โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ผู้หยุดสงครามโลกครั้งที่สาม - วินทร์ เลียววาริณ

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 13 ธ.ค. 2563 เวลา 18.31 น. • วินทร์ เลียววาริณ

วันที่ 1 กันยายน 1983 เครื่องบิน Korean Air Lines เที่ยวบิน 007 บินข้ามน่านฟ้าโซเวียต พลันเครื่องบินทหารโซเวียตลำหนึ่งบินตามมาและยิงมันตก เสียชีวิตยกลำ 269 คน

ชาวโลกก่นด่าโซเวียตยับเยินที่แยกไม่ออกระหว่างเครื่องบินรบกับเครื่องบินพาณิชย์

เพียงสามอาทิตย์ต่อมา โลกก็เข้าสู่ความตึงเครียดอีกครั้ง

คราวนี้เกิดขึ้นเงียบ ๆ 

▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪

คืนวันที่ 26 กันยายน 1983 นาวาอากาศโท สตานิสลาฟ เยฟกราโฟวิช เปตรอฟ (Stanislav Yevgrafovich Petrov) อยู่เวรที่ศูนย์ดาวเทียมควบคุมเตือนภัย เรียกเป็นรหัสว่า Oko ตั้งอยู่ที่เขตทหาร Serpukhov-15 ใกล้กรุงมอสโก 

เปตรอฟวัย 44 มีหน้าที่เฝ้าดูความเคลื่อนไหวของขีปนาวุธของอเมริกา

เวลานั้นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับโซเวียตอยู่ในขั้นเลวร้ายมาก ต่างงัดเอาอาวุธมาข่มอีกฝ่าย 

เมื่อโซเวียตติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลาง SS-20/RSD-10 สิบสี่ลูก นาโตก็งัดหัวรบ Pershing II 108 ลูกออกมาใช้ในยุโรป พร้อมถล่มภาคตะวันออกของโซเวียตได้ในเวลาแค่ 10 นาที นอกจากนี้ยังเพิ่มหัวรบพิสัยไกล BGM-109G เข้าไปอีก

โลกเข้าใกล้จุดเดือด ทั้งสองฝ่ายหันหัวขีปนาวุธเข้าหากัน

ในวันที่ 23 มีนาคม 1983 ประธานาธิบดี รอนัลด์ เรแกน ประกาศทางโทรทัศน์ เสนอความคิดโครงการ The Strategic Defense Initiative หรือที่สื่อเรียกว่า ‘สตาร์ วอร์ส’ สร้างอาวุธที่สามารถสอยขีปนาวุธของศัตรูลงมา ก่อนที่มันจะถึงเป้าหมาย

เรแกนประกาศว่า“ผมกำลังเรียกร้องให้วงการวิทยาศาสตร์ที่เคยสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ใช้ความสามารถเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติและสันติภาพแห่งโลก สร้างเครื่องมือให้เราทำให้อาวุธนิวเคลียร์ใช้การไม่ได้และล้าสมัย”

แม้ ‘สตาร์ วอร์ส’ ไม่ประสบความสำเร็จ แต่โซเวียตก็เชื่อว่าสหรัฐฯ มีศักยภาพที่จะทำได้ เช่นที่เคยระดมนักวิทยาศาสตร์ทำระเบิดปรมาณูสำเร็จมาแล้ว โดยเฉพาะเมื่อนักฟิสิกส์ เอ็ดเวิร์ด เทลเลอร์ บิดาแห่งระเบิดไฮโดรเจน เป็นคนแรก ๆ ที่เสนอความคิดสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธนิวเคลียร์

โซเวียตเชื่อว่าสหรัฐฯ ทำโครงการ ‘สตาร์ วอร์ส’ เพื่อใช้จัดการฝ่ายตน และสหรัฐฯ จะยิงขีปนาวุธก่อนแน่

▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪

สตานิสลาฟ เปตรอฟ เกิดในครอบครัวทหารอากาศ พ่อเป็นนักบินในสงครามโลกครั้งที่สอง เขาเรียนสายวิศวกรรมศาสตร์ที่สถาบันวิศวกรรมเทคนิควิทยุชั้นสูงของกองทัพอากาศ แล้วรับราชการที่กองทัพอากาศในปี 1972 ทำงานด้านระบบเตือนภัยขีปนาวุธข้ามทวีปที่มาจากประเทศกลุ่มนาโต

หลังเที่ยงคืนเล็กน้อย คอมพิวเตอร์บอกว่าบางสิ่งผิดปกติ เครื่องรายงานว่ามีขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปลูกหนึ่ง พุ่งตรงมาที่โซเวียต ต้นทางคือสหรัฐฯ

ใจเขาเต้นแรงขึ้น

สหรัฐฯ จะก่อสงครามเช่นนั้นหรือ ? ในเวลานี้ ? ด้วยหัวรบเพียงลูกเดียว ?

