR

อีกหนึ่งความสนุกในการทำงานคือการเรียนรู้คน 

เคยได้ยินบางคนพูดว่าไม่เหนื่อยกับงานเยอะ แต่เหนื่อยกับคนเยอะ

55 ก็อาจจะเป็นคำพูดตลกๆ แต่ก็มีแอบจริงอยู่บ้างอ่ะเนอะ

สุดท้าย เมื่อเราเลือกไม่ได้ที่จะไม่ต้องพบเจอคน ทางออกที่ดีที่สุดก็คือการเรียนรู้ที่จะทำงานกับคนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดให้ได้ 

สิ่งหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ในการทำงานร่วมกันคือ คนแต่ละคนมีจุดอ่อนไม่เหมือนกัน ก็เหมือนตัวเราเองนั่นแหละ เอาจริงๆแล้วก็มีบางพฤติกรรม บางคำพูดที่เรารับไม่ได้ แต่คนอื่นเฉยๆ หรือบางคำเราก็คิดว่าไม่เห็นจะมีอะไร แต่บางคนกลับมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ เราเห็นคนต้องผิดใจกันเพราะคำพูดมานักต่อนักแล้ว ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราเลือกใช้คำที่ดี ก็สามารถส่งพลังบวกถึงคนฟังได้มากเลยนะคะ

ตัวอย่างเช่น

- แค่นี้เองทำไมทำไม่ได้ บางคนก็มองว่าเป็นคำถามธรรมดา บางคนอาจจะคิดว่ามันไม่แค่นี้อ่ะซิ เค้าอาจจะใช้ความพยายามหลายอย่างเพื่อทำงานนี้ แต่มันไม่สำเร็จ ในมุมของคนตั้งคำถาม อาจจะอยากถามว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงทำไม่สำเร็จ แต่พอพ่วงด้วยคำว่า “แค่นี้” เข้ามาด้วย เลยเหมือนกับการบอกว่างานนั้นมันเล็กน้อย พอไม่สำเร็จไปอีก เลยเหมือนว่าคนทำงานนั้นดูไม่มีความสามารถ ทั้งๆที่คนถามอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้นะ 

- คนอื่นก็ทำกันได้นะ / เมื่อก่อนผมก็ทำได้ … ทำไมคุณทำไม่ได้ อันนี้เป็นคำพูดที่ได้ยินบ่อยเลย โดยเฉพาะกับคนเป็นหัวหน้า เอาจริงๆนะ ส่วนตัวแล้วคิดว่าพนักงานส่วนใหญ่อ่ะ ไม่ได้ต่อต้านการแข่งขันนะ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าในการทำงานอ่ะ มันก็ต้องมีคนได้มากกว่า น้อยกว่าตามผลงานกันไป ซึ่งมันก็เป็นไปตามผลงานที่เกิด แต่ในระหว่างทางอ่ะ หัวหน้าควรเลือกคำพูดเพื่อกระตุ้นทีมงานยังไงให้เกิดพลัง มากกว่าบั่นทอน พอพูดว่า “คนอื่นเค้าก็ทำกันได้” “เมื่อก่อนตอนมีกันไม่กี่คนยังทำได้มากกว่านี้เลย” พอได้ยินคำแบบนี้ เราคิดยังไงนะ ต้องมีบ้างแหละคนที่คิดว่างั้นก็ให้คนอื่นมาทำ หรือคิดว่าก็ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะเอาไปเปรียบเทียบกันได้ยังไง สมัยพี่ทำเองมีคู่แข่งเท่านี้มั้ย อะไรๆก็เปลี่ยนไปตั้งเยอะแล้ว หรือพี่จะลองมาทำเองดูละ บลา บลา บลา 555 ก็แค่คิดอ่ะนะแต่ไม่ได้พูดออกไปจริงๆหรอก แต่เชื่อว่าทุกครั้งที่มีคำพูดที่บั่นทอนกำลังใจแบบนี้ หลายครั้งเราก็จะเกิดการต่อต้านโดยอัตโนมัติ ทั้งๆที่จะพยายามทำให้อยู่แล้วนะ แต่พลังมันก็ลดลงไปเลยอ่ะ นี่เชื่อว่าคนเราอ่ะไม่มีใครอยากแพ้หรอก เพราะฉะนั้น ลองเปลี่ยนคำพูดเพื่อกระตุ้นทีมงานด้วยการให้เค้าแข่งกับตัวเองดีกว่ามั้ย ลองเปลี่ยนเป็น พี่เชื่อว่าเธอทำได้ดีกว่านี้แน่นอน / ลองใหม่อีกครั้งมั้ย ถ้ามันสำเร็จอ่ะ จะเป็นผลงานชิ้นสำคัญของเธอเลยนะ / พี่รู้นะว่ามันยาก เลยต้องให้คนแบบเธอนี่แหละช่วย พยายามทำให้สำเร็จนะ … ลองเปลี่ยนคำพูดที่เอาพนักงานไปเปรียบเทียบกัน มาลองใช้คำพูดเพื่อสร้างคุณค่าในตัวเองให้พนักงาน ให้เค้าแข่งกับตัวเอง เพื่อสร้างความภูมิใจให้ตัวเองดูค่ะ น่าจะได้ผลดีขึ้นกับหลายๆคนนะคะ

