มีคนประเภทหนึ่ง
เหมือนใจดีกับคนอื่น
แต่ใจร้ายกับตัวเอง
ด้วยเหตุผลพิสดารต่างๆ กันไป
เช่น เอื้ออาทรต่อลูกหลาน
ซื้ออะไรให้ใครต่อใครได้ไม่อั้น
อยากเห็นเขาดีใจ
แต่กับตัวเองประหยัดมัธยัสถ์เต็มที่
อยากได้อะไรก็อดใจไม่ซื้อตลอด
ราวกับว่าเป็นความผิด
ถ้าจะคิดเอาทรัพยากรโลกมาให้ตัวเองใช้
ไม่แบ่งปันให้คนอื่นก่อน
.
กับอีกประเภท
ใครทำอะไรไม่ดีกับตัวเองแค่ไหน
ก็ชินที่จะช่างเขา
ไม่เอาใจไปผูกเจ็บ
แต่กับตัวเองเป็นตรงข้าม
ผิดนิดผิดหน่อยไม่ได้
หงุดหงิดด่าเช้าด่าเย็นอยู่ในใจไม่เลิก
.
ประเภทนี้ดูเผินๆ เหมือนประหลาด
สวนทางกับชาวบ้านเขาเป็นตรงกันข้าม
กล่าวคือ ปกติชาวบ้านทั้งหลาย
เขาจะเอาดีเข้าตัว โยนชั่วให้คนอื่น
เห็นใจตัวเองชัด แต่ไม่ถนัดเห็นใจคนอื่น
คนอื่นจำเป็นต้องได้อะไร
ไม่สำคัญเท่าตัวเองอยากได้อะไร
ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา
ความผิดตัวเราเท่าเส้นผม
ข้าทำเองไม่เป็นไร
แต่แกทำนี่ด่าบ้านแตก
.
หากพิจารณาแบบพุทธว่า
ที่คนเราเห็นแก่ตัว
ก็เพราะมีอุปาทานในตัวตน
ชนิดเข้าข้างตัวเองเหนียวแน่น
ก็ต้องมองว่าที่บางคนเห็นแก่ใครอื่นมากไป
เพราะมีอุปาทานในตัวตนกลับขั้ว
เข้าข้างคนอื่นผิดปกติ
สำคัญว่าเป็นเรื่องดีที่จะอภัยคนอื่น
แต่เป็นเรื่องผิดถ้าจะยอมอภัยให้ตนเอง
.
บางคนเริ่มมีปมอุปาทานกลับขั้ว
จากการโทษตัวเองไม่เลิก
ย้ำคิดย้ำด่า เสียดายไม่ทำอย่างนั้น
เสียดายไม่เอาอย่างนี้
เลยทำคนอื่นเขาเดือดร้อนไปทั่ว
กระทั่งกินไม่ได้นอนไม่หลับ
แล้วฝังใจอย่างรุนแรงว่า
ตัวเองเลว ต้องด่า
คนอื่นน่าเห็นใจ ต้องอภัยเสมอ
.
แต่บางคนก็เริ่มปมจากความเป็นคน ‘ติดดี’
ด้วยเหตุผลที่ใครๆ นึกไม่ถึง
อาทิเช่น ช่วงเด็กดูหนังแนวฮีโร่
ประเภท คนดี คือคนที่เห็นใจคนอื่น
โดยไม่นึกถึงตัวเองเลย
แล้วเกิดแรงบันดาลใจฝังจิตว่า
ถ้าอยากเป็นคนดี ต้องไม่มีความไยดีกับตัวเอง
สงสารคนอื่นได้ แต่ตัวเองห้ามสงสาร
ซึ่งประเภทนี้บางทีก็ซับซ้อน
เพราะแรงกดดันที่อัดอั้นไว้
ก็ระเบิดตัวออกมาเป็นการนั่งสงสารตัวเอง
แบบไม่มีเหตุผล ไม่มีปี่มีขลุ่ย
.
ปมอุปาทานกลัวขั้ว
จะมาจากอะไรไม่สำคัญ
การแก้แบบพุทธใช้วิธีเดียวกันหมด
คือ ละอุปาทานด้วยความจริงที่เห็นอยู่ตรงหน้า
เช่น เฝ้าสังเกตว่า
ลมหายใจเข้าออกมันเป็นตัวเดิมไหม
เดี๋ยวก็ยาว เดี๋ยวก็สั้นอยู่อย่างนี้
.
