VR (Virtual Reality) หรือโลกเสมือนจริง เป็นสิ่งที่เราได้ยินมานานพอตัว การสวมแว่นครอบศีรษะและทำให้เราหลุดเข้าไปในโลกเสมือนจริง 360 องศา เป็นคอนเซปต์ที่น่าสนใจ และหลายคนคาดการณ์ว่าจะกลายมาเป็นวิธีเสพสื่อใหม่ของมนุษย์เราในไม่ช้า
แต่ในขณะที่ VR กำลังเป็นเทรนด์ที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ดูมีความหวัง เพราะมีอุปกรณ์ทั้งสำหรับ ‘สร้าง’ และ ‘เสพ’ สื่อ 360 องศาออกมาในท้องตลาดมากมาย แต่เมื่อมาถึงภาคปฏิบัติจริงๆ กลับไม่เป็นไปตามคาดเป็นเพราะปัญหาหลายๆ อย่างเช่น
- แว่น VR ดีๆราคาสูงเกินคนทั่วไปเอื้อมถึง
- VR ที่ราคาน่ารักลงมาหน่อยก็ใส่นานๆไม่ได้ ใส่แล้วปวดหัว เกิดสิ่งที่เรียกว่า Motion Sickness หรือที่ตาและสมองเราปรับตัวไม่ทัน
- การออกแบบยังทำให้ ใช้งานได้ไม่สะดวกขนาดนั้น ใหญ่เทอะทะไปบ้าง ใส่แล้วเหงื่อแตกพลั่กบ้าง และนอกจากจะต้องมีคอนเทนต์เฉพาะแล้ว ยังต้องต่อกับคอมพิวเตอร์ มีสายระโยงระยาง หรือต้องใช้มือถือประกอบอีก
ดังนั้นว่าที่ดาวรุ่งอย่าง VR จึงพุ่งไม่สุด และแผ่วๆ ไป สาวกหลายคนยังคงรอที่จะเห็น VR ที่จะมาเปลี่ยนโลก เฟื่องเองก็เป็นคนหนึ่งที่รอเห็นความ “ว้าว” ของ VR ที่จะออกแบบมาได้ลงตัวเสียที
แผ่วไปหลายปี แต่มีแนวโน้มจะกลับมาบูมอีกครั้งนึงในปีนี้ด้วย ‘Oculus Go’ ผลงานจากเฟซบุ๊กหลังเข้าซื้อกิจการของ Oculus Rift ตั้งแต่ปี 2012 และพัฒนามาเรื่อยๆจนได้ Stand Alone VR (ทำงานได้ด้วยตัวเอง มีจอ CPU และลำโพง built-in) ราคาเข้าถึงได้ เปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เฟื่องได้ลองใช้แล้ว และตามอ่านรีวิวของสื่อต่างชาติ ส่วนมากยกให้ Oculus Go เป็น VR แห่งปี แม้ว่าคุณภาพจะยังไม่เจ๋งเท่า Oculus Rift รุ่นพี่ ราคาจะสูงกว่า Samsung Gear VR หรือ VR มากมายหลายยี่ห้อจากจีน และอาจจะเหมาะกับเป็นอุปกรณ์สำหรับความบันเทิงทั่วๆ ไป เช่น ดูหนัง ดูสารคดี มากกว่าใช้เล่นเกมโดยเฉพาะ แต่คุณภาพ การออกแบบ และราคาถือว่าน่าจับตามอง
ไฮไลท์ที่สำคัญเลยคือ เนื่องจาก Oculus Go พัฒนาขึ้นมาโดย Facebook ทำให้มีแอปที่เราสามารถสร้าง Avatar และเข้าไปคุยออนไลน์กับเพื่อนได้ หรือจะเล่นเกมออนไลน์กับเพื่อนผ่าน VR ก็ได้ ทำให้ได้อรรถรสและประสบการณ์ที่ต่างออกไป ซึ่งเฟื่องว่าเจ๋งดี
อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกไปว่าสายเกมฮาร์ดคอร์ น่าจะยังไม่ได้ปลื้ม Oculus Go เท่าใดนัก เพราะคอนเทนต์ข้างในเป็นชุดเดียวกันกับ Gear VR ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นแค่กิมมิคเบาๆ เล่นแป๊บๆก็เบื่อ หากจะมาสายโหด แนะนำเป็น Oculus Rift หรือ HTC Vive ที่จะให้ประสบการณ์เต็มตามากกว่า (แต่ก็มาพร้อมกับราคาสูงกว่านั่นเอง)
จะรุ่งหรือร่วงก็ขึ้นอยู่กับว่าสามารถครองใจผู้บริโภคได้มากขนาดไหน ผู้ใช้งานเยอะก็เกิด ผู้ใช้งานน้อยก็กร่อย รอติดตามกันต่อไปค่ะ
ABOUT ME
Blog: http://www.faunglada.com
Facebook: http://www.facebook.com/faunglada
Youtube: http://www.youtube.com/faunglada
Instagram: http://www.instagram.com/faunglada
Twitter: http://twitter.com/faunglada
LINE: @faunglada
ความเห็น 21
O+
คนที่มีก็เพราะไม่เดือดร้อน
คนไม่มีก็ดีแต่แขวะ
26 มิ.ย. 2561 เวลา 15.14 น.
Bavo5
เป็นรูปแบบการนำเสนอใหม่ๆในเชิงธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องไปอยู่หน้าสินค้าจริง
26 มิ.ย. 2561 เวลา 12.20 น.
@...
บางครั้งในมุมมองของรูปแบบที่ใหม่ๆ ก็สามารถทำให้คนเราแสวงหาได้เหมือนกัน.
26 มิ.ย. 2561 เวลา 20.41 น.
punsang
อนาคตสื่อใหม่ ไปรอดแน่นอน แต่ อนาคตใหม่ไปไม่รอดชัวร์เลยครับ
27 มิ.ย. 2561 เวลา 09.32 น.
Aek_Amnart
Avatar
31 ก.ค. 2561 เวลา 11.55 น.
ดูทั้งหมด