เชื่อไหมว่าคนเรามีความคิดและการกระทำที่ค่อนข้างประหลาด สวนทางกับความเป็นไปของโลกอย่างสิ้นเชิง
คนส่วนใหญ่มักจะรู้ว่าอะไรดี-ไม่ดี อะไรควร-ไม่ควร แต่รู้แล้วยังไง เข้าตำรา “ดีชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้กันทั้งนั้น” อะไรที่ไม่ดี ก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ดี แต่ก็ยังจะทำ ส่วนเรื่องดี ๆ ที่ทำแล้วชีวิตต้องดีขึ้นแน่นอน กลับไม่ค่อยจะยอมทำกัน ซึ่งคนเราก็เป็นซะแบบนี้ รู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่เคยทำได้สักที
วันนี้เลยขอมาตีแผ่ 10 ความจริงที่สุดแสนจะธรรมดาที่สุดในโลก เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วทั้งนั้น แต่เชื่อไหมไอ้ที่รู้ ๆ กันอยู่นี่แหละ ไม่เคยทำได้สักที ไม่เชื่อลองลิสต์ในใจดูก็ได้ มีข้อไหนที่รู้แล้วทำได้จริง ๆ จัง ๆ บ้าง
1. ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
เรื่องแปลกอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ เราทุกคนไม่ได้ถูกสอนมาให้พึ่งพาตัวเองกันสักเท่าไหร่ ตั้งแต่เป็นเด็กก็มีพ่อแม่ มีญาติพี่น้องคอยดูแล เอาใจใส่ ให้ความสำคัญ พอโตก็มีเพื่อน มีแฟน มีสามีภรรยา คอยเป็นห่วงดูแล
พูดกันตามตรงคนเราสมัยนี้พึ่งพาตัวเองได้น้อยลงทุกที ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราอยู่ในสังคมแห่งการพึ่งพา และการพึ่งพิงอาศัยซึ่งกันและกันก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะมันคือการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ค้ำจุนซึ่งกันและกัน แต่ถึงเราจะสามารถพึ่งคนอื่นได้ ก็จงอย่าลืมวิธีการพึ่งพาตัวเอง บางคนขอความช่วยเหลือคนอื่นจนเป็นนิสัย โดยไม่เริ่มทำหรือคิดด้วยตัวเองก่อนด้วยซ้ำ ทำให้เมื่อถึงเวลาที่ต้องพึ่งตัวเองก็ไปไม่เป็น ทำไม่ถูก
จริง ๆ เราทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าตนต้องเป็นพึ่งแห่งตน เราไม่มีวันพึ่งใครไปจนตายไปข้างได้ เพราะเอาเข้าจริงการไม่พิงใครเลยมันยากเกินไป สุดท้ายเราทุกคนก็เลยวนลูปอยู่กับการพึ่งคนอื่นเสียจนชิน
2. ใช้ชีวิตอย่างมีสติ
“สติ” น่าจะเป็นคำที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี แต่เอาเข้าจริงบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “สติ” คืออะไร
สติ คือความรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา คือถ้าเรามีสติ เราก็จะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการใช้ชีวิตอย่างมีสติก็คือใช้ชีวิตในแบบที่รู้สึกตัวตลอดเวลา
โดยทั่วไปคนเราไม่ค่อยรู้หรอกว่ากำลังทำอะไร อาศัยความเคยชินก็ปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ยกตัวอย่างง่าย ๆ เวลาขับรถ มีบางช่วงบางตอนที่เราขับไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาถึงตรงนี้ได้ยังไง นั่นก็เพราะความเคยชินที่ทำให้เราขับรถโดยวางสติทิ้งไว้
แล้วทำไมต้องรู้สึกตลอดเวลา ก็เพราะการรู้สึกตัวจะทำให้เราโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า พอจดจ่อก็รู้ตัว พอรู้ตัวก็มีสติ มีความยั้งคิด ยับยั้งชั่งใจ รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร ก็ทำให้ใช้ชีวิตในแบบที่ไม่อันตราย ซึ่งการใช้ชีวิตอย่างมีสติแบบนี้ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องและควรทำ แต่จะมีสักกี่คนที่ทำได้…