ชั่ววูบที่จับสังเกตได้ว่า
ลมหายใจไม่แน่นอน ทั้งขาเข้า ขาออก
มาจากข้างนอก เดี๋ยวก็กลับคืนสู่ภายนอก
แล้วปล่อยความรู้สึกว่า
เป็นลมหายใจเดิมๆ ของเราเสียได้
คุณก็จะมีพลังสติในการปล่อยตัวเก่าเดิมๆ
ในวันก่อนที่ผิดพลาด
ให้หายไปจากวันนี้ได้เหมือนกันครับ!
.
ความเห็น 5
Tui of Earth
รักตัวเองโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น โลกนี้ย่อมสวยงาม
รักตัวเองให้มากๆ เพื่อจะได้มีพลังไว้ช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลก
22 ธ.ค. 2562 เวลา 03.28 น.
Rainny L.(อิมกึมบี)🌦
ก่อนจะยกโทษและอภัยให้ตัวเอง ก็ต้องสำนึกผิดก่อน ว่าได้ทำอะไรลงไปและมีผลเสียอย่างไรคิดให้ได้ก่อน ถ้าคิดไม่ได้ อภัยตัวเองก็เท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์อะไร
22 ธ.ค. 2562 เวลา 03.33 น.
ในการพิจารณาถึงในหลักของความเป็นจริงให้รอบครอบอย่างดีแล้ว ก็ย่อมสามารถที่จะช่วยทำให้ตัดสินใจที่สมควรทำต่อในสิ่งที่ถูกต้องได้เสมอ.
22 ธ.ค. 2562 เวลา 03.42 น.
Ging Kamonrat ⭐️
"ได้ค่ะ, เข้าใจค่ะ, ไม่เป็นไรค่ะ, ไหวค่ะ, ได้ทุกคนทุกเรื่องเลยค่ะ "
... ตอนแรกมันก็สนุกมากดีมากไป ตอนนี้ทำไมอึดอัดจัง บอกใคร อ่อนแอ หรือล้ม ให้ใครเห็นไม่ได้เลย
... คนนู้นต้องการแบบนู้น คนนี้ต้องการแบบนี้
ไม่มีใครถามเลยว่า "เหนื่อยไหม ทำได้ไหม (ย้ำ! ทำได้อยู่แล้ว! ถ้าทำไม่ได้นะ!)
"ทำได้ค่ะ"
"ทำไมยิ่งทำ ยิ่งพัง" "ยิ่งพยายาม ไม่มีอะไรเหลือ"
"ยิ่งเดิน ยิ่งไกล"
นี่ไม่มีเวทมนต์ เหมือน แม่มดน้อยโดเรมี !!!!
// ไม่สนุกแล้ว ไม่อยากตื่นมาแล้ว เหนื่อยจัง! T,___,T
03 ม.ค. 2563 เวลา 22.31 น.
Yong
คนที่รู้จักให้อภัยคนอื่นได้แม้จะถูกดูหมิ่นเหยียดหยามก็ยังให้อภัยได้แสดงว่าเป็นผู้มีปัญญาเพราะจิตถูกอบรมมาดีแล้วสามารถทำจิตให้สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ก็เพราะสติรู้ตัวเห็นความคิดนึกของตัวเองดีก็รู้ว่าดีแต่ถ้าชั่วก็ไม่ส่งเสริมความคิดนั้นสามารถกำหนดจิตละความคิดที่ไม่ดีนั้นทิ้งไปเสียตลอดจนคิดถึงเมตตาควรมีขึ้นให้มากเมตตาก็คือการให้อภัยนี่เองเป้าหมายก็คือการพ้นทุกข์ไม่ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 อันเป็นก้้้้้อนทุกข์นี่เองด้วยมีจิตที่เข้าถึงโลกุตระธรรมย่อมเข้าใจโลกว่าเกิดขึ้นจากการปรุงแต่งและไม่สามารถให้อภัย
28 ธ.ค. 2562 เวลา 09.56 น.
ดูทั้งหมด