โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อสังหาริมทรัพย์

เจาะเกมบุก เฟรเซอร์ส โฮม เติบโตบนน่านน้ำเดิม - เปิดแนวรบสมรภูมิใหม่

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 23 ม.ค. 2566 เวลา 06.47 น. • เผยแพร่ 23 ม.ค. 2566 เวลา 06.47 น.

เสริมแกร่งบนน่านน้ำเดิม สู่การเติบโตบนสมรภูมิใหม่

ธีมการทำธุรกิจที่อยู่อาศัยปี 2566 ของบริษัทยักษ์อีกรายในวงการอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย ในนาม “บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด”

2566 เป้ารายได้โต 14%

นำโดย “แสนผิน สุขี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “เฟรเซอร์สฯ โฮม” ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

โดยได้แรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ การลงทุนเพิ่มขึ้นของภาคเอกชน การเลือกตั้งทั่วไปภายในกลางปีนี้ การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะมาเยือนเมืองไทย 20-22 ล้านคน ทำให้มีความคาดหวังว่าภาคท่องเที่ยวจะผลักดันให้จีดีพีประเทศไทยขยายตัวที่ 3.0-3.5%

“แผนธุรกิจปี 2566 บริษัทตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ 13,000 ล้านบาท เติบโต 14% เทียบกับปี 2565 โดยเฟรเซอร์สฯ โฮมเดินหน้านโยบายทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ตามแผน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจ ให้องค์กรก้าวสู่ความแข็งแกร่งในทุกด้าน”

จากเป้าตัวเลขรายได้ ทอนออกมาเป็นแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวม 17,500 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 7 โครงการ, ทาวน์โฮม 2 โครงการ, บ้านแฝด 1 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ

วิสัยทัศน์ย้ำเจ้าตลาด

ถอดรหัสธีมธุรกิจจะพบ 2 กุญแจสำคัญ ประกอบด้วย 1.เสริมแกร่งบนน่านน้ำเดิม กับ 2.สู่การเติบโตบนสมรภูมิใหม่

“แสนผิน” จั่วหัวภายใต้วิสัยทัศน์ “คิดใหม่ ทำใหม่ (ให้) ใหม่เสมอ” เพื่อต้องการสร้างผลตอบแทนบนรายได้ที่เติบโตสม่ำเสมอ มีคำอธิบาย ดังนี้

1.“เสริมแกร่งบนน่านน้ำเดิม” ด้วยการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่กำลังซื้อมีศักยภาพสูง นำเสนอสินค้าคุณภาพและมีนวัตกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

กับ 2.“เติบโตบนสมรภูมิใหม่” กับการสร้างโอกาสใหม่ ๆ เพื่อรักษาระดับอัตราการเติบโตของธุรกิจ ตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยได้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ครบทุกความต้องการ
ที่สำคัญ บริษัทต้องการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยให้แตกต่างจากที่เคยได้รับจากโครงการของคู่แข่งขัน

รักษาฐานบ้านแนวราบ

เมื่อลงลึกรายละเอียดธีมธุรกิจ เสริมแกร่งบนน่านน้ำเดิมและเติบโตบนสมรภูมิใหม่ นำมาสู่การแปลงแผนภาพใหญ่ให้เป็น 4 กลยุทธ์หลัก คือ

1.กลยุทธ์เดินหน้าเปิดตัวบ้านแนวราบทุกระดับราคา ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนโครงการบ้านเดี่ยวในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับลักเซอรี่ โฟกัสเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ประจำในจังหวัดที่มีการขยายตัวของเมืองและแหล่งงาน

ขณะเดียวกันยังคงรักษาการเป็นผู้นำตลาดทาวน์โฮมไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยการพัฒนาโครงการคุณภาพบนทำเลศักยภาพสูง ดีไซน์สินค้าให้โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นที่ครองใจลูกค้า

รวมถึงพัฒนาบ้านแฝดที่เน้นการออกแบบและฟังก์ชั่นเทียบเท่าบ้านเดี่ยว เน้นทำเลใกล้เมืองและแหล่งอำนวยความสะดวก จุดโฟกัสอยู่ที่นำเสนอราคาที่จับต้องได้

2.กลยุทธ์เดินหน้าจัด Big Campaign กระตุ้นยอดขายตลอดปี 2566 ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาณอย่างเป็นทางการในการเปิดสงครามแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษตลอดทั้งปี เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

ควบคู่กับต้องการสร้างการรับรู้ และจดจำแบรนด์สินค้าของเฟรเซอร์สฯ โฮมอีกด้วย

บุกคอนโดฯ 3-5 ล้าน

3.กลยุทธ์บุกตลาดคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์นี้ “แสนผิน” เล็งขยายฐานรายได้จากตลาดโครงการแนวสูงในยุคโควิด ล่าสุดในปีนี้คาดว่าแผนธุรกิจคอนโดฯ สุกงอมพอดิบพอดีในปีนี้