3. อยู่กับปัจจุบัน
ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าปัจจุบันสำคัญที่สุด แต่คนเราก็มักปล่อยวางอดีตไม่ได้ คาดหวังและวางแผนถึงอนาคตโดยลืมไปเลยว่าปัจจุบันต่างหาก คือช่วงเวลาที่เราต้องใช้ไปกับมันมากที่สุด
ยังไงทั้งอดีตและอนาคตก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครควบคุมได้ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป เรื่องที่ยังมาไม่ถึงก็ยังไม่จำเป็นต้องกังวลกับมัน อะไรที่อยู่เหนือการควบคุมก็ต้องปล่อยมันไป กลับมาโฟกัสกับปัจจุบันให้ดีที่สุดเพื่อที่อนาคตจะได้เป็นไปในแบบที่ตั้งใจไว้
4. ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
คำพูดที่ดูเหมือนง่าย แต่จริง ๆ แล้วทำยากมาก คนเราไม่ได้ซื่อสัตย์กับตัวเองเท่าไหร่นักหรอก บางคนเข้าข่ายหลอกตัวเองไปวัน ๆ ด้วยซ้ำ
เคยลองคุยกับตัวเองหรือฟังหัวใจตัวเองกันบ้างไหม…รู้ไหมว่าบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้วตัวเองชอบอะไร อยากทำอะไร เพราะใช้ชีวิตมาด้วยค่านิยมของสังคมบ้างล่ะ พ่อแม่บ้างล่ะ เพื่อนบ้างล่ะ จนลืมตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไปแล้ว อย่าว่าซื่อสัตย์กับตัวเองเลย แค่รู้จักตัวเอง บางคนยังทำไม่ได้เลย
5. คิดทุกอย่างที่พูด
ความจริงที่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่เคยทำได้สักที เพราะคนเรามักปล่อยให้คำพูดเป็นนาย ให้ปากพาไป โดยไม่ได้คิดอะไรเลย
ทั้งที่ความจริงคนเราควรจะคิดทุกอย่างที่พูด แต่ไม่ควรพูดทุกอย่างที่คิด ยิ่งถ้าพูดไปแล้วจะเสียมากกว่าได้ ก็เงียบไป ไม่พูดเลยจะดีกว่า แต่คนส่วนใหญ่จะพูดทุกอย่างที่คิด หรือบางทีก็ไม่ได้คิดเลย พูดอย่างเดียว สักแต่พูดจนคำพูดไปทำร้าย ทำลายกัน
6. ความรักผ่านมา แล้วก็ผ่านไป
เราทุกคนรู้ดีว่าต่อให้รักกันมากแค่ไหน สักวันก็ต้องจากกันอยู่ดี คำว่า “ตลอดไป” ในโมเมนต์ของความรักมันไม่มีอยู่จริง ความรักมันก็แค่ผ่านมา เมื่อถึงเวลามันก็ผ่านไป เราซะอีกที่รู้อยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่ดันเจ็บปวด ทุกข์เจียนตายเพราะความรักที่ไม่ได้ดั่งใจ
สุดท้ายไม่มีใครไม่ผิดหวังเพราะความรัก ที่มันยังเจ็บ ยังทุกข์ก็เพราะสิ่งที่เรารู้อยู่เต็มอก แต่ก็ยังไปคาดหวังกับมันอยู่ดี เพราะแบบนี้มันถึงทุกข์ ถึงเจ็บปวด ในเมื่อรู้อยู่แล้วก็ตั้งรับกับมันซะ รักอย่างเข้าใจว่าความรักผ่านมาแล้วผ่านไป สิ่งที่เหลืออยู่คือความเข้าใจ ผูกพัน และเอื้ออาทรซึ่งกันและกันต่างหาก
7. รวยหรือไม่ อยู่ที่ “พอ” แค่ไหน
ทุกคนรู้จักตัวกิเลสอย่าง “ความโลภ” กันแทบทั้งนั้น รู้ด้วยว่าความโลภคือตัวร้ายที่ทำให้คนเราไม่รู้จักพอ รู้ด้วยซ้ำว่าความโลภนำพาความหายนะมาให้ได้มากมายแค่ไหน
แต่ทั้ง ๆ ที่รู้ คนเราก็หนีไม่พ้นความโลภ ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น จนหน้ามืดตามัว มีแล้วก็อยากมีอีก ได้แล้วก็อยากได้อีกไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ พาตัวเองให้ไปอยู่บนทางแห่งความโลภที่ไม่เคยพอ
8. บางทีปัญหาก็ไม่ได้มีไว้แก้