- ก็เคยทำมาแบบนี้ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร คำนี้ก็เป็นคำติดปากของหลายๆคน โดยเฉพาะเมื่อต้องมีการมาคิด วางแผนเพื่อทำอะไรใหม่ๆ ซึ่งบางคนที่พูดก็ไม่ได้คิดจะต่อต้านอะไรนะ แต่พอพูดออกมาแลว เหมือนคนที่จะไม่ให้ความร่วมมือกับการเปลี่ยนแปลง ถ้าเราจะใช้คำนี้ หรือคำนี้มันติดปากไปแล้ว น่าจะต้องขยายความหรือพูดให้ยาวขึ้นนิดนึงว่าที่เคยทำแบบนั้นมาตลอดแล้วมันดียังไง หรือทำไมเราถึงทำแบบนั้นกันมา เพื่อให้คนใหม่ หรือคนที่ชวนคิดเรื่องการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ได้เข้าใจว่าเราไม่ได้ไม่ให้ความร่วมมือนะ แค่จะบอกว่าเคยทำมาแบบนี้แล้วมันดียังไงหรืออะไรที่ทำให้เราต้องทำแบบนี้มาตลอดเท่านั้นเอง

- เด็กสมัยนี้ไม่อดทนเลย คำนี้ได้ยินบ่อยเลย ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่เด็กสมัยนี้แล้วอ่ะนะ 555 แต่ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำพูดแบบเหมารวม ในการทำงานกับคน สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆคือการให้คุณค่าแบบเฉพาะตัวของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นคนอายุเท่าไหร่ แต่ทุกคนยังต้องการการปฏิบัติ หรือการให้คุณค่าแบบที่ตัวเองเป็น ไม่ใช่การถูกมองรวมไปกับคนอื่นทุกเรื่อง เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคนสมัยไหนก็มีทั้งคนที่อดทนกับคนที่ไม่อดทน ขึ้นอยู่กับว่าคนในยุคไหน อดทนกับเรื่องไหนได้มากกว่ากันเท่านั้นเอง พอเราเห็นคนอดทนต่อการทำงานบางอย่างได้ไม่เท่าเรา เราก็เลยไปตัดสินเค้าแบบเหมารวม เอาจริงๆเด็กสมัยนี้ก็อาจจะอดทนกับบางอย่างได้ดีกว่ารุ่นเราก็เป็นไปได้ คำว่าเด็กมัยนี้ไม่อดทนนี่ไม่รู้จะแนะนำให้ใช้คำไหนแทนนะคะ 55 เอาเป็นว่าพยายามไม่ใช้แล้วกันนะคะ ถ้าจะพูดกับเด็กคนไหนก็ให้เจาะจงที่ตัวเค้าและเรื่องของเค้าไปเลย อย่าเอาเค้าไปเหมารวมกับคนอื่นแล้ววนกลับมาเพื่อใช้ตีตราเค้าเลยค่ะ ไม่น่าจะได้ผลดีเท่าไหร่ 

