โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

พาราสาวะถี

ข่าวหุ้นธุรกิจ

อัพเดต 19 มิ.ย. เวลา 01.05 น. • เผยแพร่ 18 มิ.ย. เวลา 23.05 น. • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

ไม่เลือกข้อเสนอพิเศษ สลับเก้าอี้ว่าการกระทรวงมหาดไทยกับสาธารณสุข พ่วงด้วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วยการตัดสินใจไปเป็นฝ่ายค้าน จากการประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวของ อนุทิน ชาญวีรกูลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นั่นหมายความว่า ทักษิณ ชินวัตรก็ไม่ยอมรับเงื่อนไขที่จะให้มีการล้างไพ่ ครม.กันใหม่หมดตามข้อเสนอของพรรคสีน้ำเงิน เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงบารมีที่ต้องอยู่เหนือบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่การเดินเกมต่อรองครั้งสุดท้าย แพทองธาร ชินวัตรจะมอบหมายให้ “หมอมิ้ง” นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ เป็นผู้เดินทางไปพบอนุทินถึงกระทวงคลองหลอด พอได้รับคำตอบแล้ว ปลายสายที่โทรรายงานกลับไม่ใช่อุ๊งอิ๊งแต่เป็นพ่อนายกฯเพราะมือทำงานขนาบข้างซ้ายขวาของลูกสาวนั้น นายใหญ่จัดมาให้เพื่อใช้แก้เกมทางการเมืองไม่ว่าจะจากนักการเมืองด้วยกันเอง หรือจากบรรดานักข่าวทั้งหลายอยู่แล้ว

บทบาทเจรจาในฐานะฝ่ายบริหารเป็นหน้าที่ของหมอมิ้ง ส่วนการสื่อสารทางการเมืองกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง หรือตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามเป็นเรื่องของ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัยดังนั้น จึงได้ยินคำยืนยันจากเจ้าตัวว่า ถ้าพูดถึงปฏิญญาช็อกมิ้นต์ก็จะมีแต่เรื่องการยอมรับร่วมกันในนโยบายของรัฐบาลโดยเฉพาะกรณีไม่แก้ไขมาตรา 112 เท่านั้น ส่วนที่ว่ามีการตกลงกันเรื่องของกระทรวงต่าง ๆ นั้น ตนไม่เคยได้ยิน และไม่รู้ว่ามีข้อตกลงนี้

แต่ก็ออกตัวว่า น่าจะเป็นการคุยกันในช็อตต่อไป ซึ่งตนไม่ได้มีส่วนร่วม ที่แน่นอนว่าการเจรจาเพื่อร่วมรัฐบาลของพรรคต่าง ๆ นั้น ต้องมีการหารือเรื่องกระทรวงที่จะเข้าไปบริหารเป็นเรื่องปกติแต่สิ่งหนึ่งในความเป็นรัฐบาลผสมต้องเข้าใจว่า ไม่ได้มีเงื่อนไขว่าแต่ละคน แต่ละพรรค จะต้องนั่งบริหารในกระทรวงนั้น ๆ ไปนานขนาดไหน หรือจนกว่าจะครบวาระ ทุกอย่างเมื่อพรรคแกนนำ ใช้อำนาจผ่านนายกฯ เห็นว่าควรปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม ก็ต้องเจรจาเพื่อให้ได้ข้อยุติ

ความน่าสนใจหลังจากนี้ การที่ไม่มี 69 เสียงของภูมิใจไทย จะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ ถ้าลองไปตรวจสอบกันเบื้องต้น ซึ่งตัวเลขของ สส.อาจยังไม่นิ่ง มีแนวโน้มว่าฝ่ายกุมอำนาจมีโอกาสจะได้เสียงจากงูเห่าเติมเข้ามาอีก ที่แน่ ๆ นับถึงตอนนี้ รัฐบาลจะมีเสียงอยู่ที่ 261 เสียงประกอบไปด้วย เพื่อไทย 142 เสียง รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง กล้าธรรม 26 เสียง บวกกับอีก 5 เสียง จาก กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์สส.ชลบุรี พรรคประชาชน กาญจนา จังหวะสส.ชัยภูมิ พลังประชารัฐ ฐากร ตัณฑสิทธิ์สส.บัญชีรายชื่อ รำพูล ตันติวณิชชานนท์สส.อุบลราชธานี และ สุภาพร สลับศรีสส.ยโสธร พรรคไทยสร้างไทย

โดยในส่วนของไทยสร้างไทยนั้น มีรายงานเข้ามาใหม่ว่า 6 เสียงที่มีจะสนับสนุนรัฐบาลทั้งหมด ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงโอกาสที่จะได้รับการจัดสรรเก้าอี้เสนาบดีนั่นเอง ที่เหลือเป็นประชาธิปัตย์ 25 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9 เสียง ชาติพัฒนา 3 เสียง ไทรวมพลัง 2 เสียง เสรีรวมไทย ประชาธิปไตยใหม่ และไทยก้าวหน้า พรรคละ 1 เสียง ที่ต้องจับตามองคือ 36 เสียงของรวมไทยสร้างชาติที่ถูกแบ่งเป็นสองก๊ก ก๊กละ 18 เสียงนั้น ต้องเข้าร่วมรัฐบาลทั้งหมดซึ่งการที่กล้าขีดเส้นจนผลักให้พรรคสีน้ำเงินไปเป็นฝ่ายค้านได้ ย่อมเป็นการยืนยันว่า เคลียร์กันลงตัวแล้ว