เขารู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ เหตุผลเพราะหากสหรัฐฯ จะโจมตีโซเวียตก่อน ไม่น่าจะใช้หัวรบเพียงลูกเดียว มันควรจะเป็นหลายร้อยลูก เพราะลูกเดียวไม่สามารถชนะโซเวียตได้ หากจะจู่โจมหวังผล ก็ต้องทำลายโซเวียตให้ราบเป็นหน้ากลอง สหรัฐฯ ย่อมรู้ดีว่า หากไม่พิชิตอีกฝ่ายให้ราบคาบก่อน พวกโซเวียตจะยิงขีปนาวุธสวนกลับไปแน่นอน

อีกจุดหนึ่งที่ทำให้เขาเชื่อว่าคอมพิวเตอร์อ่านค่าผิดคือ ดาวเทียมดวงนี้เคยรวนมาก่อน อีกทั้งไม่ปรากฏการตรวจจับขีปนาวุธทางอื่น

นาทีนั้นเขาสรุปว่ามันเป็นการเตือนภัยที่ผิดพลาด จึงไม่แจ้งผู้บังคับบัญชาทันที แต่ในใจเขาก็ระทึก หากมันไม่ผิดเล่า ? ถ้ามันเป็นขีปนาวุธจริงล่ะ ?

เขาเฝ้ารอต่อไป

▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪

ผ่านไปหลายนาที จนเมื่อถึงกำหนดที่ขีปนาวุธควรเดินทางมาถึงแล้ว เขาก็รู้ว่าไม่มีการจู่โจมจากสหรัฐฯ คอมพิวเตอร์เตือนภัยรวน

ผ่านไปอีกไม่นาน คอมพิวเตอร์เตือนอีกว่ามีขีปนาวุธสี่ลูกมาจากสหรัฐฯ มุ่งหน้ามาที่โซเวียต เขาเชื่อว่าคอมพิวเตอร์รวนอีกรอบ

เขาเห็นว่าการเตือนครั้งนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป มันผ่านการตรวจสอบ 30 ขั้นตอนเร็วผิดปกติ จึงเชื่อว่าเครื่องคอมพิวเตอร์อ่านค่าผิด

เขาเชื่อว่ามันเป็นการเตือนผิดพลาด จึงตัดสินใจไม่รายงานเบื้องบนทันทีที่เกิดเหตุ

ต่อมามีการยืนยันว่าคอมพิวเตอร์รวนจริง มันเกิดจากการอ่านภาพการวางตัวของแสงอาทิตย์บนเมฆชั้นสูงเหนือรัฐนอร์ธ ดาโกตา กับวงโคจรของดาวเทียมโซเวียต ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แต่มันก็เกิดขึ้น

เปตรอฟทำให้โลกพ้นจากสงครามอย่างหวุดหวิด โดยใช้ไหวพริบ สติ และปัญญา

ถ้าเขารายงานการพบหัวรบครั้งนี้ขึ้นเบื้องบนมีโอกาสสูงที่จะเกิดการยิงตอบโต้ เพราะสถานการณ์การเผชิญหน้าสูงยิ่ง

นี่คือสามัญสำนึก สัญชาตญาณ ปฏิภาณ การวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ และอ่านเกมไปพร้อมกัน

เขาบอกเบื้องบนภายหลังว่า การที่สหรัฐฯ โจมตีด้วยหัวรบเพียงห้าลูกนั้นไม่สมเหตุสมผล

▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪

หลังเกิดเหตุ นายพล ยูรี โวตินท์เซฟ (Yury Votintsev) ผู้บัญชาการหน่วยป้องกันภัยขีปนาวุธทางอากาศ ได้รับรายงาน และกล่าวชมเชยเขาที่ตัดสินใจได้ถูกต้อง สมควรได้รับรางวัล

แต่ต่อมา นอกจากจะไม่ได้รับรางวัล เปตรอฟกลับถูกเบื้องบนตำหนิ และถูกเบื้องบนสอบสวนอย่างหนัก ถูกย้ายไปทำงานตำแหน่งที่ต่ำลง

เขาเชื่อว่า เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าระบบเตือนภัยของโซเวียตมีปัญหา ทำให้เจ้าหน้าที่ชั้นสูงและนักวิทยาศาสตร์เสียหน้า ทางการจึงชมเชยเขาไม่ได้ เพราะหากเขาได้รับคำชม คนเหล่านั้นก็ต้องถูกลงโทษ

