ตอนดูถูก หยามน้ำหน้าใครได้
ความรู้สึกที่เกิดขึ้น จะเหมือนอยู่เหนือเขา
ตอนด่าทอใครว่าเลวแค่ไหน
จะเหมือนว่าตัวเราเองไม่ใช่อย่างนั้น
สูงส่งกว่าความเป็นเช่นนั้นลิบลับ
แต่ข้อเท็จจริงทางผลแห่งกรรม
คือ การดูถูกคน ยกตนข่มท่านเป็นประจำ
เป็นเส้นทางกรรมที่ทำให้จิตวิญญาณต่ำต้อย
เพราะการดูถูกคน คือเครื่องหมายของการกดลงสู่ที่ต่ำ
ทั้งฝั่งผู้กดและผู้ถูกกด
ส่วนความอ่อนน้อม
เป็นเครื่องหมายของจิตวิญญาณชั้นสูง
เพราะความอ่อนน้อม เข้ากันได้กับมหากุศลจิต
ที่ยกจิตยกใจผู้อ่อนน้อมขึ้นสูง
อย่างเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
อาการทางใจขณะให้ทาน
ที่เป็นการให้แบบสัตบุรุษ
คือให้ด้วยความอ่อนน้อม
ส่วนการให้แบบอสัตบุรุษ
คือ ให้ด้วยความไม่อ่อนน้อม
(จูฬปุณณมสูตร)
ขอให้สังเกตใจตัวเอง
ขณะถวายทานแด่สงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
หรือจะให้ของอะไรช่วยคน สงเคราะห์สัตว์ใดก็ตาม
หากไม่สังวร ไม่แสดงกิริยาอ่อนโยน
ให้ส่งๆ แบบไม่ชายตาแล
หรือให้แบบโยนเศษโยนเดนให้เขาวิ่งเก็บ
ความรู้สึกข้างในจะกระด้าง
เกิดอาการกร่างอย่างถือตัวว่า
ข้าเป็นผู้ให้ของ
ข้าเหนือกว่าผู้รับของ
เมื่อเผลอให้ทานด้วยอาการเช่นนั้นหลายครั้งเข้า
ใจที่กระด้าง อยากยกตนข่มท่าน
จะกลายเป็นรากความรู้สึกในตัวตนไป
คิดอะไรกับใคร
จะออกแนวดูถูกดูแคลนไปหมด
สิ่งที่บอกความเป็นตัวคุณ
จะเป็นสีหน้าสีตาที่ชวนให้ระคาย
มุมปากจะแสยะง่าย
กระแสใจเขื่องๆ จะมืดคลุ้มคลุมตัว
ความคิดอ่านติดแน่นอยู่กับการเล็งเหยียดหยาม
เหยียดฐานะ
เหยียดผิวพรรณ
เหยียดชาติตระกูล
ไปจนกระทั่งเหยียดเชื้อชาติ
พอจิตเป็นพาล เห็นตัวเองพอง
แอบจองหองคับโลกได้ทุกที่
สำคัญว่าตนสูงส่งกว่าทุกคน
ก็จะไม่เห็นเลยว่าจิตตนเป็นอกุศล
ตกต่ำดำมืดกว่าใครๆ
ผู้รู้ธรรมย่อมเห็นว่า แม้เป็นผู้ให้
แต่ให้อย่างอสัตบุรุษ
แม้ได้รับผลเป็นความมั่งคั่งภายนอก
ก็ไม่ใช่จะเกิดผลเป็นความเจริญรุ่งเรืองภายใน
เห็นทันทีขณะยังมีชีวิต
คือ เป็นผู้น่ารังเกียจชิงชัง
และเห็นด้วยตนเองหลังสิ้นชีวิตแล้ว
ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
เมื่อให้ทานเยี่ยงอสัตบุรุษ
ตายไปย่อมบังเกิดในคติของอสัตบุรุษ
คือ กำเนิดในนรก ในแดนเปรต
หรือในท้องสัตว์เดรัจฉาน
รากบุญเป็นอย่างไร
ดอกบุญผลบุญก็เป็นอย่างนั้น
ถ้าจะขัดเกลาตน
จึงควรแสวงหาพระหรือผู้ทรงศีล
อันตนมีใจยอมยกไว้ว่าควรกราบไหว้บูชา
แล้วยกทาน ถวายทาน ด้วยกิริยาเคารพนบนอบ
หากแม้ยังรู้สึกถึงใจที่แอบกระด้าง
ก็ถวายทานด้วยกิริยาอ่อนน้อมซ้ำบ่อยๆ
ด้วยทิศทางการอธิษฐานว่า
ขอให้ความอ่อนโยนเข้าถึงจิต
ขอให้กลายเป็นใจจริงที่จะเคารพทาน
เห็นทานเป็นของสูง
ไม่ปล่อยให้ทานเป็นช่องทางเหยียดใคร
จนไม่เห็นหัวคนเหมือนที่ผ่านๆ มา
เมื่อความอ่อนน้อมมาประดิษฐานในจิตจริง
แม้ยังไม่ตาย คุณก็จะรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณ
ที่ส่องสว่างขึ้น สูงส่งขึ้น ฉายรัศมีน่าเข้าใกล้ขึ้น
และพ้นจากสภาพน่ากลัวว่า
จะควรกันกับอบายภูมิเสียได้!
ความเห็น 27
sor sirimetha
BEST
ถูกต้องครับ...พระพุทธเจ้าตรัสถึงความสุขความทุกข์ ความเสื่อมความเจริญ ความดีความชั่วของชีวิตและสาเหตุต่างๆของสิ่งเหล่านี้ไว้หมดแล้วตามความเป็นจริง ถ้าเราอ่านศึกษาเราก็จะรู้ได้ตามพระองค์ ยิ่งถ้าเรานำมาปฎิบัติตามก็ยิ่งจะทำให้เราได้พบแต่ความสุขความเจริญ มองเห็นสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมหรือในชีวิตอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงแลัเข้าใจมันได้...
07 มิ.ย. 2563 เวลา 03.18 น.
สาธุครับ อ.
07 มิ.ย. 2563 เวลา 03.36 น.
วิทยา 3753
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาบุญในธรรมท่านครับ อาจารย์
07 มิ.ย. 2563 เวลา 03.53 น.
N 🚥🚦🚥 C
พระโอวาทตรัสสอนของพระองค์ท่าน มีมากจริง ๆ เรียนรู้เท่าไรก็ไม่หมด หลัก ๆ คือศึกษาพระพุทธพจน์ แล้วนำมาปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
07 มิ.ย. 2563 เวลา 05.16 น.
Kate
Be kind to any kind .
07 มิ.ย. 2563 เวลา 03.12 น.
ดูทั้งหมด