สวัสดีปีใหม่ครับทุก ๆ คน เผลอแป๊บๆตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงปีใหม่กันแล้ว อะไรที่ยังไม่ได้ทำ หรือยังทำไม่เสร็จในปีเก่า ก็ยกมาเริ่มต้นกันใหม่ในปีใหม่นี้ก็แล้วกันนะครับ
หากพูดถึงปีใหม่ในญี่ปุ่นแล้ว กิจกรรมช่วงปีใหม่ของคนญี่ปุ่นก็ค่อนข้างเรียบง่ายครับ ในวันสิ้นปีก็รวมตัวกันกินโซบะ เข้าสู่เช้าวันปีใหม่ก็อาจจะไปวัดหรือศาลเจ้าเพื่อขอพรกัน อะไรประมาณนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนสงครามในวันปีใหม่อันแสนเงียบสงบของชาวญี่ปุ่นก็คือการขาย “ถุงโชคดี” หรือ “Fukubukuro” นั่นเอง
เจ้า “ถุงโชคดี” เนี่ยมันก็คือสินค้าโปรโมชั่นของร้านในญี่ปุ่นช่วงปีใหม่ เป็นถุงขนาดใหญ่ที่จะบรรจุของข้างในแบบแรนดอมเอาไว้ ซึ่งส่วนใหญ่มันก็จะเป็นของค้างปีที่ขายไม่ออกจากปีที่แล้วนั่นแหละครับ เขาก็เอามาใส่ถุงขายในราคากระชากใจ ให้คนที่มาซื้อได้ร่วมลุ้นว่าจะมีของอะไรอยู่ข้างใน และถ้าโชคดีเป็นพิเศษก็จะได้ของราคาแพงที่ซ่อนเอาไว้ในถุงโชคดีถุงใดถุงหนึ่ง ซึ่งถ้าใครได้ไปก็จะนับว่าโชคดีมาก ๆ
ดังนั้นการซื้อถุงโชคดีมันเลยเหมือนเป็นกิจกรรมยอดฮิตที่คนญี่ปุ่นเฝ้ารอกันในวันปีใหม่ ยิ่งถุงโชคดีของร้านยอดฮิตที่ขายแบบจำกัดจำนวนหมดแล้วหมดเลยนี่เรียกว่าเขามาต่อคิวกันตั้งแต่คืนวันสิ้นปี ยอมนอนเคาดาวน์กันข้างถนนเลยทีเดียว หนึ่งในร้านที่ถุงโชคดีเป็นที่แย่งชิงกันมากที่สุดก็คือร้าน Apple store นี่แหละครับ
บางทีคนมารอกันตั้งแต่วันที่ 25 ธันวา ฉลองคริสต์มาสกันข้างถนนระหว่างต่อแถวรอเลยทีเดียว ทั้งนี้เพราะเขาบอกว่าถุงโชคดีของร้าน Apple store นั้น มักจะมีของเด็ด ๆ แพง ๆ ใส่เอาไว้แบบสุ่มอยู่เสมอ เช่น MacBook Air หรือไอแพด เป็นต้น ทำให้เหล่าสาวกนั้นต้องมาต่อแถวเพื่อแย่งชิงถุงโชคดีของทางร้านกันยาวทุก ๆ ปี
อย่างไรก็ตาม คนที่โชคดีก็มีแค่ไม่กี่คนครับ ส่วนคนที่เหลือก็มักจะได้ของสุดระทมไปแทน เช่น เคสไอโฟน (ที่อาจไม่ตรงรุ่นกับที่เราใช้) หูฟัง, พาวเวอร์แบงค์ รวมไปถึงเสื้อยืด !! ซึ่งถุงโชคดีของร้าน Apple store ขายในราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียวในราคาประมาณ 36,000 เยน (ประมาณ 1 หมื่นบาท) เรียกว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงของจริง
แต่ถุงโชคดีก็ไม่ได้มีแต่ราคาแพง ๆ เสมอไปนะครับ เพราะมันมีตั้งแต่ราคา 1,000 เยน (270 บาท) ไปจนถึงราว ๆ 50,000 เยน (13,500 บาท) เลยทีเดียว อันที่แบบถูก ๆ นับว่าไม่ค่อยมีความเสี่ยงมาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นถุงโชคดีของร้านขนม ที่ในถุงก็จะอัดแน่นไปด้วยขนมชนิดต่าง ๆ แบบนี้อาจจะไม่ค่อยมีของเซอร์ไพรส์ที่ราคาแพงอยู่ในถุงมากนัก แต่เรียกว่าเป็นถุงที่ค่อนข้างปลอดภัยเพราะว่าแต่ละถุงข้างในของก็จะเหมือนกัน และมีมูลค่ามากกว่าราคาที่จ่ายไป ส่วนของข้างในถึงไม่ชอบกินก็ยังพอเอาไปแจกคนอื่นได้
สำหรับถุงโชคดีที่ขายดีที่สุดก็เดาไม่ยากครับ มันคือถุงโชคดีของร้านเครื่องสำอางสำหรับให้สาว ๆ ซื้อนั่นเอง ซึ่งถุงโชคดีประเภทนี้เรียกว่าทำออกมาแบบไม่จำกัดจำนวน แถมบางร้านทำขายไปทั้งปีเลย เขาบอกว่าถุงโชคดีของร้านเครื่องสำอางนั้น สาว ๆ นิยมมาซื้อตลอดทั้งปี