ในปี 1984 เขาย้ายไปทำงานในสถาบันค้นคว้าด้านการเตือนภัย และลาออกก่อนเกษียณ บอกว่าจะไปดูแลภรรยาที่ป่วยเป็นมะเร็ง

มีรายงานว่าเขาบอกว่า “ผมเป็นแพะรับบาป” และเกิดอาการประสาทกิน

แล้วเรื่องก็จบลงเพียงนั้น

▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪

เรื่องนี้ไม่เป็นข่าว จนหลายปีต่อมามีการตีพิมพ์บันทึกของ นายพล ยูรี โวตินท์เซฟ ในปี 1988 สื่อต่าง ๆ ทั่วโลกจึงเพิ่งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ทั้งซีไอเอและเคจีบีที่เผยภายหลังชี้ว่า โซเวียตยังไม่สามาถรับมือกับขีปนาวุธ Pershing II จึงเชื่อว่าสหรัฐฯ เอาแน่

ระบบเตือนภัยรวนที่เกิดขึ้นมาในจังหวะที่เลวร้ายที่สุด เข้มข้นที่สุด ในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ของสองประเทศตกต่ำที่สุด โซเวียตเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะโจมตี

“ในเมื่อสหรัฐฯ จะโจมตี เราก็ควรเล่นพวกนั้นก่อน”

ดังนั้นสถานการณ์ในคืนนั้นจึงอันตรายอย่างยิ่ง

ผู้เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์ในสหรัฐฯ หลายคนเชื่อว่า เหตุการณ์นี้เฉียดสงครามนิวเคลียร์มากที่สุดแล้ว เพราะพวกโซเวียตเชื่อว่าสหรัฐฯ จะจู่โจมก่อน โดยเฉพาะจากประธานาธิบดี รอนัลด์ เรแกน ที่แข็งกร้าว

หลังจากโลกรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สตานิสลาฟ เปตรอฟ ได้รับการชมและยกย่องจากองค์กรและสถาบันต่าง ๆ โดยเฉพาะจากโลกตะวันตกและสหประชาชาติ

ในปี ค.ศ. 2006 องค์การสหประชาชาติมอบรางวัล World Citizen Award ให้เขา

ปี 2013 เยอรมนีมอบรางวัล The Dresden Peace Prize ให้เขา

เดรสเดนเป็นเมืองในเยอรนีที่ถูกฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดอย่างรุนแรงและโหดเหี้ยมในปี 1945 ด้วยเครื่องบิน 1,249 ลำ ระเบิดกว่า 3,900 ตันในคืนเดียว ทั้งเมืองถูกเผาราบ ดังนั้นมันจึงเป็นเครื่องเตือนความเลวร้ายของสงครามล้างโลก

▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪

สองปีหลังจากเหตุการณ์นี้ มิคกาอิล กอร์บาชอฟ ขึ้นเป็นผู้นำโซเวียต ได้พบกับประธานาธิบดี รอนัลด์ เรแกน ที่ไอซ์แลนด์ และเจรจาหาทางแก้ปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ และตกลงค่อย ๆ ลดการผลิตอาวุธ 

สตานิสลาฟ เปตรอฟ ถึงแก่กรรมในวันที่ 19 พฤษภาคม 2017 และได้รับรางวัล Future of Life Award ที่นิวยอร์ก โดยบุตรสาวเป็นผู้รับรางวัลแทนพ่อ

ในพิธีมอบรางวัล บันคีมุน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า สงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ กับโซเวียตเกือบได้เกิด หากมิใช่เพราะการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของ สตานิสลาฟ เยฟกราโฟวิช เปตรอฟ ด้วยเหตุผลนี้ เขาสมควรได้รับคำขอบคุณอย่างสูงจากชาวโลก และสมควรที่ชาวโลกจะทำงานด้วยกันเพื่อได้โลกที่ปราศจากความกลัวอาวุธนิวเคลียร์ จดจำวิจารณญาณที่กล้าหาญของ สตานิสลาฟ เปตรอฟ

เปตรอฟบอกเสมอว่าเขาไม่ใช่วีรบุรุษ

“เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงหน้าที่การงานของผม ผมแค่ทำงานของผม ผมเพียงอยู่ถูกที่ถูกเวลา ก็แค่นั้น”

เขาบอกว่าเขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ภรรยา

เธอเคยถามเขาว่า “คุณทำอะไรหรือเปล่า ?”

เขาตอบว่า “เปล่า ผมไม่ได้ทำอะไร”

▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪▪

วินทร์ เลียววาริณ

winbookclub.com

เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/

ติดตามบทความใหม่ ๆ จากวินทร์ เลียววาริณ ได้ทุกวันจันทร์ บน LINE TODAY 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0