โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

OSP ปิดลบ 7% โบรกหั่นเป้าเหลือ 16.50 บ. ชี้กำไรปี 68 หด เซ่นค่าใช้จ่ายพุ่ง

ข่าวหุ้นธุรกิจ

เผยแพร่ 29 ม.ค. เวลา 10.14 น. • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (29 ม.ค.68) ราคาหุ้นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 17.60 บาท ลบ 1.30 บาท หรือ 6.88% สูงสุดที่ระดับ 18.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 17.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 961.59 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง OSP คาดการณ์รายได้ไตรมาส 4/67 ของกลุ่มลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายจากผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัท OEM ลดลง 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่ายอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศน่าจะเติบโต 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท แม้จะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดไป ซึ่งปัจจุบันเหลือส่วนแบ่งเพียง 45% เนื่องจากตลาดโดยรวมคาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นควรขยายตัวอยู่ที่ 38% จากส่วนแบ่งการขายในต่างประเทศที่มีอัตรากำไรสูงอยู่ที่ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ Personal Care คาดการณ์เติบโต 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/67 ด้านต้นทุนขายและบริหารยอดขายคาดการณ์เพิ่มขึ้น เนื่องจากขาดทุนจากการปรับโครงสร้างจำนวน 50 ล้านบาท ในต่างประเทศ

นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าในปี 68 ทิศทางกำไรจะลดลง 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุ คือ 1.) อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเหลือ 36% เนื่องจาก OSP ต้องการขยายส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศผ่านการส่งเสริมการขายด้านราคาโดยเฉพาะที่ผู้จัดจำหน่ายแบบดั้งเดิม

2.) การโฆษณาและการส่งเสริมการขายเพิ่มเติม ซึ่งจะเพิ่มอัตราส่วนต้นทุน SG&A เป็น 26% โดยฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายจะเติบโต 6% ในปี 68 ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่ยอดขายเครื่องดื่มในไทยจะเพิ่มขึ้น 5%

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายนักวิเคราะห์ปรับลดอันดับ OSP จากแนะนำ “ซื้อ” เป็น REDUCE เหลือ 16.50 บาท หลังจากปรับลดกำไรต่อหุ้น EPS ลง 5-15% ในช่วงปี 67-69 โดยมองว่า 1.) คาดการณ์ยอดขายลง 0.8-3.8% ในปี 67-68 โดยคาดว่ายอดขายจะชะลอตัวลงใน ไตรมาส 4/67 ซึ่งเสียส่วนแบ่งตลาดไป 1ppt เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

2.) เพิ่มค่าใช้จ่าย SG&A อยู่ที่ 0.8-1.2 ppt หลังจากเพิ่มค่าใช้จ่ายการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเพื่อรับส่วนแบ่งการตลาดตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไป ตอนนี้ EPS จะลดลง 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 68

ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 อาจต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ น่าจะลดจากช่วงไตรมาสก่อน และโตเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ขณะที่ต้องติดตามผลตอบรับของกลยุทธ์กลับไปทำ 10 บาท เพื่อแย่ง share กลับมา

ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเชิงมูลค่าไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 45% ลดลงจาก 45.4% ในไตรมาส 3/67 จึงคาดการณ์รายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศอาจทรงตัวถึงปรับลงจากปีก่อนหน้า สวนกับมูลค่าตลาดรวมที่ยังโตได้ แต่คาดการณ์ว่าถูกหักล้างบางส่วนด้วยรายได้ต่างประเทศที่กลับมาฟื้นตัว

ส่วนแนวโน้มค่าใช้จ่ายไตรมาส 4/67 จะสูงขึ้นกดดันกำไร จากการทำการตลาด ค่าโฆษณา, FX loss จากธุรกิจที่พม่า และการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนในยุโรปมีค่าใช้จ่ายอีกเล็กน้อยราว 50-60 ล้านบาท

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...