“ผู้คนเริ่มตระหนักว่า ความสำเร็จนั้นต้องการมากกว่าความสามารถทางเชาว์ปัญญา
หรือความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค และเราต้องการทักษะอีกชนิดหนึ่งเพื่อที่จะอยู่รอดและเจริญก้าวหน้าได้
ในตลาดงานที่มีการเปลี่ยนแปลง และการแข่งขันที่รุนแรง นั่นคือ คุณภาพภายในตัวเราที่จะฟื้นตัวจากความเครียดได้
มีความคิดริเริ่มที่ดีได้ มองโลกในแง่ดีได้ และมีความสามารถในการปรับตัวได้ดี”
โดย : ดานเนียล โกลแมน ผู้เขียนหนังสือ Emotional Intelligence
คำกล่าวนี้แม้จะถูกกล่าวขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน แต่กลับเข้ากับบริบทของความสุขและความสำเร็จในการทำงานหรือการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ที่ตลาดเปลี่ยนแปลงเร็ว การแข่งขันสูง กำไรน้อย แสดงให้เห็นว่า ปัจจัยภายนอกที่มากระตุ้นความเครียดของคนทำงานในยุคปัจจุบันมีมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้
การควบคุมปัจจัยภายในตัวเราเองได้จึงเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ
ที่จะทำให้เรามีความสุขและประสบความสำเร็จ
ใช่แล้วคะเรากำลังจะพูดถึงการพัฒนาทักษะ ความฉลาดทางอารมณ์ Emotional Intelligence
ที่เราสามารถฝึกฝนได้ แต่หุ่นยนต์อาจยังทำไม่ได้
ความฉลาดทางอารมณ์ มีพื้นฐานอยู่บน 5 เรื่องหลักคือ
1. การมีความตระหนักรู้ในตัวเอง ( Self Awareness)
การรู้ว่าตัวเองรู้สึกอะไร คิดอะไร ลงมือกระทำไปเพราะอะไร สิ่งที่ทำอยู่มีความหมายต่อชีวิตอย่างไร
เรามีจุดแข็งอะไรที่ควรรักษาและดึงมาใช้ เรามีจุดอ่อนอะไรที่ควรพัฒนา
ปัญหาของการไม่มีความตระหนักในตัวเอง เช่น เราอาจจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานเพราะเกิดความกังวลเรื่องงานแล้วใช้ความกังวลนั้นในการควบคุม หรือก้าวก่ายงานของคนอื่น เผลอหงุดหงิดใส่ลูกเพราะเพิ่งมีปัญหากับสามี
เป็นต้น
2. การรู้จักควบคุมตัวเอง ( Self Regulation)
รับรู้และยอมรับปัญหาและความยากลำบากที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางไปสู่เป้าหมาย
การมีเบรกของความคิดและอารมณ์เมื่อประสบกับปัญหา
มีความสามารถในการฟื้นคืนความเศร้าหมอง และจัดการอารมณ์อย่างเหมาะสมถูกที่ถูกเวลา
ปัญหาของการที่เราไม่ฝึกทักษะการควบคุมตัวเองคือ เราอาจมีโอกาสจมดิ่งกับอุปสรรคและปัญหา
จนสุดท้ายอาจกลายเป็นโรคได้ในที่สุด
3. การมีแรงจูงใจ ( Motivation)
การที่เรามองเห็นเป้าหมายของงานและชีวิต แล้วพัฒนาตัวเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น
ปัญหาของการไม่ฝึกการมีแรงจูงใจคือ เราอาจรู้สึกท้อแท้หรือท้อถอยได้ง่ายและอาจนำมาซึ่งความล้มเหลวในงานหรือธุรกิจ
4. ความเข้าอกเข้าใจ/ เห็นใจคนอื่น ( Empathy)
การตระหนักถึงความคิดความรู้สึกของผู้อื่นโดยปราศจากการตัดสินความถูกผิด
ให้ความเคารพในความแตกต่าง นอกจากมิตรภาพแล้วยังนำมาซึ่งการดึงศักยภาพของกันและกัน
ปัญหาของการที่เราไม่ได้ฝึกการเข้าอกเข้าใจ คือ เราจะมีความทุกข์กับคำว่า ทำไม? กับคนรอบข้าง และสร้างความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน สุดท้ายแล้วเราเองที่จะรู้สึกโดดเดี่ยวแม้จะแวดล้อมด้วยผู้คนมากมาย
5. ทักษะสังคม ( Social Skill)
การรู้จักสื่อสาร และบริหารจัดการความสัมพันธ์ ทั้งกับตัวเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม
ปัญหาของการที่เราไม่ได้ฝึกทักษะสังคม เราจะไม่สามารถใช้ศักยภาพที่เรามีได้อย่างเต็มที่
การที่เราได้มีโอกาสแสดงความคิด แสดงความสามารถ และเชื่อมโยงกับผู้คน เป็นหนทางที่จะทำให้เราได้เห็นคุณค่าในตัวเอง และความหมายของการมีชีวิตได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นไม่ว่าเราจะนิยามการมีชีวิตที่ดีของตัวเองไว้ว่าอย่างไร มีงาน มีเงิน มีความรัก มีครอบครัว
มีชื่อเสียง ถ้าอยากให้สิ่งเหล่านั้นยั่งยืน ในปัจจุบันแค่ฉลาดทางความคิดอาจยังไม่พอ
การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ของตัวเอง จึงเป็นส่วนประกอบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการมีชีวิตที่ดี
อาหารกาย อาหารใจ อาหารความคิดที่ได้จากการเที่ยวภูเก็ต
เพลงนี้ดีต่อใจ รักเท่าไรก็ยังไม่พอ
Pain ship มาเป็นมิตรกับสภาพแวดล้อมที่เงียบเหงา
----------------------------------------------------------------------------
Page FB ดีต่อใจ โดย หมอเอิ้น พิยะดา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10156783544953550&id=306538978549
----------------------------------------------------------------------------
IG :https://www.instagram.com/earnpiyada/
----------------------------------------------------------------------------
Website : http://www.earnpiyada.com/
ความเห็น 2
ขอให้เรารู้ตัวใว้ว่าเวลานี้เรารู้สึกอย่างไรเครียดก็รู้ว่าเครียด สติเกิดกิเลสจะไม่เกิดิ มีสติบ่อยๆจะทำให้รู้ว่าทุกอย่างมีเกิดมีดับ อารมณ์ดีบ้างไม่ดีบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ถ้ารู้ทันอารมณ์บ่อยๆเราจะคุมอารมณ์ได้
23 พ.ค. 2562 เวลา 01.16 น.
ผมคิดว่าในการมีสติและการคิดพิจรณาให้รอบครอบนั้นก็ย่อมสามารถที่จะทำให้รู้ได้ถึงในวิธีการแก้ไขกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นมาได้เป็นอย่างดีเหมือนกันนะครับ.
22 พ.ค. 2562 เวลา 12.28 น.
ดูทั้งหมด