เพราะของในถุงก็จะเป็นของที่พวกเธอใช้ประจำอยู่แล้ว ดังนั้นถุงโชคดีก็จะไม่ต่างกับการไปซื้อของลดราคาในร้านเท่าไร เพียงแต่มันมัดรวมมาโดยไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรเท่านั้นเอง ทำให้ถุงโชคดีแบบนี้ขายดีเป็นพิเศษ นอกนั้นพวกถุงโชคดีของร้านกาแฟหรือร้านอาหารต่าง ๆ ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน โดยข้างในถุงก็มักจะเป็นของที่ระลึกที่มีโลโก้ของร้าน รวมกับพวกคูปองลดราคาต่าง ๆ
ส่วนหนุ่ม ๆ ที่งบไม่เยอะ ถุงโชคดียอดฮิตที่ขายดิบขายดีก็จะเป็นถุงโชคดีของร้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ หรือร้านของเล่น ของมือสองต่าง ๆ ที่จะราคาไม่สูงมาก แต่ขอบอกเลยว่าถุงแบบนี้ส่วนใหญ่ของข้างในที่ได้มาจะเป็นขยะซะเป็นส่วนใหญ่ครับ
โดยส่วนตัวผมเคยซื้อถุงโชคดีจากร้านคอมพิวเตอร์ที่อากิฮาบาร่า ย่านเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังของญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะขายถุงโชคดีในราคาประมาณ 1,000 เยน (270 บาท) ซึ่งพอผมซื้อมาแล้วก็ต้องตกตะลึงกับของข้างใน เพราะแม้มันจะมีมูลค่าเกินเงินที่จ่ายไปมาก แต่ทว่า มันล้วนเป็นขยะทั้งนั้นเลย … เพราะมันประกอบด้วยของ เช่น กระเป๋ากล้องอันเล็ก ที่ทำความสะอาดกล้อง กล่องใส่ของ สายเชื่อมต่อที่ไม่รู้ให้มาทำไม
ไฮไลท์ของถุงโชคดีของร้านนี้ก็คือเครื่องเล่นเกมส์ PS1 ที่ไม่มีอุปกรณ์ต่อพ่วงอะไรใด ๆ มาให้ เลยไม่รู้ว่าใช้ได้ไหม และกล้องคอมแพครุ่นเก่า ที่ไม่มีแบตเตอร์รี่และที่ชาร์ต ทำให้ก็ไม่รู้ว่ามันใช้ได้ไหมเช่นกัน สรุปคือมูลค่าเกินเงินที่จ่ายไปจริง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ หรือใช้ได้รึเปล่าก็ไม่รู้ หลังจากนั้นมาก็เลยไม่ค่อยได้ซื้อถุงโชคดีอีกเลย เพราะรู้สึกมันจะนำความทุกข์ระทมมาให้มากกว่าโชคดี
สรุปว่าเจ้าถุงโชคดีนี่ก็เป็นกิจกรรมสนุก ๆ ของคนญี่ปุ่นในช่วงต้นปีอะครับ จริง ๆ เป้าหมายของมันก็คือการกำจัดสินค้าค้างสต๊อกของร้านเขานั่นแหละ ถ้าใครอยากร่วมสนุก หรือมั่นใจในโชคของตัวเอง ก็ลองไปซื้อกันได้ มีขายแทบทุกที่ทุกร้านในญี่ปุ่นช่วงสัปดาห์แรกของปีใหม่เลยครับ
ว่าแต่ว่า แม้มูลค่ามันจะเกินราคาที่เราจ่ายไป แต่เราก็ต้องได้ของที่ไม่ได้ต้องการมาแบบนี้ มันจะนับเป็นการซื้อของที่คุ้มค่ารึเปล่านะ ?
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
*ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม *
Facebook: Eak SummerSnow
Youtube: Eak SummerSnow
ความเห็น 12
Leang
เป็นบทความที่ใส่ความเป็นอคติของผู้เขียนอยู่อย่างมาก อีกอย่างไม่มีความเป็นปัจจุบัน เพราะ apple store japan เลิก fukubukuro แต่ใช้วิธีอื่นไปแล้วครับ
04 ม.ค. 2563 เวลา 01.54 น.
นี่กะลังต่อแถวซื้อถุงโชคดีอยู่พอดีค่ะ ยืนอ่านไปยิ้มไป รู้ทั้งรู้ว่าไม่คุ้ม แต่ก็อยากลุ้นโชค อิอิ
04 ม.ค. 2563 เวลา 06.09 น.
Jakkapatt
ผู้เขียนเปนคนมองโลกในแง่ลบมากๆ
เค้าลุ้นเอาสนุก ไม่ใช่ลุ้นเอากำไร
จะเปนไปได้เหลอในถุงโชคดีจะมีของที่เราอยากได้เป้ะๆ
04 ม.ค. 2563 เวลา 05.39 น.
เขาคงไม่ไร้สามัญสำนึก ถึงขนาดเอาของหมดอายุมาชายให้ประชาชนของเค้าหรอก ถ้าเป็นสังฆทานไทย ไม่แน่ใจ
04 ม.ค. 2563 เวลา 05.58 น.
tee
50,000 เยน (3,600 บาท) ไปคำนวณให้เรียบร้อยค่อยมาเขียนข่าวก็ได้ครับ ไม่ต้องรีบ
04 ม.ค. 2563 เวลา 07.37 น.
ดูทั้งหมด