เราทุกคนแทบจะถูกสอนกันมาตั้งแต่เด็กว่าเมื่อเจอปัญหาต้องรีบแก้ ต้องก้าวข้ามผ่านปัญหาอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาไปให้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ในโลกของความเป็นจริงไม่มีใครทำแบบนั้นได้ เพราะบางปัญหาให้ตายยังไงมันก็แก้ไม่ได้ บางอุปสรรคมันก็ใหญ่เกินกว่าที่คนตัวเล็ก ๆ อย่างเราก้าวผ่านไปได้
บางครั้งคนเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับ บางทีสิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นอาจดีเสมอก็ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งปัญหาและอุปสรรค ที่บางอย่างมันเกิดขึ้นมาก็เพื่อให้เรายอมรับและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน สิ่งที่เราทำได้อาจเป็นแค่การอยู่กับปัญหาอย่างเข้าใจ หรือค่อย ๆ รอ ค่อย ๆ แก้ไปอย่างช้า ๆ โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะผ่านมันไปได้สักทีก็ได้
9. ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
“ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง” ความจริงที่เรารู้กันดี แต่ไม่ค่อยจะทำใจให้ยอมรับกันสักเท่าไหร่
ปกติคนเราไม่ค่อยคุ้นเคยกับความเปลี่ยนแปลง พอต้องเปลี่ยนก็จะรู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะเรามีสัญชาตญาณของการปกป้องตัวเอง อะไรที่ไม่คุ้นชินก็จะเกิดการต่อต้าน ทำให้คนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง แม้แต่ใจของเราเองยังเปลี่ยนไปทุกวัน จะให้ทุกอย่างเหมือนเดิมคงเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจงเรียนรู้ที่อยู่กับมันอย่างเข้าอกเข้าใจ เพราะยังไงสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเลยก็คือความเปลี่ยนแปลงอยู่ดี
10. เลิกยึดติด
ความจริงที่รู้อยู่เต็มอก แต่น้อยคนจะยอมรับได้ว่าการยึดติดทำให้เราเป็นทุกข์ ยึดกับคน ก็ทุกข์เพราะคน ยึดกับสัตว์ ก็ทุกข์เพราะสัตว์ ยึดกับของ ก็ทุกข์เพราะของ ไม่ว่าจะยึดกับอะไรก็ตาม ยิ่งยึดก็ยิ่งทุกข์
การยึดติดเป็นเรื่องของเราคนเดียว ไม่ว่าเราจะยึดกับอะไร ทุกอย่างจะจบได้อย่างง่ายดายด้วยการปล่อย แค่ปล่อยได้ วางเป็น ก็เหมือนได้หลุดพ้น ได้เลิกทุกข์ เพราะฉะนั้นยึดไปก็เท่านั้น ไม่มีอะไรเป็นของเราจริง ๆ สักอย่างเดียว
อย่างที่บอกตั้งแต่แรกนั่นแหละว่านี่คือ 10 ความจริงที่เราทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าถ้าทำได้มันดีกับชีวิตเราแน่นอน แต่น้อยคนจะดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องบนความจริงเหล่านี้ได้ มาถึงตรงนี้ อาจถึงเวลาแล้วก็ได้ที่ความจริงพวกนี้จะมาเตือนว่า เราควรต้องใช้ชีวิตต่อไปยังไงถึงจะไม่ทุกข์เหมือนที่ผ่านมา ~
ความเห็น 13
ในการพิจารณาถึงในหลักของความเป็นจริงให้อย่างรอบครอบดีแล้ว ก็ย่อมที่จะช่วยทำในการตัดสินใจทำกับในสิ่งที่ถูกต้องได้อย่างเสมอ.
08 ก.พ. 2564 เวลา 22.08 น.
อุ๋ม(สุภาภรณ์)
ทำได้หมดทุกข้อก็คงดีนะ 555
08 พ.ย. 2563 เวลา 08.11 น.
ปล่อยวางบางสิ่ง..เพื่อเริ่มบางอย่าง
07 พ.ย. 2563 เวลา 13.42 น.
iRon Man 59
เป็นบทความที่ยอดมากครับ
07 พ.ย. 2563 เวลา 10.13 น.
หมู/มาโนช
10ข้อที่ว่ามาเป็นความจริงที่ขัดแย้ง ขัดแย้งด่านความคิด ขัดแย้งด้านความเป็นอยู่ ขัดแย้งด้านการดำรงชีพใน10ข้อคือความจริงและดีทีาสมควรทำอย่างยิ่ง ถ้าชีวิตเราปกติสุข
07 พ.ย. 2563 เวลา 10.01 น.
ดูทั้งหมด