ถึงแม้ในภาพรวมตลาดคอนโดฯ ยังก้ำกึ่งว่าฟื้นตัวแล้วจริงหรือไม่ แต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ

มุมมองที่ซีอีโอเฟรเซอร์สฯ โฮม มองเห็นโอกาสทางการตลาดหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายก็คือ ตลาดคอนโดฯ เริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปีนี้

จุดเน้นอยู่ที่การพัฒนาโครงการโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น กลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วในปี 2565 ว่ามีดีมานด์เพิ่มมากที่สุด ในขณะที่ซัพพลายในตลาดเริ่มพร่องลงไป

นำมาสู่เรื่องใหม่ของเฟรเซอร์สฯ โฮม สำหรับแผนธุรกิจปี 2566 ด้วยการประกาศพัฒนาคอนโดฯ ภายใต้โมเดล “Inorganic” ในความหมายคือการทำ M&A โครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้ปีนี้สามารถรับรู้รายได้สินค้าคอนโดฯ ได้ทันที

ตามแผนคาดว่าสินค้าคอนโดฯ จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีก 20-30% เพื่อมาเติมรายได้บ้านแนวราบที่ตั้งเป้าไว้ 13,500 ล้านบาทอยู่แล้วในปีนี้

“คอนโดฯ 3-5 ล้านบาท บังคับโลเคชั่นตั้งอยู่ในเมือง และใกล้แนวรถไฟฟ้า จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ภายใต้แบรนด์ใหม่ ซึ่งการทำ M&A จะต้องเป็นดีลระหว่างแบรนด์ใหญ่กับแบรนด์ใหญ่ด้วยกัน”

มัดแน่น 3 แบรนด์บ้านหรู

กลยุทธ์สุดท้ายต้องบอกว่า เป็นความเชี่ยวชาญอย่างเป็นพิเศษของเฟรเซอร์สฯ โฮม 4.ขยายพอร์ตบ้านเดี่ยวระดับลักเซอรี่และซูเปอร์ลักเซอรี่ ราคา 60-120 ล้านบาท

ประกอบด้วย 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ “The Royal Residence-เดอะ โรยัล เรสซิเดนซ์” ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ของบริษัท

ที่เหลืออีก 2 แบรนด์ คือ “Alpina-อัลพีน่า” กับ “The GRAND-เดอะ แกรนด์” ที่มีฐานลูกค้าเหนียวแน่น เน้นเจาะกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเอง

ไฮไลต์ตามแบบฉบับบ้านเฟรเซอร์สฯ โฮม ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ปรารถนา

สู้ด้วย “กลยุทธ์ที่ถูกต้อง”

ไฮไลต์การแข่งขัน อธิบายผ่าน 4 กลยุทธ์การดำเนินงานที่น่าสนใจ อาทิ พัฒนาโครงการบนแลนด์แบงก์เดิม โดยเปิดตัวโครงการใหม่บนที่ดินเดิม 11 โครงการด้วยกัน

นั่นหมายความว่า สร้างความได้เปรียบการแข่งขัน เพราะแลนด์แบงก์เดิม = ต้นทุนเดิมนั่นเอง

ถัดมา การขยายตลาดบ้านเดี่ยวลักเซอรี่+ซูเปอร์ลักเซอรี่ ซึ่งบิ๊กดาต้าของบริษัทยืนยันว่า บ้านราคาเกิน 20 ล้านบาทขึ้นไป ลูกค้ามีพฤติกรรมซื้อด้วยเงินสดสูงถึง 67%

อีกตัวอย่างที่เป็นการ “ทำใหม่” ก็คือ ผู้นำต้องกล้าทดลองทำสิ่งใหม่ วิธีใหม่, มุ่งมั่นจริงจัง มุ่งเน้นผลลัพธ์, รู้หน้าที่ ทำโดยอัตโนมัติ และทำให้ถูกหน้าที่ ไม่แย่งหน้าที่ลูกน้อง

“ปี 2566 วิกฤตเศรษฐกิจยังอยู่กับเรา ดังนั้นการฝ่าวิกฤตทำได้หนทางเดียวคือ แข่งขันด้วยกลยุทธ์ที่ถูกต้อง ปีนี้จึงต่อยอดกลยุทธ์เป็นปีที่คิดใหม่ ทำใหม่ ให้ใหม่เสมอ” คำกล่าวของ“แสนผิน สุขี” ซีอีโอ เฟรเซอร์สฯ โฮม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...