ศาลยกฟ้อง "ปริญญ์" 2 ข้อหา ปมกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล-พรากผู้เยาว์ เหตุคดีขาดอายุความ ไม่ผิดตามฟ้อง
วันที่ (14 ธ.ค. 66) ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลฯ นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1849/2565 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล และพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี เพื่อการอนาจาร
โดย นายปริญญ์ เดินทางมาถึงศาลอาญา พยายามเดินหลีกเลี่ยงสื่อมวลชนที่มาดักรอบริเวณด้านล่างศาลฯ และไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด จากนั้นเดินขึ้นศาลไปฟังคำพิพากษาทันที
ศาลมีคำพิพากษาว่า จากพฤติการณ์ เมื่อเดือน เมษายน 2561 นายปริญญ์ (จำเลย) ได้กระทำการล่วงละเมิดผู้เสียหาย อายุ 17 ปี ในขณะนั้น ด้วยการจับมือและโอบไหล่ ขณะที่ผู้เสียหายฝึกงานกับจำเลยที่บริษัท โดยกระทำภายในห้องทำงานของจำเลย ระหว่างที่มีการพูดคุยกัน และมีพฤติการณ์พาผู้เสียหายไปส่งที่บ้าน
โดยผู้เสียหายสมัครใจยินยอมที่จะไปด้วย ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวติดฟิล์มดำกับมีผ้าม่านกั้นฉากระหว่างคนขับรถและผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งจำเลยกับผู้เสียหายนั่งด้วยกัน ปรากฏว่าจำเลยพยายามพูดคุยสอบถามกับผู้เสียหายเป็นภาษาอังกฤษในประเด็นเรื่องส่วนตัว รวมไปถึงสอบถามว่าเคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ ทางผู้เสียหายพยายามไม่ตอบคำถามในประเด็นนั้น ก่อนที่จำเลยได้จับมือและลูบไล้แขนของผู้เสียหาย จนทำให้ผู้เสียหายไม่สบายใจ ขอลงรถระหว่างทาง ซึ่งจำเลยก็ยินยอม แต่มีการบอกว่าห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร ทำให้ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความ เมื่อจำเลยตกเป็นข่าวว่าล่วงละเมิดผู้เสียหายผู้หญิงหลายคน เมื่อปี 2565 ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี
โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ในข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี ต่อหน้าธารกำนัล จำเลยได้กระทำอนาจารกับผู้เสียหายภายในรถซึ่งติดฟิล์มดำ ทำให้บุคคลภายนอกไม่สามารถมองเห็นได้ และมีฉากกั้นระหว่างที่นั่งผู้โดยสารกับคนขับ จึงทำให้คนขับไม่เห็นเหตุการณ์ จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดข้อหาอนาจารต่อหน้าธารกำนัล แต่เป็นความผิดฐานอนาจารแก่บุคคล อายุ 15 ปี ทั่วไป เป็นความผิดที่ยอมความได้ ตามกฎหมายผู้เสียหายจะต้องแจ้งความร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่มีมูลเหตุแห่งคดี และทราบตัวผู้กระทำความผิด แต่ปรากฏว่าผู้เสียหายแจ้งความเมื่อปี 2565 ซึ่งผ่านพ้นระยะเวลามาหลายปี ทำให้คดีขาดอายุความ ยกฟ้องในข้อหานี้
ส่วนข้อหาพรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปส่ง เป็นเส้นทางปกติที่จะไปยังที่พักของผู้เสียหาย ไม่ได้เป็นการพาออกนอกเส้นทาง รวมทั้งการที่ผู้เสียหายจะขอลงจากรถก่อน จำเลยก็ยินยอมให้ผู้เสียหายลงจากรถ จึงเห็นได้ว่าในข้อหานี้ พยานฝั่งโจทก์ไม่เพียงพอที่จะฟังได้ ว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่ฟ้อง จึงยกฟ้องในข้อหานี้
ทั้งนี้ ศาลอาญาจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง นายปริญญ์ ทั้ง 2 ข้อหา ต่อมา ภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว นายปริญญ์ ได้กล่าวสั้นๆ ว่า วันนี้ศาลตัดสินไปแล้ว ก็ขอให้ว่าไปตามนั้น ส่วนคดีอื่นๆ ยังไม่ขอพูดถึง และปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ รอให้ทุกคดีสิ้นสุดลงก่อน