- ทำเพื่อบริษัท ฟังดูเผินๆก็เป็นเรื่องดีนะคะ ที่จะพูดเพื่อให้พนักงานทุกคนช่วยกันทำเพื่อบริษัท แต่ๆๆๆๆ จะพูดติดปากว่าทำเพื่อบริษัทอย่างเดียวไม่ได้นะคะ ในการสื่อสารเพื่อจูงใจคนต้องคิดและพูดแบบ Win-Win นะคะ แทนที่จะพูดเพื่อให้ทุกคนทำงานหนักขึ้น ทำงานงานมากขึ้นเพื่อให้บริษัทเจริญเติบโตแค่อย่างเดียว ลองเพิ่มว่าพนักงานจะได้อะไรจากการทุ่มเททำงานด้วยดีมั้ยคะ เช่น เมื่อบริษัทเติบโต รุ่งเรือง โอกาสในการได้ผลตอบแทนและความก้าวหน้าของเราก็จะมีมากขึ้น ทำงานมากขึ้นเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของพวกเราแต่ละคนกันนะคะ (อันนี้เคยอ่านหนังสือจิตวิทยาการสื่อสารอัไรซักเล่มนึง ขออภัยจริงๆที่จำชื่อไมได้ เค้าบอกว่า ให้ลองเปลี่ยนคำว่าทุกคน เป็นแต่ละคน แล้วจะทำให้คนฟังคิดตามได้มากขึ้น เพราะคำว่าแต่ละคน เมื่อฟังแล้วคนฟังจะคิดว่าเป็นเรื่องของตัวเอง มากกว่าคำว่าทุกคนค่ะ อันนี้ลองคิดตามดูนะคะว่ามีผลจริงมั้ย) ผู้บริหารต้องยอมรับก่อนว่า ไม่ใช่พนักงานทุกคนที่รักบริษัทแบบยอมทำตามได้ทุกอย่าง มีอีกหลายคนที่ตื่นเช้าแต่งตัวออกจากบ้านไปทำงานเพื่อชีวิตของตัวเองและครอบครัวไม่ใช่เพื่อบริษัท เพราะฉะนั้นการทำให้บริษัทเจริญรุ่งเรื่อง ก็เพื่อทำให้ตัวเองมั่นคงขึ้น มีชีวิตที่ดีขึ้นตามไปด้วย ผู้บริหารก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้ และหาวิธีการพูดเพื่อได้ความร่วมมือ ความทุ่มเทมากขึ้นจากพนักงานนะคะ อ่อ !!! แต่ที่สำคัญคือเมื่อพูดแล้วต้องทำให้ได้จริงๆด้วยนะคะ ไม่ใช่บริษัทโตเอาโตเอา ผู้บริหารเปลี่ยนรถใหม่ทุกไตรมาส แต่พนักงานคือยิ่งทำยิ่งจน แบบนี้ก็ไม่ไหวนะคะ

ที่ชวนคุยเรื่องนี้เพราะคำพูดสะท้อนความคิด และสะท้อนความไม่ได้คิด !!! ยังไงน่ะเหรอคะ คือเราพูดจากสิ่งที่เราคิด เราเชื่อ เราไม่สามารถพูดโดยสมองไม่ได้สั่งการไมได้นะคะ และที่บอกว่าคำพูดสะท้อนความไม่ได้คิด นั่นก็คือว่าคำพูดบางคำที่เราพูดออกไป อาจจะทำให้เรากลายเป็นคนพูดไม่คิดในสายตาคนอื่นได้ และทั้งหมดที่เราพูด เราทำกับคนอื่นจะเป็นเครดิตติดตัวเราไปตลอดการทำงาน ถ้าเรามีเครดิตที่ดี การได้รับความร่วมมือร่วมใจ ความยอมรับนับถือก็จะมีมากขึ้น การทำงานก็มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นจากการมีทีมที่ดี 

เรื่องคำพูดอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาบางคน แต่ผลที่เกิดจากคำพูดเล็กน้อยอาจจะยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะในทางบวกหรือทางลบ เราทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจเพราะเราเองก็เป็นทั้งผู้พูดและผู้ฟังอยู่ตลอดเวลา ถ้าจะพูดไม่ดี ไม่พูดจะดีกว่านะคะ

มีคำไหนที่ใครคิดว่าควรพูด หรือไม่ควรพูด ที่เล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่ เอามาแชร์กันได้นะคะ การแบ่งปันไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ

#รักนะคะ

#เจ้าหญิงแห่งวงการHR