ใครจะไปเชื่อว่าเราจะสามารถไปนอนแคมป์ปิ้งบนกำแพงเมืองจีน 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางได้! กำแพงเมืองจีนที่มีความยาวถึง 21,196.18 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 15 มณฑลทั่วประเทศจีน
ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำ ไม่มีร้านค้า ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายใด ๆ ทั้งสิ้น อาหารทั้งสามมื้อ รวมถึงเต้นท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องแบกขึ้นเขาไปด้วยตัวเอง
ทันทีที่ผมได้ยินถึงความพิเศษของที่นี่ ก็สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะต้องมาสัมผัสประสบการณ์นอนแคมป์ปิ้งบนกำแพงเมืองจีนด้วยตัวเองให้ได้ครับ!
การนอนแคมป์ปิ้งนั้นมีให้บริการหลายส่วนของกำแพงเมืองจีนเลยครับ
สำหรับครั้งนี้ ผมเดินทางไปยังเมืองปักกิ่งร่วมกับสมาชิกในการเเคมป์ปิ้งซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน มีทั้งหมด 12 คน รวมไกด์นำทางแล้วเพื่อประสบการณ์การนอนแคมป์ปิ้งบนกำแพงเมืองจีน
โดยการเดินทางนั้นจะต้องนั่งรถบัสออกจากจุดนัดพบในตัวเมืองปักกิ่งเพื่อเดินทางไปยังตีนเขา หลังจากนั้นช่วงแรกเราจะต้องเดินลุยป่าเข้าไปก่อน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ
จุดมุ่งหมายอยู่ที่กำแพงเมืองจีนที่เห็นอยู่ลิบ ๆ ตรงสันเขาครับ
ทางเดินป่าในช่วงแรกนั้นไม่ได้ลำบากมากนัก แต่ก็สมบุกสมบันในระดับหนึ่งบวกกับอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนในช่วงแรกทำเอาลุ้นเลยทีเดียวครับ
เพราะหากฝนตกลงมา การเดินป่าจะลำบากและทุลักทุเลกว่าเดิมเเน่ ๆ
อุปกรณ์ในการกางเต้นท์ ผ้าปูรองนอนและถุงนอนนั้นมีให้บริการ โดยเราจะต้องแบกขึ้นไปเองทั้งหมด ซึ่งราคาอุปกรณ์ก็จะรวมอยู่ในค่าทริปแล้วครับ
หลังจากเดินป่าจนเหนื่อยหอบ ถึงแม้ว่าจะแอบพักมาเป็นระยะระหว่างทางก็ตาม ในที่สุดก็เดินมาถึงทางปีนขึ้นกำแพงเมืองจีนซึ่งจะเป็นช่วงการเดินป่าครึ่งหลัง พวกเราก็ตัดสินใจทานมื้อเที่ยงกันที่นี่ครับ
ซึ่งมื้อเที่ยง มื้อเย็น และมื้อเช้าของวันถัดไปนั้น ทุกคนจะต้องเตรียมพร้อมและแบกขึ้นมาด้วยตนเองเช่นเดียวกัน
ทานอาหารรองท้องเพิ่มแรงแล้ว ก็เดินทางกันต่อ ในส่วนที่สองนี้จะเป็นการไต่กำแพงเมืองจีนไปเรื่อย ๆ
ทางเดินบนกำแพงเมืองจีน มีทั้งแบบเป็นเส้นทางเนินตามสันเขา บางช่วงเป็นขั้นบันไดแคบ ๆ เล็ก ๆ จนน่าหวาดเสียว บางช่วงก็สูงชัน บางช่วงก็ทรุดโทรม ด้วยความที่กำแพงเมืองจีนมีความยาวมาก หลาย ๆ ส่วนของกำแพงเมืองจีนนั้นอาจได้รับการดูแลซ่อมแซมจากทางรัฐบาลไม่ทั่วถึงครับ
เดินแบกกระเป๋าไต่ขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ อีกประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงแล้วครับ จุดกางเต้นท์!
ระยะเวลาดูจะไม่นานมาก แต่ทำเอาขาสั่นเลยทีเดียวครับ
แยกย้ายกันไปจัดแจงกางเต็นท์ วางสัมภาระ และพักผ่อนหายใจหายคอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมกับเพื่อนใหม่อีกสามสี่คนก็ตัดสินใจออกเดินสำรวจรอบ ๆ ครับ
วิวทิวทัศน์กำแพงเมืองจีนที่ยาวไปสุดลูกหูลูกตาหายเข้าไปในภูเขาสูงใหญ่มันสวยประทับใจจริง ๆ
มื้อเย็นสำหรับวันนี้ ทุกคนพร้อมใจกันหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมา โดยทางไกด์มีกาน้ำร้อนขนาดเล็กพร้อมให้บริการทุกคนในทริป (แต่น้ำต้องพกมาเองนะครับ)
อากาศบนกำแพงเมืองจีนเริ่มเย็นลงบวกกับลมเย็น ๆ ทำเอาสมาชิกในทริปนี้เรียกหาเสื้อกันหนาวกันเป็นแถว
มื้อเย็นกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปร้อน ๆ พร้อมนั่งมองดวงอาทิตย์ตกริมกำแพงเมืองจีนนั้นฟินมากจริง ๆ ครับ
ด้วยความที่ไม่มีไฟฟ้าใด ๆ ทั้งสิ้น ตกดึกกิจกรรมของพวกเราคือการนั่งมองดาวจากท้องฟ้าเมืองปักกิ่ง ไม่คิดว่าแค่เดินทางจากตัวเมืองปักกิ่งเพียงชั่วโมงนิด ๆ เราจะได้เห็นดาวชัดเจนและใกล้ขนาดนี้
กำแพงเมืองจีนในส่วนนี้นั้นโด่งดังในเรื่องของการชมวิวดวงอาทิตย์ขึ้นและตก หากท้องฟ้าเปิด เราจะสามารถเห็นเมืองปักกิ่งได้ทั้งเมืองจากที่นี่เลยครับ
เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศหนาวถึง 9 องศาบวกกับลมแรงมาก ๆ ทำเอาต้องห่อตัวด้วยถุงนอนออกมาดูวิวดวงอาทิตย์ขึ้นครับ
แสงอาทิตย์ตอนเช้าค่อย ๆ พาดผ่านภูเขาที่สลับซับซ้อนตรงหน้า เป็นเช้าวันใหม่ที่สดชื่นจริง ๆ
หลังจากชมวิวดวงอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อยแล้วก็เตรียมเก็บของเดินทางกลับตัวเมืองปักกิ่งได้เลยครับ
สำหรับการแคมป์ปิ้งบนกำแพงเมืองจีนนั้นมีหลากหลายบริษัทเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวครับ ผมเลือกทัวร์ราคาประหยัดและมีคุณภาพจัดทำขึ้นมาโดยองค์กร Culture Exchange Trip
โดยราคาทัวร์ประมาณ 1800 บาท รวมอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมมื้อเที่ยงก่อนเดินทางกลับแล้วครับ
การนอนแคมป์ปิ้งบนกำแพงเมืองจีนถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ทั้งแปลกใหม่ ทั้งพิเศษ และน่าประทับใจสำหรับผมมาก ๆ ครับ หากใครมีโอกาสมาเที่ยวปักกิ่ง
นอกจากจะเดินชมกำแพงเมืองจีนได้แล้ว อาจจะลองเปลี่ยนมาสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่กับการนอนแคมป์ปิ้งบนกำแพงเมืองจีนได้อีกด้วยนะครับ
รับรองว่าจะฟินไม่รู้ลืม!