“พระพุทธศาสนา” จะถูกทำลาย! เพราะฉาก “พระร้องไห้” จริงหรือ? ระบบ “เซ็นเซอร์” เมืองไทยใช้มาตรฐานอะไรวัด!
จากกรณีที่หนังเรื่อง “ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 2.2” ถูกระงับการฉาย เนื่องจากคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ (กองเซ็นเซอร์ฯ) ประกาศไม่ให้ผ่านเซ็นเซอร์ โดยให้เหตุผลว่า มีฉากที่แสดงถึงประเด็นความอ่อนไหวทางศาสนา นั่นคือฉากตัวละครที่ชื่อ “พระเซียง” เกาะโลงศพพร้อมหลั่งน้ำตา แสดงความอาลัยอาวรณ์ให้กับการจากไปของแฟนสาว
จนทำให้หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงฉากดังกล่าวว่าเหมาะสมหรือไม่ และนำไปสู่การพิจารณารอบสองที่ทีมผู้สร้างหนัง จำเป็นต้องตัดฉากดังกล่าวที่ถูกมองว่า ‘ล่อแหลม’ ออกไป ถึงจะผ่านมติของกองเซ็นเซอร์ โดยคาดหัว ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 2.2 ไว้ว่าเป็นหนังที่เหมาะสำหรับผู้ชมที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป
หนึ่งในคำถามที่ควรถูกยกมาพูดถึงมากที่สุด คือ ‘พุทธศาสนา’ ที่มีรากฐานแข็งแกร่งยาวนานมากกว่า 2,500 ปี และถูกยกให้เป็นศาสนาประจำชาติไทย แท้จริงแล้ว ‘เปราะบาง’ ถึงขนาดถูกทำลายลงด้วยฉากพระหลั่งน้ำตาเกาะโลงศพได้เชียวหรือ
กรณีหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ คือการที่สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับหลายฉากที่นำเสนอภาพพระสงฆ์เล่นมุกสองแง่สองง่าม พระจ้องหน้าอกหญิงสาว และอีกหลายฉากในหนังเรื่องอื่นที่มีตัวละครหลักเป็นพระ ที่ดูแล้วน่าจะเข้าข่าย ‘มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม’ มากกว่าแต่กลับผ่านดุลยพินิจอันแสนเฉียบคมของคณะกรรมการกองเซ็นเซอร์ และออกฉายสู่สายตาผู้ชมได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น
คำถามคือ ‘น้ำตา’ ที่แสดงออกถึง “ความเป็นมนุษย์” ของพระเชียงกลับถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมที่อาจทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนาไปได้อย่างไร?
ทางด้าน “พระไพรวัลย์ วรรณบุตร” ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวผ่านเพจเฟซบุ๊กของตัวเองอย่างน่าสนใจไว้ว่า
“คำว่าตัดทางโลก ไม่ได้หมายถึงว่า ตัดอารมณ์ความรู้สึกที่มนุษย์จะพึงมีทั้งหมดได้ ไม่ใช่ว่าดับทุกข์สิ้นเชิงได้ พระโสดาบัน ยังร้องไห้นะ พระสกทาคามี ยังมีความโกรธ (แม้จะเบาบาง)
การมองภาพของนักบวชแบบผิดผิด หรือเข้าใจในมิติเดียว หลายครั้งก็สร้างปัญหานะ มีนักปฎิบัติธรรมหลายคนฆ่าตัวตาย ทั้งแม่ชี ทั้งพระ ส่วนหนึ่งมาจากความเครียดความเก็บกดและการไม่สามารถเปิดเผยอารมณ์ความรู้สึกในด้านลบซึ่งความทุกข์ภายในใจของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาได้
ภาพของพระเชียงนี่เป็นตัวอย่างของพระที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองนะ มันสะท้อนความเป็นธรรมชาติของชีวิตที่ว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะแบบไหน มันไม่ใช่ว่า เราจะสามารถหนีอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด หนีปัญหาหนีความทุกข์ของตัวเองได้ น้ำตานั่นแหล่ะที่เป็นเครื่องบ่งบอก อย่างน้อยมันก็เป็นตัวแทนถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในใจ”
ทัศนคติจาก บุคคลที่ครองผ้าเหลืองมาอย่างยาวนาน ก็น่าจะทำให้คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย ที่มีความเข้าใจเพียงผิวเผิน แต่กลับครองตัวประหนึ่งผู้ทรงคุณวุฒิที่รู้เรื่องราวทุกอย่าง แล้วตัดสินผ่านมุมมองแสนคับแคบ ร้อนๆ หนาวๆ ได้อยู่เหมือนกัน
และยิ่งทีมผู้สร้างไทบ้าน เดอะซีรีส์ ปล่อยคลิปฉากที่ถูกตัดออกไปให้คนดูได้ชม ในช่วงเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็มีคนเข้ารับชมมากกว่า 1.5 ล้านครั้ง และมีกดแชร์ถึง 30,000 ครั้ง (อัพเดตเวลา 13.00 น. ของวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561) พร้อมกับสารพันความคิดเห็นในทำนองว่า ฉากดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความ ‘อ่อนไหว’ ทางจิตใจของพระเชียงในฐานะ ‘มนุษย์’ คนหนึ่งได้อย่างลึกซึ่งและสวยงาม หาได้มีจุดไหน ที่จะสามารถทำให้คนดูเกิดความสงสัยในความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาแต่อย่างใด