ขณะที่จำนวน สส.ในสภาเวลานี้เหลืออยู่ 495 คน เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาคือ 248 เสียง ถามว่าอยู่ในลักษณะเสียงปริ่มน้ำหรือไม่สำหรับรัฐบาล ถือว่าใกล้เคียง แต่ด้วยความที่การเมืองยุคหลังเป็นเรื่องของการต่อรองผลประโยชน์ ทุกอย่างจึงมีต้นทุนที่ต้องจ่าย ฝ่ายกุมอำนาจก็พร้อมที่จะจ่ายมันจึงไม่ใช่ปัญหาสำคัญ ต้องไปลุ้นกันเอาในเรื่องของกฎหมายที่จะต้องไปผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา ถ้าดูจากคดีฮั้วเลือก สว.แล้วก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคที่รัฐบาลต้องหวั่นเกรงแต่อย่างใด

ฉากทัศน์ที่จะตามมาหลังภูมิใจไทยไปเป็นฝ่ายค้าน หลายเรื่องที่เคยเกรงใจกันก่อนหน้านั้นน่าจะต้องถึงเวลาเช็กบิลโดยเฉพาะปมฮั้วเลือก สว.ส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กกต.ก็ว่ากันไปตามกระบวนการขององค์กรอิสระ อย่าลืมว่า ยังมีคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ทำอยู่นั่นก็คือ การฟอกเงิน จากจุดนี้ย่อมสามารถขยายผลไปถึงเรื่องอั้งยี่ ซ่องโจรได้เมื่อดูตัวละครจากคดีที่ กกต.ทำอยู่ คงนึกภาพต่อไปได้ว่า คดีอาญาที่ดีเอสไอทำต่อจะไล่บี้กันขนาดไหน

มีคนถามหาจุดยึดโยงระหว่างนายใหญ่กับเสี่ยหนูช่วยอะไรไม่ได้อย่างนั้นหรือต้องถือว่าหลังจากที่เจ้าสำนักบ้านจันทร์ส่องหล้า ถูกเล่นงานจากกรณีชั้น 14ทำให้เห็นว่า เกิดความไม่แน่ใจในวิถีทางการเมือง หากปล่อยไปด้วยความเกรงอกเกรงใจกันต่อไป มีหวังที่เพื่อไทยจะถูกกดดันขี่คอไปตลอดอายุรัฐบาลจึงต้องรีบชิงลงมือกุมความได้เปรียบทุกประตู ตรงไหนไล่ทุบได้ แม้จะเคยเป็นพวกเดียวกันก็ต้องไร้ความปรานีเพื่อเป้าหมายการกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่หลังการเลือกตั้งครั้งต่อไป

เมื่อการเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร ถ้าไม่รุนแรงถึงขั้นผีไม่เผาเงาไม่เหยียบก็ถือว่าขอกันกิน หากอนาคตทุกอย่างสามารถเจรจาอยู่บนผลประโยชน์ร่วมได้ ก็ย่อมจะมีโอกาสกลับมาทำงานร่วมกันได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เวลานี้จำเป็นที่จะต้องเด็ดขาด เพื่อรักษาอำนาจ และสร้างความได้เปรียบทางการเมืองไว้ก่อนเพราะไม่รู้ว่าในอนาคตอันใกล้จะเกิดอะไรขึ้นสำหรับนายใหญ่ ยังไงเสีย โจทย์ร่วมที่รัฐบาลพลิกขั้วได้รับมา ยังเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำกันให้ได้ แม้วันนี้จะมีส่วนหนึ่งไปยืนอยู่ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ตาม

ขณะที่ปมปรับ ครม.กำลังฝุ่นตลบ แพทองธารก็มีเรื่องให้กุมขมับหนักเข้าไปอีก หลังมีคลิปเสียงคุยกับ ฮุน เซนโผล่ พบมีประเด็นพาดพิงถึง พลโท บุญสิน พาดกลางแม่ทัพภาคที่ 2 จนนายกฯ หญิงต้องรีบออกมาแถลงข่าว ยืนยันเป็นเทคนิคการเจรจาเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบแม่ทัพฝั่งไทย และไม่คิดว่าจะมีการแอบบันทึกเสียงเป็นไงฤทธิ์เดชเขมร คงไม่ต้องเคลียร์อะไรแล้วกับฝั่งโน้น ท่านผู้นำต้องรีบสื่อสารกับคนที่ถูกพูดถึง พร้อมผู้นำเหล่าทัพมิเช่นนั้น จากจุดเล็ก ๆ ที่คิดว่าไม่มีอะไรอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้

อรชุน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...