https://www.facebook.com/ThiBaanTheSeries/videos/2156324237954971/?t=0
(คลิปฉากที่ถูกตัด)
กลับกัน ความเสียใจที่ถ่ายทอดออกมาผ่านตัวละครพระเชียง ยังแสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนา ยังเป็นที่พึ่งทางใจ ให้กับคนที่บอบช้ำจากเรื่องต่างๆ ให้มาหลบมุมรักษาบาดแผลภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ได้เป็นอย่างดี เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาอยู่บ้างกว่าที่ ‘ผ้าเหลือง’ จะเยียวยาและซับน้ำตาของคนๆ นั้นได้แห้งสนิท เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่บุคคลภายนอกที่ไม่ได้มีส่วนกับความเรื่องราวหนักหนาที่คนนั้นได้พบเจอพึงกระทำ คือการให้กำลังใจ หาใช่ใจร้อนด่วนตัดสินว่าการกระทำนั้นๆ เหมาะหรือไม่เหมาะอย่างไร
เพราะหากมีแต่คนมุ่งโจมตี ให้ร้ายกันไปเรื่อยๆ เมื่อนั้นต่างหาก จะเป็นการ ‘ทำลาย’ พุทธศาสนาอย่างแท้จริง และคงจะไม่มีใครกล้าหลบมาพึ่งพิงร่วมเงาของศาสนาเพื่อเยียวยาจิตใจได้อีกต่อไป
ในขณะที่ “อ.ประวิทย์ แต่งอักษร” นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดัง ก็ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวที่ทำให้คณะกรรมการยิ่งต้องหน้าชาขึ้นไปอีกว่า
“ได้ดูฉากที่โดนแบนแล้ว คิดว่าคนที่มีปัญหากับฉากนี้จนถึงขั้นมีคำสั่งให้ตัดทอน ดัดแปลงและแก้ไข น่าจะถ่องแท้ในหลักศาสนาและวัตรปฏิบัติของสงฆ์เป็นอย่างดี แต่กลับกัน ดูเหมือนจะไม่มีความเข้าใจชีวิตและความเป็นมนุษย์เอาซะเลย อีกทั้งความสามารถในการดูหนังอย่างปรุโปร่ง กระทั่งสามารถตรวจพิจารณาได้ ก็เป็นเรื่องน่าสงสัยจริงๆ”
ซึ่งทำให้เกิดคำถามให้หนักขึ้นไปอีกว่า หากกรณีดังกล่าวถูกมองว่าไม่เหมาะสม แล้วเราจะปล่อยให้ พระฆงส์เสพย์ยา, ดูหนังโป๊, ค้ากาม, หารายได้จากการปลุกเสกวัตถุมงคล ฯลฯ และพฤติกรรมน่าสงสัยและไม่เหมาะสมอีกมากมาย ที่มีข่าวออกมาให้เห็นแทบจะทุกวัน
กลายเป็นตัวแทนผู้สืบทอดและเผยแผ่คำสอนอันดีงามพระพุทธศาสนาเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการออกมาตรการจัดการขั้นเด็ดขาดเช่นนี้ต่อไปจริงหรือ และพฤติกรรมแบบไหนกันแน่ ที่ควรถูกมองว่า ‘ไม่เหมาะสม’ และเป็นการ ‘ทำลาย’ พุทธศาสนาได้มากกว่ากัน
อ้างอิง
https://www.bbc.com/thai/thailand-46285697
https://thestandard.co/thi-baan-the-series-2-2/
https://www.facebook.com/PhramahaPaivan/posts/2358726487747221
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1136736953144047&set=a.104326393051780&type=3&eid=ARDgtteYja7uv1McMe0cCQwxllFTAAC74Z6pMXCOzaBSOFWFKWcYqtF5Xf2s9PNq-jbQgZBsBDMfLuBc
ภาพประกอบจาก
ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 2.2
ความเห็น 152
Aroon Sn.
ศีลคือ ความปกติ
ชาวพุทธควรจะรู้ว่าแบบไหนปกติ แบบไหนไม่ปกติ.
07 ธ.ค. 2561 เวลา 15.07 น.
ประสิทธิ์ Joe
พระพุทธศาสนา ไม่ได้ถูกทำลายโดยแค่พระร้องไห้แค่นั้นหรอก แต่เหมือนน้ำหยดลงหิน
เดี๋ยวนี้มีทั้ง 1. พระเสพยา-ขายยา
2. พระตุ๊ดพระเเต็ว
3. พระขาย วัศถุมงคล
4. พระยืนหรือนั่งสามล้อไป
บิณทบาต
5. พระโชว์กล้ามออกสื่อ
6. พระปลอมเกลื่อนเมือง
7. พระเสพเมถุน
อื่นๆอีกเยอะ
30 พ.ย. 2561 เวลา 00.44 น.
มึงตายอดตายหยากหรือไงจึงต้องเอาสาศนามาหาแดก
28 พ.ย. 2561 เวลา 03.24 น.
Nong Nithichote
ไม่รู้จริงๆ หรือทำออกมา เพื่อให้ถูกแบน เพื่อจะสร้างกระแสหนัง หรือเปล่า
27 พ.ย. 2561 เวลา 14.45 น.
อธิวัฒน์
มันสมควรไม๊ สอนชาวบ้านให้ใช้สติ เจริญสติ ตัวเองห่มผ้าเหลืองไม่สำรวมทำตัวอย่างกับคนบ้า กิเลสตัณหามาเพียบ แล้วจะห่มเหลืองทำไม ไอ้คนสร้างมึงใช้สมองคิดมั่ง
27 พ.ย. 2561 เวลา 14.21 น.
ดูทั้งหมด